ติดคำภีร์

ติดคำภีร์

377
0
แบ่งปัน

**** “ติดคำภีร์” ****

หวัดดี ณ.แม่สายยามเช้าๆ อากาศชื้น เย็นและพรำฝนเล็กน้อย

เมื่อวานนี่ ได้เข้าไปในพม่า ลึกเข้าไปในเมืองของเขา พี่จามฟองแม่ของหญิงจันฟองได้นิมนต์ไปทานข้าว

พม่านี่ ยังคงมีความเป็นป่าและชนบทแบบไทยๆสมัยก่อนอยู่ อากาศดีน่าอยู่ภาวนาสำหรับนักบวช

มีพระผู้ปฏิบัติดีหลายท่านที่น่าจะเข้าถึงธรรมแห่งปัญญา เพราะเป็นผู้ที่ตั้งใจและเคร่งครัดต่อธรรมวินัยสูง

ปัญหาของพระเหล่านี้ที่ติดอัตตามากก็คือ ยึดตำรายึดคัมภีร์มากไป มากจนกลายไปเป็นนักอัตตาธรรม

ข้าเองนี่ มักโดนเพ่งโทษจากนักยึดตำรา ว่าเป็นนักบวชที่มาทางไสยยะ ไม่น่าฟังไม่น่ามองเมื่อแสดงธรรม

นักบวชมากมายที่ขาดโอกาศฟังธรรมแห่งมุติโตทัย เนื่องเพราะติดอัตตาตน ที่มองและตัดสินออกไปจากมุมแคบๆแห่งตน ต่อสิ่งที่ปรากฏอยู่เพียงฝ่ายเดียว

ธรรมนั้น ไม่ได้บรรลุได้เพราะการอ่าน และการฟังเท่านั้น

ธรรมนั้น เกิดขึ้นในใจได้ด้วยการฝึกตนและปฏิบัติตน สอดส่งลงไปด้วยปัญญาอันเกิดจากผัสสะ ทางกาย วาจา ใจ

อ่านตำรามาก รู้ธรรมมาก มีความรู้ทางธรรมมาก ไม่ได้เป็นเครื่องบ่งบอกและการันตีได้เลยว่าเราจะเป็นผู้เข้าถึงธรรม

การปฏิบัติเข้าครอสฝึกใจตน ห้าวัน เจ็ดวัน กึ่งเดือน ก็ไม่ได้การันตีอะไรเลยว่าจะเป็นผู้เข้าถึงธรรม

มีพระภิกษุมากมาย อ่านตำราแล้วเอาตัวเข้าไปเป็นหัวข้อธรรมตามตำรา

นี่..ด้วยความไม่รู้ว่า ตำราที่เขาอธิบายมาเป็นหัวข้อๆนั้น เขาอธิบายสภาวะ ไม่ได้อธิบายเพื่อให้เข้าไปเป็น

สิ่งที่ชี้ให้เห็น และเรียบเรียงไปตามหัวข้อ มันเป็นเครื่องชี้ แต่นักอ่านเอามาเป็นตัวธรรม ว่าเราฝึกเพื่อให้เป็นเช่นนั้นเช่นนี้

มีนักสมาธิมากมาย อ่านและฟังธรรมแล้วเอาตัวไปปฏิบัติตามตำราและจากที่ฟังมา โดยเอาตัวเข้าไปเป็น

จอมตำราเช่นนี้ เข้าไม่ถึงธรรม เข้าไม่ถึงสมาธิตรงตามความเป็นจริงและเป็นธรรมชาติในสิ่งที่เป็นอะไรได้เลย

มันติดอัตตาตนเองไปทั้งสิ้น เข้าไม่ถึงความเป็นจริงเพราะตนเองเอาตัวเองเข้าไปเป็น

มีนักบวชมหาเปรียญมากมายที่ได้เข้ามาพบเจอข้าแล้วได้ทดสอบปัญหาธรรมที่ตนร่ำเรียนมา

หลายปีมานี้ยังไม่เคยเลยซักราย ที่จะเข้าใจธรรมตรงตามความเป็นจริง ด้วยความเป็นธรรมตรงสัจธรรม

ที่รู้ธรรม เป็นธรรมที่แสดงออกมาจากการตรึกการตรองที่ตนจำเอามาทั้งสิ้น

เป็นธรรมแห่งหัวข้อ ว่าชื่อนี้หมายความว่าอย่างนี้ คำนี้แปลว่าอย่างนี้ และตนเอาสิ่งเหล่านี้ มาเป็นตัวตนว่าตนเองนั้นเป็น

ว่าตนเองนั้นถึงธรรม เข้าใจธรรม และธรรมทั้งหลาย ต้องเป็นอย่างนี้ๆๆๆ

ที่จริงมันก็ถูก แต่มันถูกแบบเปลือกธรรม เข้าไม่ถึงเนื้อเยื่อ เอามาตัดภพตัดชาติตัดวิบากอะไรไม่ได้

เพราะมันเป็นอัตตาธรรมอันเกิดจากใจตนเองเข้าไปเป็นเจ้าของทั้งสิ้น

เรื่องศีล ตนเองก็ยังไม่เข้าใจ จะว่าไกลไปใยถึงเรื่องสมาธิและปัญญาญาน

นักคำภีร์เอาแต่แทะตำรา เอาตำราออกไปโขกสับผู้อ่อนด้อยกว่าทางการเรียนรู้ ว่าด้อยปัญญา เพียงเพราะไม่อ่านไม่จำและบวชมานานเท่าที่ตนเป็น

ตนเองตัดสินออกไปจากรูแคบๆแห่งตนที่คิดว่ากว้างใหญ่ด้วยความเป็นธรรมอย่างเปลือกๆแห่งตน

ตัดสินด้วยมุมและภาพด้านเดียวที่ตนเห็นว่าเป็นอย่างนั้นว่าเป็นอย่างนี้

แต่ไม่เคยตัดสินใจของตน ว่าใจตนมันก็เลวที่ชอบไปตัดสินคนอื่นๆด้วยเช่นกัน

มนุษย์เราที่เข้าไม่ถึงธรรมก็เพราะการติดอัตตาแห่งตนมากจนมองไม่เห็นอะไรตรงตามความเป็นจริงนี่แหละ

เรายึดติดตำรามากไปจนบดบังความเป็นจริงที่เรามองเห็นอยู่เบื้องหน้า

นักปฏิบัติไม่ค่อยจะรู้ว่า ความจริงทั้งหลายที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า มันอาศัยและประกอบด้วยเหตุแห่งปัจจัย

ไม่ได้แช่นิ่งเป็นผลอยู่เช่นนั้นอย่างที่เราเห็น และทึกทักเอาว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ อย่างที่เราเอาอัตตาเราเข้าไปตัดสิน

นี่..ตรงจุดนี้นักปฏิบัติเราขาดปัญญาพิจารณา สาวลึกลงไปให้ถึงเหตุ

เรามักจะเอาผลที่ปรากฏเป็นผลและตัวตัดสินจากสิ่งที่เราเห็น ว่ามันต้องเป็นเช่นนั้นต้องเป็นเช่นนี้ด้วยอัตตาแห่งเรา

เรา..ผู้รู้ตำรา จอมตำรา เป็นหนอนแทะคำภีร์ จึงตรึกและยึดเอาสิ่งที่เห็น ว่ามันต้องเป็นเช่นนั้นต้องเป็นเช่นนี้ ด้วยความที่เราเป็นและเราเห็น

ผิดไปจากที่เราเป็นและเราเห็น ย่อมผิดและไม่ชอบใจเราไปซะหมด

นี่..เราตัดสินเขาทั้งหลายด้วยทิฏฐิมานะแห่งเราที่เราเป็นทั้งนั้น

การเข้าถึงธรรม มันประกอบด้วยศรัทธาและปัญญานที่เสมอกัน ด้วยการมีสติสัมปชัญญะหล่อเลี้ยง กำลังแห่งพุทธวิถีมันจึงจะเกิด

วิริยะกับสมาธิก็ต้องเสมอกัน ด้วยสติสัมปชัญญะที่สอดส่งลงไปด้วยปัญญา ธรรมทั้งหลายมันจึงจะเกิดแก่ใจเจ้าของ

เรารู้จักว่า นี่อิธิบาท นี่พละห้า นี่อริยสัจ นี่อิธทัปปัจจยตา นี่ปฏิจจสุปบาท นี่อวิชา นี่อะไรต่อมิอะไรด้วยการอ่านจากตำรา

และเราต่างก็เอาตัวเข้าไปเป็นหัวข้อตำราเหล่านี้ เป็นอาวุธไว้ทิ่มแทงผู้อื่นด้วยอัตตาที่เข้าใจว่าตนเองเป็น

แต่เมื่อมาเจอผู้ทรงคุณทางธรรม สิ่งเหล่านี้ที่ตนเป็นด้วยความจำจำกันมา มันดันกลายเป็นหอกเป็นดาบกลับมา ทิ่มแทงใจตน

และเข้าถึงความเป็นจริงแห่งตน ว่าตนเองไม่เคยรู้เหี้ยอะไรเลยในทางธรรม

ขอให้นักจำจอมตำราทั้งหลาย ได้พบเจอผู้ทรงคุณทางธรรม ที่ไม่ได้เกิดจากธรรมแห่งตำราที่ยึดกันออกมาในชีวิตนี้ด้วยเถิด

เผื่อโลกนี้จะได้พบเจอแสงสว่างที่มันเป็นธรรมจริงๆ ไม่ใช่แสงมืดทึบอับจนด้วยอัตตาแห่งตนที่เข้าใจว่า ตนเป็นผู้รู้ธรรมและเข้าถึงธรรมด้วยการแทะคำภีร์แต่เพียงส่วนเดียว…

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 12 มกราคม 2560 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง