ดวงตาเห็นธรรม

ดวงตาเห็นธรรม

668
0
แบ่งปัน

**** “ดวงตาเห็นธรรม” ****

ขอสาธุคุณยามเช้าให้มีแต่ความสุขความเจริญ

คนเรานั้น..มักจะจมและแช่นิ่งอยู่ในกระแสที่เป็นอดีตและอนาคตมากไป

เราขาดปัญญามองเห็นตามความเป็นจริง

น้องคนหนึ่งแบกถุงหินขึ้นเขาด้วยความมั่นหมายในบุญกุศลที่ได้กระทำ

แบกทีสองสามถุง เดินผ่านหน้าข้า ลมหายใจโฮกฮากด้วยความเหนื่อยแรง

เขาแบกไปวางที่กองถุงหิน เป่าปาก และยืนพิงไปกับมัน

แฟนเขาก็มาแบกมาขน เหนื่อยเหงื่อท่วมตัวไม่แพ้กัน

เขานั่งพัก ข้าถามว่าเป็นไง…

เขาหันมามองหน้า บอกภูมิใจที่ได้ทำ

ข้าถามว่า หนักไหม ที่แบกกันอย่างนี้

เขาบอกว่าหนักมาก ในชีวิตไม่เคยทำงานหนักขนาดนี้

ข้าหยิบก้อนหินที่ตกเรี่ยราดทางเดินขึ้นมาก้อนหนึ่ง

โยนไปให้เขา แล้วถามว่า

หินก้อนนี้กับถุงหินที่แบก อะไรหนักกว่ากัน

เขาตอบโดยไม่ต้องคิดอะไรด้วยความเหนื่อยอ่อนว่า

หินถุงที่แบก มันหนักกว่า

ข้ามองหน้าถามว่า ความหนักแห่งถุงหิน แกยังไม่วางอีกรึ ข้าเห็นว่า แกก็วางไปแล้วนะมันอยู่ตรงโน้น

เขามองหินในมือที่ถือ และมองถุงหินที่ได้วางไปสลับไปมา

เขาร้องไห้ออกมา และกอดแฟนเขาไว้อย่างสะอึกสะอื้น

ปากพร่ำเพ้อบอกว่า เขาเข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว

เราไม่น่าทุกข์กับสิ่งที่มันเป็นอดีตที่มันไม่มีจริงในตอนนี้เลย

แล้วเขาทั้งคู่ก็ลุกขึ้นคุกเข่าก้มกราบ

บอกกล่าวว่า ขอบคุณครับพระอาจารย์..

นี่..เรียกว่าผู้มีดวงตาเห็นธรรม คือเห็นตรงตามความเป็นจริงเกิดปัญญาแหวกกรอบต่อมโง่ที่หลงวนกับความไม่เป็นจริง มาอยู่กับความจริงในปัจจุบัน

อะไรคือปัจจุบัน…

ปัจจุบันก็คือปัญญาญาณ ที่มองเห็นตรงตามความเป็นจริงว่า

อดีต มันจบไปแล้ว เป็นแค่สัญญาญาณ เป็นอากาศความจำ ที่ไม่มีอะไรมาทำร้ายใจที่เป็นอยู่ในขณะจิตนี้ได้

อนาคต คือสิ่งที่ยังมาไม่ถึง เป็นแค่มโนสัญญาญาณ เป็นอากาศการจินตนาการ ในสิ่งที่ยังไม่มี

มันเป็นความจริงที่มองเห็นชัดว่า ยังไม่มีอะไรมาทำร้ายทำลายเราในขณะนี้ได้

ผู้ที่เข้าใน อดีตและอนาคตรงตามความเป็นจริงตามเหตุปัจจัย

นี่..เรียกว่า เป็นผู้อยู่กับปัจจุบัน

ฉะนั้นเพื่อนเอ๋ย…เรื่องเหี้ยยยย.ย.ย ๆ ที่ผ่านๆมา วางทิ้งมันไปซะเหอะ อย่าเอามมาแขวนหัวใจไว้เลย

พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง
วันที่ 25 กันยายน 2560