อย่าโดนหลอกเรื่องนิโรธสมาบัติ

อย่าโดนหลอกเรื่องนิโรธสมาบัติ

321
0
แบ่งปัน

**** “อย่าโดนหลอกเรื่องนิโรธสมาบัติ” ****

ขอสาธุคุณให้มีแต่ความสุขความเจริญ

การทำสมาธินั้น การฝึกให้จิตมีความชำนาญในอัปปนาสมาธิ ไม่ใช่เรื่องง่าย

อัปปนาสมาธิ จะเกิดขึ้นได้ กับผู้ฝึกจิตมาทางอรูปฌานจนเกิดความชำนาญ

นักบวชทางฤษี พราหมณ์ เหล่าผู้ทำสมาธิจะเกิดอัปปนาสมาธิกัน

อัปปนาสมาธิ จะดับแม้แต่สติ เป็นสมาธิที่อยู่ในขั้น สัญญาญะญายตนะญาณ

ผู้ได้อัปปนาสมาธิ อายตนะจะดับหมด ไม่มีรูปเป็นเครื่องเกาะทางจิต

เป็นการทำสมาธิเพื่อให้เกิดการตั้งมั่นในการดับสัญญาในอาการแห่งจิต

ส่วนผู้ที่ฝึกมาทางรูปฌาน อันตั้งมั่นอยู่ในวิตกวิจารณ์

แม้ภาวะจิตจะหดเหลือแต่เอกคตารมณ์

แต่ก็ยังมีสติลอยเด่นอยู่ แม้วางตัวเป็นอุเบกขาญาณก็ตาม

เมื่อพูดถึงนิโรธสมาบัติ

เรามักได้ยินว่า พระที่นั่นที่นี่เข้านิโรธสมาบัติ

การเข้านิโรธสมาบัตินั้น ท่านผู้นั้นจะต้องได้ฌานอัปปนาสมาธิเป็นเบื้องต้น

ผู้ที่ไม่เข้าถึงอัปปนาสมาธิ เข้าถึงนิโรธสมาบัติไม่ได้

อีกนัยหนึ่ง

แม้ผู้เข้าถึงอัปปนาสมาธิ แต่ไม่เข้าถึงมรรคผลที่ตนประจักษ์แจ้งแทงใจในด้านปัญญา

ผู้นี้ก็เข้านิโรธสมาบัติไม่ได้

เพราะผลแห่งสมาบัติยังไม่เกิด

การเข้านิโรธสมาบัติ จึงเป็นไปไม่ได้ เพราะผลมันขัดแย้งในตัวของมันเองอยู่

ผู้ที่ได้ผลสมาบัติ อันจะเกิดจาก เจโตก็ดี จากปัญญาวิมุติก็ดี

แต่ไม่ได้ทำฌานสมาบัติ

เช่นนี้ ก็เข้านิโรธสมาบัติไม่ได้

พระผู้ทรงคุณ เข้าถึงอรหัตมรรค ยังไม่เข้าถึงอรหัตผล

หากทรงคุณครบทั้ง ฌานสมาบัติ เข้าถึงส่วนใดส่วนหนึ่งของวิมุติ

คือเข้าถึงเจโตวิมุติก็ดี หรือเข้าถึงปัญญาวิมุติก็ดี

แต่ยังเข้าไม่ครบทั้งสองส่วนที่เรียกว่า บุพโตวิมุติ

และได้อัปปนาสมาธิ

เช่นนี้ เข้าผลสมาบัติในส่วนที่เข้าถึง และเข้าสู่นิโรธสมาบัติ ก็เข้าได้อยู่

นี่..แม้ไม่เข้าถึงอรหัตผล ก็เข้านิโรธได้เช่นกัน

ผู้ทรงคุณที่ก้าวล่วงฌานทั้งหลาย เข้าถึงเจโตวิมุติ เข้าถึงปัญญาวิมุติ ที่เรียกว่าปฏิสัมภิทาญาณ

แต่จิตไม่ทรงตัวเป็นอัปปนาสมาธิ

เช่นนี้ แม้สำเร็จมรรคผลบรรลุธรรม ก็เข้าสู่นิโรธสมาบัติไม่ได้

เข้าได้แค่ผลสมาบัติและฌานสมาบัติอันเนื่องมาจากวาสนาตนเท่านั้น

และนิโรธสมาบัติ ก็ใช่ว่า เจ้าของจะตั้งสัจจะว่าจะเข้าสู่นิโรธสมาบัติ ด้วยความคิดของเจ้าของเอง ว่าจะเข้านิโรธสมาบัติ

เช่นนี้เข้าไม่ได้

เจ้าของไม่สามารถบังคับจิตเจ้าของให้ได้ดังใจได้

การบังคับว่าจะเข้านิโรธสมาบัติแค่นั้นแค่นี้ มันเป็นเรื่องอัตตาตน

ไม่ใช่เรื่องเรื่องดำเนินไปในเส้นทางแห่งวิถีจิต

เรา..บังคับจิตไม่ได้

เรา..สร้างหนทางให้จิตดำเนินได้

ได้ไม่ได้ มีเหตุปัจจัยตามความเคยชินจิต ไม่ใช่เจ้าของคิดเอาเองว่าเราจะเป็นผู้เข้า

เรา..บังคับให้จิตสงบไม่ได้

แต่เรา สร้างหนทางแห่งความสงบขึ้นมาด้วยปัญญาของเราได้

หากเราจะเข้าสู่นิโรธสมาบัติ ด้วยความคิดเรา

เราก็จะเกิดการขัดแย้งความเป็นจริงด้วยอัตตาเรา ที่เข้าไปเป็นเจ้าของอาการแห่งจิต

นิโรธสมาบัติ คือโหมดจิตที่เข้าไปสู่ความดับสนิท อาศัยผลสมาบัติที่เจ้าของเข้าถึง

เหมือนเราพิจารณาสิ่งที่มันติดค้างออกได้อย่างหมดจด เราก็นอนหลับอย่างสบายใจ

ผู้ฟุ้งซ่านย่อมนอนไม่หลับฉันใด

ผู้ยังไม่ได้ผลสมาบัติ คือความหมดจดแห่งมรรคผล ย่อมเข้านิโรธสมาบัตินั้นไม่ได้

ภพของนิโรธสมาบัติ นอกจากมรรคผลที่หมดจรดทางผลสมาบัติแล้ว

การมีสมาธิเข้าถึงอัปปนาสมาธิ เป็นวิหารและเครื่องอยู่ของจิต เป็นองค์ประกอบปัจจัยของการเข้าสู่นิโรธสมาบัติด้วย

เราจึงเห็นว่า

ผู้ไม่รู้ จะกล่าวอ้างไปต่างๆนาๆ ตามตำราบ้าง ตามความคิดบ้าง ตามตรึกตรองพิจารณาบ้าง

ข้านี่ชี้ให้เห็นตามแนวทางธรรมแห่งป่าๆ ใครจะเชื่อไม่เชื่อ ก็ไม่ว่ากัน

แต่ผิดไปจากครรลองนี้ เรื่องที่จะเข้านิโรธตามที่ใครๆโฆษณาโปรโมทครูบาอาจารย์

มันย่อมขัดแย้งตามหลักแห่งความเป็นจริงในการดำเนินของวิถีจิต

หวัดดียามเที่ยง ขอให้ทุกท่านมีปัญญาญาณ

พระธรรมเทศนา โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง
วันที่ 20 ตุลาคม 2560
ณ พุทธอุทยานบุญญพลัง
อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี