ฝึกเข้าสู่ญานวิถีด้วยปัญญา

ฝึกเข้าสู่ญานวิถีด้วยปัญญา

388
0
แบ่งปัน

**** “ฝึกเข้าสู่ญานวิถีด้วยปัญญา” ****

ขอสาธุคุณสวัสดี

เรื่องสมาธิจิตนั้น พุทธไทยเรานิยมกันมากที่จะฝึกฝนกัน

เพราะเข้าใจว่าฝึกแล้วจะทำให้เป็นคนดี

จริงๆมันคนละเรื่องกันน่ะ คนดีกับการนั่งสมาธิ

เพราะพวกไสยศาสตร์เขาก็ฝึกด้วยการนั่งสมาธิเหมือนกัน

เพราะความไม่เข้าใจ จึงพยายามสอนพยายามฝึก

ปัญหาคือ คาดหวังและมุ่งมั่นที่จะทำให้ได้มากเกินไป

การพยายามที่จะให้ได้นี่ มันจะไม่ได้

ถึงได้ มันก็ไม่มั่นคง มันเอาตัวไปเป็นเจ้าของซะ

การทำสมาธิจิต เราทำสบายๆ ไม่ต้องมากมาย

ที่ทำมากมายนั้นมันมีเหตุปัจจัย

เช่นจะดูอารมณ์ ดูเวทนา ดูสัจจะ ดูขันติ ดูความเพียร อะไรเหล่านี้

ไม่ใช่พยายามนั่งเพื่อให้บรรลุ เพื่ออวด เพื่อความไปสู่ขั้นวิเศษ รู้นั่นรู้นี่ เห็นนั่นเห็นนี่

ที่สำคัญ ในวิถีพุทธนั้น แตกต่างไปจากการทำสมาธิโดยทั่วไป ที่ผู้คนทั้งหลายเขาฝึกๆกัน

เราต้องรู้จักสมาธิในแบบอย่างพุทธวิถีเสียก่อน

การทำสมาธิในวิถีพุทธคือ การมีสติและสัมปชัญญะในสิ่งที่ทำ

สมาธินั้น อาศัยการเพ่ง เพื่อรวมการปรุงแต่งทั้งหลายให้เป็นไปในจุดเดียว

มีอารมณ์เป็นหนึ่งเดียว ด้วยสติและสัมปชัญญะ

เราเอาลมหายใจเป็นที่ตั้งแห่งจิตก็ได้

คำบริกรรมอะไรก็ได้

บางคนยังไม่เข้าใจเรื่องบริกรรม

บริกรรมนี่ เป็นคำสมมุติขึ้นมาเพื่อใช้ให้ใจเราได้มีที่ยึดเกาะ

เช่น พุทโธ สัมมาอรหัง ยุบพอง อะไรก็ได้

คำบริกรรม แล้วแต่ใครชอบ แล้วแต่ใครจะถนัด

ไม่มีคำไหนพิเศษกว่ากัน

ใช้ได้เหมือนกัน เป็นคำสมมุติเหมือนกัน

ไว้เป็นที่ยึดเกาะแห่งใจเหมือนกัน

คำบริกรรมที่เลือกใช้ หรือลมหายใจที่เราเลือกขึ้นมา

เรียกว่าวิตก..

การประคองคำบริกรรมให้ตั้งมั่น มีสัมปชัญญะกับคำบริกรรม เรียกว่า วิจารณ์

นี่..สมาธิในวิถีพุทธ เริ่มต้นที่ตรงนี้ คือมีสติสัมปชัญญะ เพ่งอยู่ที่วิตก และประคองวิตก อย่าให้ตกออกไปจากการเผลอสติ

