***** “สมาธิแห่งพุทธดำเนินไปด้วยปัญญา” *****
การอธิบายบทธรรม อย่างเช่นเรื่องสมาธินี้
ข้าอธิบายด้วยประสบการณ์และความรู้แจ้งเข้าถึงความเป็นจริงที่ใจมันยืนยัน
เป็นคำอธิบายสมภูมิแห่งผู้ปฏิบัติ ที่ผ่านประสพการณ์มายาวนาน
บุรุษผู้เข้าใจมีภาชนะในวิถีจิตปฏิบัติ
ย่อมเข้าใจและลูบคลำได้ง่าย ด้วยภูมิปัญญาตน
ส่วนผู้ที่ได้แต่เฝ้ามโนตามตรรกะแห่งตน
ชาตินี้ไม่มีวันเข้าใจสมาธิอันเป็นหนทางแห่งสัมมา
อีกไม่นานข้าก็ต้องตายลาจากโลกนี้ไป
การชี้ร่องทางแห่งความจริงไว้ให้รุ่นหลังได้เห็นช่องทาง
พวกเขาย่อมคิดเองและยืนยันได้เมื่อเกิดการปฏิบัติ ตรงตามที่ชี้
เราจะได้ไม่งมงายกับการปรุงแต่งแห่งสังขารจิต ที่เข้าใจว่าเป็นเรา
ถ้าไม่เข้าใจเรื่องจิต อย่าคิดไปอธิบายธรรมให้แก่ผู้อื่น
มันจะเป็นบาปและวิบากส่งให้ใจดวงนี้เข้าไปสู่ความมืดมิดด้วยความหลงรู้
ทำเท่าที่กำลังมี
เกิดมาทั้งทีอย่าให้เสียชาติเกิดเมื่อกายต้องแตกดับไป
ยุคนี้จะหาผู้ใดออกมาอธิบายเรื่องสภาวะจิตให้กระจ่างแจ้งได้
ที่อธิบาย ล้วนนำออกมาจากตำราทั้งสิ้น เอาตนเองเข้าไปตรึกร่วม
บางคนก็ทั้งดุ้น บางคนก็เอาความเห็นตนเข้าไปให้ความเห็น
ผู้รู้จริงนั้นก็มี แต่หากขาดปัจจัยทางปฏิภาณ การอธิบายก็จะให้ความหมายแห่งสมมุติไม่ตรงตามความเป็นจริง
พวกเรานั้น หลายท่านเปรียบเหมือนบัวพ้นน้ำ
แค่รอแสงสว่างแห่งความจริงสาดส่ง
บัวก็พร้อมที่จะบานเจริญเติบโตอย่างสวยงาม
ขอให้เป็นบัวพ้นน้ำกันทุกคน
อย่าเป็นบัวใต้น้ำที่เป็นอาหารของเต่าปลา ที่อวดตัวว่า ตนเป็นผู้เข้าถึงความพ้นน้ำ
และกัดทึ้งดอกบัวเรา ให้จมหายไปในกระเพาะมัน ด้วยความเป็นเหยื่อมัน
ผู้แสดงความคิดเห็น 1 >>>
” เมื่อครั้งพระพุทธเจ้าอาศัยวิหารธรรม3-7วัน
พระองค์ท่านอยู่ในฌานรึเปล่าค่ะ
ถ้าเป็นๆฌานอะไรค่ะ ”
พระอาจารย์ตอบ <<< เป็นอาการเสวยวิมุตติญาณ
ผู้เข้าถึงรายละเอียดโครงสร้างแห่งการเข้าถึงวิมุตติญาณ
จึงจะเข้าใจในวิถีแห่งจิตที่ทำไมจึงอยู่ในสภาวะนั้น
สภาวะนั้น จริงๆไม่ใช่ฌาน แต่เรียกว่าญาณ
ญาณคือความรู้แจ้งที่สว่างโพลนขึ้นมาทำลายความมืดมิดในอวิชา
ที่การดำเนินและก่อเกิด เวียนว่ายอยู่ในวัฏฏะ รู้เห็นแจ้งขึ้นมาด้วยความเป็นจริง
เรียกว่าญาณ ไม่ใช่ฌาน
ฌานนั่นคือความเคยชินอันเป็นปกติวิสัยภูมิ
ผู้แสดงความคิดเห็น 2 >>>
” นั่งพับเพียบ ยกมือประนมเหนืออก ทั้งตั้งใจอ่าน ทั้งตั้งใจฟัง ด้วยอาการที่สงบ ที่เห็นชัดไปตามตัวอักษร แห่งพระอาจารย์บรรยายมา
แต่ก็ยังเป็นผู้ไม่มีบุญตามที่พระอาจารย์กล่าว เพราะหากเป็นผู้มีบุญกระผมคงดับกิเลสได้หมดสิ้น
แต่พยายามจะทำให้เป็นผู้มีบุญให้ได้ในชาตินี้ คุกเข่า ก้มกราบ กราบ กราบ ด้วยใจที่อ่อนน้อมเคารพบูชาเป็นที่ยิ่ง
พระอาจารย์ตอบ <<< พึงมีปัญญารู้แจ้งเถิด ว่ากิเลส เป็นธรรมชาติของเครื่องอยู่จิต ไม่มีใครดับมันได้
กิเลสนี่คือตัณหาผุดขึ้นมาไม่รู้จบ
ท่านชี้ให้ใช้ปัญญาด้วยหนทางแห่งมรรค ไม่ได้ชี้ให้ไปดับตัณหาตามที่เราเข้าใจ
ตัณหาเราดับมันไม่ได้ เพราะเป็นธรรมชาติตามเหตุปัจจัยที่สังขารจิตมันปรุง
ผู้แสดงความคิดเห็น 3 >>>
” การฟุ้งของจิตเป็นปิติอย่างหนึ่งหรือครับท่าน
พระอาจารย์ตอบ <<< เป็นปิติทางวิถีจิต
เมื่อไปเป็นเจ้าของ มันก็จะเป็นอาการของนิวรณ์จิต
สมาธิแห่งปฐมฌาน มันก็จะไม่เกิด
สัมมาสมาธิ ก็จะกลายเป็นมิจฉาสมาธิไป เพราะอัตตาเป็นเหตุ
พระธรรมเทศนา โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง
วันที่ 25 กรกฎาคม 2560
ณ พุทธอุทยานบุญญพลัง อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี