โอเค..เบตง 6 (ยอดเขา ฆูรุงสิรีปัส)

โอเค..เบตง 6 (ยอดเขา ฆูรุงสิรีปัส)

333
0
แบ่งปัน

***** “โอเค..เบตง 6 (ยอดเขา ฆูรุงสิรีปัส)” *****

ที่เบตง มีภูเขาลูกหนึ่ง เป็นภูเขายอดสูงชื่อแปลกๆเรียกว่า ฆูรุงสิรีปัส

เราเดินทางออกจากน้ำตกกลับมาเก็บข้าวของที่บ้านน้องณี สาวน้อยน่ารักตัวกลม แล้วนั่งรถกลับกันไป

เส้นทางสำหรับนักผจญภัยสายโหดนี่ เห็นแล้วจะชอบมากๆ

ทางขึ้นนี่ต้องใช้กระบะโฟล์วิลค่อยๆใต่ตัวขึ้นไป

คนไม่เคยไปอย่างข้า ซึ่งนั่งข้างหน้า เมื่อเห็นเส้นทางบางช่วงประกอบความชันและหลุมลึก ก็เลยร้อง เฮ้ยๆๆๆ

สำหรับข้าเส้นทางเช่นนี้ชอบมากๆ มันให้ความเป็นธรรมชาติ และลูกผู้ชายสายโหดๆ

ทางขึ้นยาวประมาณ สี่กิโล เราไปถึงทางขึ้นก็มืดแล้ว หาตัวพระนธีไม่พบ เพราะแกดำชอบหายตัวแฝงไปในความมืดมิด

ถ้าไม่ยิ้มข้ายังนึกว่านี่เงารึความมืดมิดที่กำลังเผชิญ

มีพระฟิตจัดขอเดินเท้าขึ้นไปบนภูเขา ไม่ยอมนั่งรถ

ข้าเลยแช่งให้หลงและโดนผีหลอกกันให้หนำใจ

พวกมันไม่กลัว รีบกระโดดขึ้นหลังรถกระบะไปร้อง เฮ้ยๆๆๆ ด้วยความเสียว กลัวรถพลิก

ที่ปลายทางรถจอด เป็นบ้านของเจ้าของสถานที่ชื่อว่าหลาน เป็นสาวสวยพูดจาฉะฉานน่าแปลกใจ

ดูเธอดีใจและแปลกใจเมื่อมาเจอตัวจริงๆอย่างข้า

บ้านน้อยในป่าใหญ่ยามค่ำคืนที่เราได้มาพบเจอ มันสร้างความแปลกใจให้กับหมู่เรา

ครอบครัวเธอมาอยู่ได้อย่างไร ดูห่างไกลและโดดเดี่ยวเป็นเอกเทศปัจเจกบุคคล

เมื่อทุกคนมากันพร้อม เราก็เดินทางขึ้นเขาต่อไปด้วยรถโฟล์วิลอีก 2 กิโล

ไอ้เรานึกว่าจะกางเต้นท์นอนพักกันที่นี่ซะอีก เพราะดูแล้วมันน่าอยู่น่านอน

เจ้าของบ้านบอกว่า ต้องนั่งรถขึ้นไปอีกสองกิโลก็จะถึงจ้า

เราจึงนั่งรถใต่เขาชันๆกันขึ้นไปอีกด้วยความสนุกสนาน

ไปถึงจุดปลายทางรถ นึกว่าถึงแล้ว พวกบอกว่าเดินตามเส้นทางเล็กๆต่อไปอีกสี่ห้าร้อยเมตร ก็จะถึงที่กางเต้นท์

วู้..หนุกโคตรๆ หบายคนชอบการเดินทางแบบนี้ ส่วยพวกป้าๆ เงียบกริบ เพราะลมตีขึ้นมาจุกอก

ทางเดินเป็นเขาชัน เราเดินกันขึ้นไปในความมืดแห่งขุนเขาราตรี ที่มีต้นยางสูงเสียดฟ้าอย่างสนุกสนาน

บนภูเขา…เป็นลานกว้างน่าอยู่น่าพัก พวกเราที่มาถึงก่อน ต่างปูผ้าจองเต้นท์สรวนเสเฮฮ่าเสียงดัง

ดูมันไม่สำนึกอะไรกันเลย จริงๆนี่เป็นความชอบของพวกเหล่าลิงๆที่ได้มาสนุกกัน

ข้าเดินตัดทางชันขึ้นมา ขี้เกียจเดินไปตามเส้นทางลาดไม่ชันที่เขาทำทางไว้

เดินพรวดๆขึ้นไปไม่เหนื่อเท่าใหร่ สบายๆ นิ่งๆเงียบๆ

บนภูเขานั้น เห็นพวกลิงนั่งคุยเฮฮาจับกลุ่มกัน

ทุกคนร้องเสียงดัง เฮ้ๆๆอาจารย์มาถึงแล้ว เก่งจังไม่เห็นเหนื่อยอะไรเลย

ข้าเดินตรงไปยังพวกที่นั่งจับกลุ่มปูผ้ารอเรียบร้อย

บอกมันเสียงแหบๆ เขยิบไปนี่ที่ของข้า กูของจองเผากูตรงนี้

แล้วล้มตัวนอนไม่ต้องนั่ง หลับตาพริ้ม ” รีบนวดกุเร็ว กุกะลังจะตาย ”

หลายคนรีบหายาลมยาหอมยาหม่องมาถูมานวด กลัวข้าหยุดหายใจ

เสียงหัวเราะเฮฮาที่ต่างคนต่างงัดมุกออกมาฟาดใส่กัน

มันทำให้ความเหนื่อยล้าเหนื่อยอ่อนกลายเป็นความสนุกสนาน

ทุกคนเดินขึ้นมากำลังเหนื่อยๆ เมื่อมาเจอสถานที่กางเต้นท์ที่น่าอยู่และสวยงาม ความเหนื่อล้าหายไปทันที

มีการแซวกันว่า ใครจัดทริปนี้วะ คราวหน้าเอาอีกนะ กุจะได้ไม่ว่างมา

พวกลิงมักจะแซวกันเช่นนี้ อาจารย์นราผู้นำทริปได้ยินเข้า ถ้าเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยอาจเครียดได้ ถ้าไม่รู้จริต

บนภูเขาเป็นสถานที่น่าอยู่มาก ข้ามองดูดาวปล่อยให้หมอบูลนวด อย่างมีความสุข

หลายคนมานอนข้างๆข้า ทั้งหญิงชายนอนกองกันอยู่ตรงนั้นแหละ

มันเหมือนเป็นแม่แมว ที่แม่อยู่ไหนลูกๆก็ชอบเข้ามาซุก

พวกเจ้าระเบียบและชอบแบ่งวรรณ พระโยม เห็นแล้วอาจไม่ชอบใจ

อาจตั้งคำถามว่าทำไมๆๆๆ พระอาจารย์ถึงปล่อยให้ทุกคนเป็นลิงกันโดยไม่ห้ามปราม

ข้านี่เห็นว่า ความสุขมันมีต้นเหตุมาจากอิสระที่ไร้คอกกั้น

คนเราควรอิสระ ในความคิดและการกระทำด้วยตัวเขาเอง

มนุษย์ป้าบางคน อาจตำหนิเด็กว่าทำไมไปร้องไปฟังเพลงเกาหลี ออกท่าทางไม่สำรวม

ฟังก็ไม่รู้เรื่องแปลก็ไม่ออก ไม่โง่เหรอเพลงไทยฟังง่ายๆเพราะๆไม่ยอมฟังกัน

เราควรเป็นคนดีด้วยการนั่งภาวนาและสวดมนต์ สำรวมกายวาจากันดีกว่าไปฟังในสิ่งที่ไม่รู้เรื่อง