นี่เรียกว่าวิจารณ์

ทีนี้ พวกเรานั้นเพ่งคำบริกรรมไม่จริง

พอเพ่งไปซักพัก มันจะกลายเป็นท่อง

มันท่องคำบริกรรม มันไม่ได้เพ่งคำบริกรรม

ปากมันท่อง แต่ใจไหลซ่านออกไปทั่ว

นี่สมาธิมันไม่แข็งแรง มันคลายตัวฟุ้งไปทางมโนเสียแล้ว

เหมือนคนร้องเพลง ปากมันก็ฮัมไปเรื่อย แต่ไม่ได้เพ่งและจิกลงไปในเนื้อเพลง

นี่เป็นปัญหาของนักทำสมาธิจิต

ส่วนใหญ่จึงข้ามปฐมฌานไปไม่ได้

การทำสมาธินั้นไม่ยาก เข้าสู่ฌานสี่ก็ไม่ยาก

ที่ยากคือเราตั้งมั่นไม่พอ และขาดปัญญาในเส้นทางการดำเนิน

เราลองเอาเหรียญมาวางห่างกันซักคืบซิ

เมื่อเพ่งเหรียญใดเหรียญหนึ่ง

พอเริ่มเป็นสมาธิ

เหรียญอีกด้านหนึ่งมันจะหายไป

เหรียญที่หายไปนั่นแหละ มันกำลังเข้าสู่ปิติจิต

คือจิตมันหดตัวเข้าสู่จุดเพ่ง เรียกได้ว่า มีสมาธิมากขึ้น

จิตมันตัดรายละเอียดรอบข้างที่เพ่ง ไม่ใช่เราตัด

คนฉลาดก็จะเกิดปัญญาขึ้นมาว่า การมีสมาธิ มันเป็นเรื่องของจิต ไม่ใช่เรื่องของเรา

เรากับจิต มันแยกตัวกันทำงาน

เรามีหน้าที่แค่ดูกับรู้ จิตมันมีหน้าที่ปรุงแต่งไปตามเรื่องของมัน

เราบังคับมันไม่ได้เลย

แต่เราก็เอาอาการที่มันปรุงมาเป็นเราทุกทีว่าเราเป็น

ที่ดูว่าเราเป็น เพราะมันรวมกันอยู่ในก้อนเดียวกัน

เราไม่มีปัญญาแยกมันออกมาดูเอง

ฝึกง่ายๆเช่นนี้ และยืนยันได้ด้วยปัญญาตัวเราเอง

ช้าอยู่ใย รีบหาเหรียญมาลองทำดูซิไอ้น้อง

เมื่ออีกเหรียญหายไป การปรุงแต่งจะเริ่มเกิด

หากสมาธิมากๆเข้าและอยู่ผู้เดียว

เหรียญนั่นจะดูใหญ่ขึ้น หรือเล็กลงได้

รอบๆเหรียญจะเลือนลางไม่มีความชัดเจนอะไร

จนที่สุด จะเหลือแต่เหรียญลอยเด่นอยู่เบื้องหน้าเรา

การที่เหลือแต่เหรียญลอยเด่นเบื้องหน้าเรานั้น

หากอยู่ในกระแสภวังค์ มันจะปรุงแต่งออกมาหลากหลาย

มันบังคับให้เหรียญใหญ่ได้เล็กได้

ให้แตกออกมาหลายๆเหรียญก็ได้

ให้หมุนก็ได้ ให้ตั้งก็ได้

นี่เป็นการปรุงแต่งทางจักษุวิญาณ

แต่หากมันออกมาทางกายวิญญาณ

ขณะที่เราเพ่งเหรียญ เราอาจรู้สึกตัวบวมตัวพองแขนขาใหญ่

ขนลุกขนพอง ตัวออกหมุนๆ อะไรอีกเยอะแยะ

มันแล้วแต่จิตมันจะมีมูลเหตุในการปรุงอะไรออกมาทางภวังค์จิต

ถ้าไม่รู้ตัว หรือแช่ไปกับอาการของมัน

เราก็จะต้องเผชิญกับการปรุงแต่งอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ถ้าตกลงไปในกระแสปิติเลย

พวกนักปฏิบัติเขาเรียกอภิญญา

จริงๆอภิญญาก็คือการปรุงแต่งแห่งจิตเจ้าของที่มันปรุงขึ้นมานี่แหละ

มันไม่ใช่ความเป็นจริง ในอัตตภาพที่เรามีและเราเป็นอย่างธรรมดาทั่วไปแต่อย่างไร

ก็เหมือนคนนั่งฝันไป มันปรุงของมันไปเช่นนั้น

ท่านผู้มีปัญญา มีสติ มีผู้ชี้

ท่านจะกลับมาตั้งที่วิตกใหม่

ท่านไม่ไหลออกไปตามกระแสปรุงเช่นนั้น

หากไม่มีผู้ชี้ ตลอดชีวิตของเรา เราก็จะแช่อยู่เช่นนั่น

และจะหง่อมแก่ตายไป คาอยู่กับอาการที่เป็นไปจนตาย

ออกจากสิ่งที่ตนปรุงแต่งไม่ได้

อาการที่เป็นและเข้าไปยึด มันจะเป็นตัวขวางมรรคผล ไม่ให้จิตเรา ได้เผชิญความจริงที่ละเอียดและสูงขึ้นไป

ลองฝึกง่ายๆสบายๆดู อาการนอกเหนือจากนี้ มีโอกาสก็เข้ามาถามที่เกาะกลางน้ำ

สำหรับเรื่องสมาธิ เราจะได้รับคำตอบที่ตรงชัดและเราลูบคลำได้ด้วยปัญญาเราเอง

ขอสาธุคุณในบ่ายแก่ๆวันนี้

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 9 พฤศจิกายน 2560 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง