คลายทุกข์ด้วยการหัดมองใจตนเอง

คลายทุกข์ด้วยการหัดมองใจตนเอง

382
0
แบ่งปัน

**** “คลายทุกข์ด้วยการหัดมองใจตนเอง” ****

หวัดดีวันอาทิตย์..

อากาศยามเช้าๆ มองออกไปไกลๆ กับวิวเดิมๆ แต่มันเห็นอะไรมากมาย นั่นก็คือใจคน

คนเรานั้นมองใจตนเองไม่ค่อยเห็น มันชอบโทษและตัดสินคนอื่นอยู่ร่ำไป

หลายคนเห็นภาพในเฟซ หากไม่ถูกใจ มันก็ด่าเขาก่อนล่ะ ทำเป็นผู้รู้มาก ระบายอารมณ์ตนลงไป ไม่ดูให้ดี ขอให้กูด่ากูตำหนิไว้ก่อน

บางคนชอบร้อนตัว เขาพูดถึงใครไม่รู้ แต่ประโยคมันสะกิดใจตน เขาต้องว่ากูแน่ๆ รู้สึกเดือดร้อน และแก้ตัว หาพวกเพื่อลบล้าง

แทนที่จะดูดี กลับกลายเป็นโชว์โง่ประจานตนให้คนอื่นเขายิ้มเยาะหนักเข้าไปอีก

จริงๆชีวิตนั้นไม่มีใครสมบรูณ์ได้ดั่งใจเราหรอก เราพึงมองเป็นกลาง

บางคนก็สร้างสถานะการณ์ บิดเบือน สร้างภาพ เพื่อให้ตนนั้นดูดี เหนือโลก แตกฉาน ให้ใครเขานับถือ

บางคนมองแต่คนอื่นผิดอย่างเดียว หากไม่ได้ดั่งใจ ไม่เข้าข้างตน ไม่คงทนกับสิ่งที่ไม่ได้ดั่งใจ

มนุษย์เรามันเป็นกันเช่นนี้กันโดยมาก จริงๆก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

แต่ที่แปลกคือ ทำไมไม่หันมามองใจตนเองบ้าง แทนที่จะมองแต่คนอื่นเลว เพราะเหตุแห่งความไม่ชอบใจตน

ชีวิตนั้นไม่ได้ยืนยาว สุดท้ายแล้วก็ต้องพรากจากกันอยู่ดี

เราทุกคนควรจะหันหน้าเข้าหากัน อย่าตกเป็นทาสของอารมณ์ตน เพื่อเอาแต่ใจตน เข้าใจว่าตนนั้นถูกในทุกเรื่องที่ทำ

ทางพุทธนั้น ท่านฝึกให้มีสติเพื่อดูใจตนและทวนกระแสแห่งใจตน ที่ไหลไปตามกิเลสแทบทั้งสิ้น

บางคนรู้ธรรมมาก อ่านธรรมมาก เข้าใจมาก แต่ไม่เคยทำความเข้าใจในอารมณ์ของตน

เป็นมนุษย์ไฟฉาย มองเห็นความผิดพลาดของใครๆเขาหมด แต่มองไม่เคยเห็นความผิดพลาดด้ามที่ถือไฟฉาย ส่องเห็นใครๆเขา

บางคนมักโกรธ ก็แช่กับความโกรธ ถอดถอนไม่เป็น ต้องให้ผู้อื่นมาเอาอกเอาใจ จึงจะผ่อนคลายลง

บางคน มองแต่ความคิดตน ไม่รับฟังผู้อื่น ปิดประตู เอาแต่อัตตาตน แต่อยากให้ผู้คนฟังแต่ตน และเชื่อเถิดว่าตนนั่น เป็นคนดี