เด็กมันสวนขึ้นมาว่า แล้วที่ป้าทำสำรวม ภาวนาและสวดมนต์นั้น

ป้ายังเพ่งโทษคนและสวดมนต์น่ะ ฟังรู้เรื่อง เป็นคนดีเข้าใจแบบภาษาไทยเหรอ

ป้าฟังความจริงเช่นนี้ในมุมเด็ก ป้าอาจจุกและเงิบได้เหมือนกัน

อิสระแห่งใจนี่สำคัญ เราห้ามใครเขาให้ได้ดั่งใจเรานี่ไม่ได้หรอก

จิตสำนึกของแต่ละคน เขาสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาด้วยตัวเขาเอง

คนปากเสียปากพล่อย มันก็เป็นของมันเช่นนั้นแหละอย่าไปถือสาหาความเลย

คนดี คือคนที่มีใจเป็นกุศล ไม่จำเป็นต้องสร้างตัวตนท่าทางให้คนอื่นชมว่าเป็นคนดี

ข้านี่ พวกโลกสวยมักชมว่าเป็นพวกเพี้ยน ไม่สำรวม ทำตัวไม่เหมาะสมแก่สมณะรูป

ข้าไม่สนหรอกมันเป็นสิทธิของคนมองที่ชอบเอาตัวตนและความคิดตน มาตัดสินเอา

ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่นี่สวย ฟ้าแลบแปร๊บๆส่งสัญญาว่าฝนฟ้ากำลังจะมา

ข้าหลับตาภาวนา อย่าตกลงมานะโว้ย พวกเรามาไกลจะนอนกันลำบาก

นี่มันยอดภูเขาไม่ใช่บ้านคนมีหลังคา หากฝนตกลงมา ข้าขอแช่งเทวดา ให้ขี้หักในถ่ายไม่ออกไปสองปี

สงสัยเทวดากลัว ฝนมันหอบไปตกที่อื่นว่ะ ที่เราอยู่มันไม่กล้าตก

ข้านอนนิ่งๆให้หมอบูลนวดเป็นชั่วโมง เสียงหัวเราะเฮฮามันคุยเรื่องลามกกัน ดังไปทั่วขุนเขา

จะบอกว่าเบาๆหน่อยข้ากะลังคุยกะเจ้าที่ มันก็คงไม่เชื่อกัน

เลยปล่อยๆมัน ข้านอนสงบๆมโนเอาคนเดียวก็ได้ เจ้าที่รับปากว่าไม่ให้ฝนตกที่นี่ ได้แค่นี้ข้าก็พอใจแล้ว

ยอดเขาปลายแหลมที่จะนั่งชมทะเลหมอก 360 องศา เราต้องเดินปีนเขาขึ้นไปอีก

แต่ไม่รู้ไปทางไหน ตอนไปถึงมันมืดไปซะหมด ใครอยู่ไหนยังไงบ้างก็ไม่รู้

แต่ที่รู้ๆ สำหรับข้า ที่บนเขาฆูรุงสิรีปัสแห่งนี้ ข้าชอบมากๆ

หากมีโอกาส ก็จะขอเดินทางกลับมานอนที่ตรงนี้อีก

ขอบคุณพระอาจารย์นรา ที่จัดทริปขึ้นมาเพื่อปรารถนาให้ทุกคนได้เห็นในสิ่งที่ท่านเห็น

การมอบความสุขเล็กๆน้อยๆที่เกิดจากใจ ย่อมเป็นกุศลและกำลังใจให้แก่ผู้ได้รับ

การได้ขึ้นมาพบความน่าอัศจรรย์ใจครั้งนี้ เป็นประสพการณ์ ที่สูงค่า สำหรับผู้ชอบเดินทาง

พรุ่งนี้จะเล่าให้ฟังถึงสถานที่ และการเกิดภูเขาสูงขึ้นมาเช่นนี้

เช้านี้ขอสาธุสวัสดี ให้มีแต่ความสุขความเจริญ

พระธรรมเทศนา โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง วันที่ 16 มิถุนายน 2560