เปิดโลกด้วยมุมมองใหม่เสียบ้าง

เปิดโลกด้วยมุมมองใหม่เสียบ้าง

319
0
แบ่งปัน

***** “เปิดโลกด้วยมุมมองใหม่เสียบ้าง” *****

ขอสาธุคุณให้มีแต่ความสุขความเจริญ

การอยู่ในสังคมนั้น ความถูกใจ ไม่ถูกใจมันเกิดเป็นธรรมดา

โลกเรามันอาศัยสมมุติในผัสสะเป็นเครื่องดำเนินชีวิต

คนเขาโกรธเกลียดเรา เพราะความไม่เข้าใจเรานี่ มันเป็นธรรมดา

ขอให้เรามองว่า

เขาก็เป็นธรรมชาติของเขาเช่นนั้น

หากอภัยได้ด้วยความเข้าใจธรรมดาของโลก
นี่เป็นใจที่เป็นทาน

ทุกคนเกิดกำเนิดมา ไม่มีใครที่จะสมหวังในทุกสิ่ง

หากเราสมหวังในทุกสิ่ง

เราจะหาพื้นที่ว่างมากขนาดใหนที่จะเอาความสมหวังนั้นมาวางกองไว้ ตลอดชีวิตของเรานี้

ถูกใจบ้างไม่ถูกใจบ้างนี่ เป็นธรรมดา

เราเข้าใจไว้เถิดว่า โลกมันมีธรรมดาของมันเช่นนี้เอง

รักกันไว้ดีกว่า ที่จะมาโกรธ เกลียด และทำลายกัน

เราคนไทยขอให้รักกัน

ซักวัน..เราก็จำต้องจากกันไปอยู่ดี ไม่ว่าจะอยู่ด้วยอารมณ์ เกลียดหรือรัก

——

หวัดดียามเที่ยง ..

เราย่อมไม่พอใจ เมื่อมีใครมาให้ร้าย ทำลาย ว่ากล่าว นี่เป็นธรรมดา

แต่เราเลือกได้ ที่จะยึดเอามันมาเป็นทุกข์
หรือเข้าใจในความเป็นธรรมดาของมัน

ชีวิตนั้นต้องเผชิญเรื่องราวหลากหลายมากมายในแต่ละวัน

เราควรจดจำแต่สิ่งดีๆ ที่มีค่าต่อกัน

ดีกว่าจดจำสิ่งที่เลวร้ายต่อกัน ด้วยความไม่เข้าใจ ในธรรมดา ที่ทุกคนจำทนต้องเผชิญ

โลกนั้นมันมีหลายด้าน

ผิดเราอาจถูกเจด้วยเหตุผล

โลกตัดสินอย่างหนึ่ง แต่ความจริงอาจเป็นอีกอย่างหนึ่ง

เราจะมีสำนึกเสียใจไหม หากเราเป็นคนกำหนดและเป็นผู้ไปตัดสินเขา

คุณครูเลขคณิตออกข้อสอบให้นักเรียนด้วยโจทย์ที่ว่า

เรามีเงิน 10 บาท ซื้อหนมสามบาท แม่ค้าจะทอนให้เราเท่าไหร่….

ก. 7 บาท

ข. 2 บาท

ค. 1 บาท

ง. ไม่ทอนซักบาท

คุณครูกาให้คะแนนคนที่ตอบข้อ ก. คือ 7 บาท เป็นข้อที่ถูก

คนตอบ ข. ค. ง. 2 บาท 1 บาท และไม่ทอนอะไรเลยต่างผิดหมด

นี่..โลกเขามองความจริงตรงๆ กันอย่างนี้

แต่ไอ้ความจริงมี 10 บาท ทอนเท่าไหร่นี่ มันยังไม่จริง

มันไม่จริงอย่างไร… ทำไมถึงไปบิดเบือนโลกแห่งความจริงของคนทั้งโลก

ไอ้ทอน 7 ยาทน่ะมันก็ถูก ถ้าเป็นเหรียญสิบ

แต่เจ้าเด็กตอบข้อ ข. 2 บาท คือเงินทอน ให้เขาผิดเขาไม่ยอม

เขาบอกว่าเขาตอบถูก ไม่ได้ผิดอะไรเลย ให้เขาผิดได้ไง

เขามี 10 บาท แต่เขามีเหรียญ 5 สองเหรียญ ซื้อหนม 3 บาท แม่ค้าย่อมทอน 2 บาท นี่เขาก็ถูก

เด็กตอบข้อ ค. เขาก็ว่าเขาถูก เขาไม่ยอมเหมือนกัน

เขามี 10 บาท แต่เขายื่นเหรียญ 2 บาทให้แม่ค้าสองเหรียญ หนม 3 บาท แม่ค้าก็ต้องทอนให้เขามา 1 บาท เขาตอบผิดตรงไหน

เด็กตอบข้อ ง. ไม่ทอนซักบาท เขาก็ไม่ยอม
เขามีเหรียญบาทอยู่ 10 เหรียญ

ในเมื่อเขาเอาเหรียญบาทให้แม่ค้าไป 3 เหรียญ

แม่ค้าจะทอนให้เขาได้อย่างไร..

นี่..ความจริงมันมีเหตุอีกหลายด้าน

การตัดสินจากเหตุแค่ด้านเดียว และปลงใจบอกว่าเหตุผลมันมี และถูกต้องตามเหตุนั้นๆ นี่

บางครั้ง ความเป็นจริง ในเหตุเดียวกัน
มันจะไปบอกว่าผลนั้นๆ มันเป็นความผิด มันก็ไม่ใช่

คนเราทุกคนเกิดมาแล้ว ควรเปิดโอกาสให้ความจริงหลายๆ ด้าน ที่เรานึกและคาดไม่ถึง ได้มีโอกาสได้แสดง

ความคิดกับความเป็นจริง มันไม่แน่นอนว่าทุกสิ่ง จะต้องเป็นไปตามเหตุผลของตน

อันเป็นเจ้าของคิด ว่ามันถูกเสมอไป ด้วยความเป็นเจ้าของความจริงตามเหตุตามผลที่โลกเขาคิดกัน

ความคิด มันอาจถูกและผิด เพราะเกิดจากตรรกะแห่งเรา

แต่ความจริง มันอาศัยเหตุและผลอันมีปัจจัยหลากหลาย มาประกอบ

เราควรมองโลกออกไปในหลายๆด้าน

อย่าเพิ่งมองด้านความคิดอันเป็นมุมมองที่ออกจากรูแคบๆจากตรรกะอันเฮงซวยของสมองเรา

ทุบกำแพงอัตตาที่ก่อขึ้นมาเป็นอิฐความรู้ที่บดบังความจริงของโลกเสียบ้าง

โลกนั้นกว้างใหญ่น่ะไอ้น้อง

ไม่ได้อุดอู้คับแคบตีบตันอยู่แต่ในรูความคิด ที่จมปักอยู่แต่ในกำแพงอิฐแห่งตัวตน ที่ก่อขึ้นมากักขังใจตนเอง

โลกมันมีหลายด้าน

เข้าใจและฝึกให้อภัยในความผิดพลาดของตนและผู้อื่นเสียบ้าง

เรา..จะได้มีที่ยืนบนโลกใบนี้อย่างมีความสุข
—————-
พระธรรมเทศนา โดยพระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง
วันศุกร์ที่ ๑๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๐