ชีวิตนั้นเรามักไหลไปกับอาการปรุงแต่งเหล่านี้ ที่ผุดออกมาจากภายใน ยามเราผัสสะ

พึงมีสติเพื่อนเอ๋ย ดูใจดูอารมณ์เราเองให้มากๆ ดูคนอื่นที่เขาแสดงน้อยๆลงบ้าง

ดูแต่ใครเขา เราก็ย่อมไม่ถูกใจ เพราะโลกนี้ ไม่มีใครถูกใจเราอยู่แล้วหากไม่ชอบขึ้นมา

ที่ไม่ชอบ เกิดจากเขาทำหรือเราเป็นเล่า

ถ้าเขาทำ ใครๆทั่วไป ก็ต้องเป็นต้องแสดงออกและมีอารมณ์ไม่พอใจเหมือนที่เรากำลังเป็นด้วยซิ

แต่นี่ใครอื่นเขาก็เฉยๆกัน ไม่รู้ไม่ชี้กับสิ่งที่เขาเป็น นั่นแสดงว่า

อารมณ์ชั่วร้ายทั้งหลาย เกิดจากใจมึงเองนั่นแหละ ที่ไม่ชอบใจเขา

และมึงเองวางไม่ได้ด้วยอัตตามึงที่มองเห็นเขาเป็น ไม่ได้ดั่งใจมึง

มึงไม่ยอมเข้าใจธรรมชาติของเขา ที่เขาเป็นของเขาอย่างนั้น

แต่มึงอยากให้ความเป็นของเขาอย่างนั้น มาเป็นอย่างที่มึงเป็นและต้องการด้วยอัตตามึงเอง มึงจึงไปโกรธเขา

มนุษย์นั้น ไม่ค่อยหันกลับมามองใจตน ว่าทำไมตนถึงไม่ชอบที่ใครๆเขาต่างก็เป็น

เรา.อยากให้ใครเขาเข้าใจเรา

เรา.พึงหัดเข้าใจเขาก่อนนะเพื่อนเอ๋ย

เรา.อยากให้เขายิ้มให้แก่เรา

เรา.หัดส่งยิ้มให้แก่ใครเขาก่อน

เรา.อยากให้ใครๆเขารักเรา

เรา.พึงหัดอบรมใจที่จะหันมารักใครๆเขาที่ไม่ถูกใจเราให้เป็นด้วย

มนุษย์นั้นไม่ชอบสิ่งที่ขัดใจตน มักเอาอารมณ์ตน มาอยู่เหนือเหตุผลเสมอ

บางคนเต็มไปด้วยเหตุผล แต่เป็นเหตุผล ที่เข้าข้างตนเอง มองไม่เห็นเหตุผลใครที่เขาส่งมา

พุทธศาสนาชี้การตั้งสติหันกลับมามองใจตน

เมื่อคนเรามองเห็นใจตน การทวนแห่งกระแสใจตนที่ผุดขึ้นมาไม่รู้จบ มันก็จะมีปัญญาเกิด

การเดินทางแห่งมรรคนั้น เดินด้วยการย้อนกลัยมามองใจตนเองเป็นเบื้องต้น

หากยังเดินตามกระแสใจตน โดยไม่สนใจใครขาดหลักเหตุหลักผล

ความทุกข์และวิบากทั้งหลาย มันรอพวกเธอเป็นผลอยู่ตรงจุดหมายเสมอ

ขอให้ทุกคน มีปัญญา หันมามองเห็นใจตนเอง เพื่อหนทางแห่งสันติสุข ที่จะพึงมี ในอัตภาพนี้ที่ได้เกิดกำเนิดมา

มองตนเองมากๆ มันก็จะเห็นว่า

คนอื่นๆเขาก็ต้องการ และเป็นอย่างที่เราเป็น ไม่ได้แตกต่างจากใจของเราเท่าใหร่เลย

เรา..จึงไม่ควรเห็นแก่ตัว เอาแต่อารมณ์ และเพ่งโทษต่อใครๆที่เราไม่ชอบใจ เพราะใครๆเจาก็ไม่ชอบใจเหมือนเราที่ชอบเป็นเช่นกัน

โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง
วันที่ 17 กันยายน 2560
ณ พุทธอุทยานบุญญพลัง อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี