ข้าตอบธรรมท่านหนึ่งไป เพราะเขาเข้าใจว่าเขาบรรลุธ
>> เขาถามว่า กราบนมัสการครับ…พระอาจาร
<< ข้าตอบว่า ไม่ใช่นิพพาน มันดับเพราะสมมุติ ไม่ได้ดับเพราะวิมุติ การดับโดยไม่ใส่สมมุติดูว่า
>> เขาตอบว่า กราบนมัสการ…ฟังคำตอบของพ
>> ข้าตอบว่า เห็นเราในกระจกไหม..
เงาในกระจกเป็นเรารึเปล่า เราเห็นเงาในกระจกได้ ก็เพราะมีเราเป็นเหตุปัจจัย
เงานั้นแม้ไม่ใช่เรา แต่มันอาศัยเราในการที่ทำให
สิ่งที่เห็น มันก็เกิดจากเรา เพียงแต่เรามักมองเห็นแต่เง
เราไม่หันมามองเราอันเป็นเจ
้าของเงา ที่เงามันเกิด มันมองเราไม่เห็น มันเห็นแต่เงาที่เป็นเรา
นี่เป็นปกติแห่งผัสสะและอาย
ว่าเป็นต้นเหตุแห่งการมีเงา
>> เขาฟังแล้วตอบว่า โห..กราบนมัสการครับพระอาจา
คิดว
รู้
นี่เป็นส่วนหนึ่งในการถามตอ
คนเรานั้น มักมองเห็นว่าเราเป็น มันก็เหมือนเราเห็นตนเองในก
เวลามันเห็นมันเข้าถึง มันก็เห็นจากเงาในกระจก เหมือนกันนั่นแหละ มันคิดว่าเป็นมันเป็น
เพียงแต่มันไม่รู้ ว่าสิ่งที่รู้เห็น มันเป็นแค่เงาที่สะท้อนออกม
และยืนยันได้ ว่าเป็นสิ่งที่มันเห็นจริงๆ
แต่ความจริงที่มันไม่รู้กัน
เพราะไม่รู้ว่า เหตุแห่งการสะท้อนนั้น เกิดจากไหน
มันเอาเงาสะท้อนมาหลงเป็นตั
ไม่ใช่ของจริง แต่มันก็ยังหลงบอกว่านี่แหล
สิ่งที่มันไม่รู้ก็คือ มันไม่มองเห็นตัวมันแสดง มันไปเอาการแสดงของตัวมันที
แล้วหลงว่านั่นแหละเป็นตัวม
เมื่อไม่หันมาเห็นตนเอง หรือทำลายกระจกให้แตกไป ยังไง ใจก็ยังหลงไหลอยู่แต่กับเงา
และเป็นจริงด้วยความหลง ไม่มีทางถอดถอน นี่แหละ อำนาจแห่งอวิชชาที่มันแสดง
และมันไม่หันมาเห็นตัวมันแส
มันกำลังเป็นผู้ดู มันจึงไม่รู้ว่ามันเป็นผู้แ
มันเข้าใจว่าไม่มีผู้ดูมัน ที่มันดูการแสดงอีกแล้ว เพราะมันเองเป็นผู้เพ่งผู้ร
มันไม่รู้ว่าที่มันเฝ้าดูเฝ้
ตัวมันเป็นขวานที่โค่นไม้ทำ
เพราะมันเข้าใจว่า มันคือขวานใหญ่ ที่โค่นใครๆ ต้นไม้ไหนๆ ได้ทั้งโลก
เหลือแต่ไม้ติดด้ามมันเท่าน
มันหันไปมองที่ไหนก็ไม่เห็น
ตราบใดที่ไม่เห็นเจ้าของ มันก็ย่อมไล่ไขว่คว้าเงาตลอ
และรู้ว่านี่เป็นแค่เงา แต่พอทำลายเงา ก็เป็นผู้ไร้เงาที่จะสะท้อน
นี่…ก็ไปไม่ถูกอีก ต้องงมและค้างหาตัวตนไม่เจอ
คืนนี้พอแล้วนะโว๊ย เดี๋ยวยาวอีกดึกหลายๆแล้ว
พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 18 กันยายน 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง