****** “เหล่าวิญญานในสายธารศักดิ์สิทธิแห่งเขาพนมกุเลน” ******
ที่ธารน้ำไหลเขาพนมกุเลน พวกเราร้อยกว่าชีวิตได้เดินลัดเลาะชายป่ากันไปยังลำธาร
ลำธารนี้ก็เป็นลำธารที่ใหลลงมาจากยอดเขาพนมกุเลนนี่แหละ เป็นสายน้ำที่เย็นเฉียบ ลงไปแช่นี่หำหดหายไปเลยทีเดียว
เด็กๆตัวเท่าควายลงเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน คนที่ไม่เคยคิดว่าจะลงเล่นน้ำ ก็ลงเล่นน้ำ
นอนพักอยู่ดีๆ ก็เดินลงไปลุยน้ำลงไปสาดใส่กันอย่างสนุก อาการเหล่านี้ เป็นอาการของเหล่านาคที่มาดูแลคุ้มครองรักษา นี่..พวกนาคเขาว่างั้น
เหล่านาคนี่เขามีอาณาเขต ถือเป็นเขตใครเขตมัน บนภูเขาก็ส่วนหนึ่ง ในน้ำก็ส่วนหนึ่ง
พวกอาศัยบกนี่ ลงน้ำไม่ได้ หากไม่ได้รับการอนุญาติจากผู้ดูแลอาณาเขต ผ่านน้ำได้ แต่เล่นน้ำไม่ได้ เขาว่างั้น
เมื่อได้มาดูแลคุ้มครองรักษาตามเหตุที่จ้าวเขาได้ตกปากรับคำ และข้าก็อนุญาต
เมื่อเห็นน้ำ เด็กๆมันก็อยากเล่นอยากลงไปกระตู้วู่ว๊ายกัน มันลงไปกวักน้ำใส่กันจนวังน้ำใสๆแทบจะขุ่นขึ้นมาเลยทีเดียว
ข้านี่ลงไปไม่ได้ ลงไปแล้วพวกเขาจะขึ้นไม่ได้เล่น เขาไม่กล้าเล่นร่วมกับพระอาจารย์
ที่สำคัญ ข้าไม่ลงไปหรอก มันไม่ควรในสถานที่อย่างนั้น ไม่เหมือนเขื่อนใหญ่ศรีนครินทร์บ้านข้านู่น
ข้านั่งพิจารณาทราบมาว่า สถานที่แห่งนี้ ถือเป็นแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ในการทำพิธีของพราหมณ์
บนฝั่งมีปราสาทที่เป็นศิลาแลงของเจ้าเมืองที่อาศัยเป็นอุทยานในสมัยก่อน
สถานที่แห่งนี้ เขานับถือนาค หินใต้น้ำในบางที่เป็นรูปสลักแกะเป็นนาคเก้าเศียรทอดยาวอยู่ในธารใต้น้ำ
ความยาวนานและเกิดเหตุการณ์หลากหลาย ในบ้านเมืองของขอมและเขมร
ทำให้ประวัติศาสตร์ต่างๆ ลบเลือนและแต่งเติมกันขึ้นมาตามความรู้สึกนึกคิดของแต่ละยุค
ข้านั่งสงบๆพอจะฝันเห็นเรื่องราวอะไรต่างๆขึ้นมาได้บ้าง เลือนลางบ้างชัดเจนบ้าง แต่ก็ไม่ได้ให้สาระและความสำคัญอะไรใดๆ
ผู้ดูแลอาณาเขตนี้ เป็นนาคที่ไม่พอใจเหล่ามนุษย์ ที่นี่จึงมีคนตายกันบ่อยมาก
วิญญานทั้งหลาย ที่ยังไม่ได้รับการปลดปล่อย ต่างก็โดนกักขัง ด้วยความอาฆาตและเกลียดชัง
จริงๆแล้วหากมีผู้เข้าถึงสัญญาเหล่านี้ เขาจะรู้ว่า ไม่ควรลงไปเล่นน้ำในธารสายนี้
ลำธารสายนี้ มันมีกระแสสัญญาแห่งความเชื่อและน้อบน้อมสักการะจากเหล่าผู้ฝึกตะบะ จากเหล่าฤษีที่อาศัยฝึกตนมากมายในภูเขาพนมกุเลนแต่โบราณ
ฤษีเหล่านี้ นับถือนาค นับถือเทพ และฝึกไสยเวทย์อาศัยธารน้ำ ส่งไปยังผู้อยู่เบื้องล่าง
ธารน้ำนี้ใหลยาวออกไปหลายสิบกิโลเมตร ลงไปสู่ทะเลสาปขนาดยักษ์ของอาณาจักร ที่ผู้คนต่างต้องใช้น้ำศักดิ์สิทธิ์จากภูเขาแห่งนี้
วิญญานที่จมน้ำตาย หรือตายไปเฉยๆขณะเล่นน้ำ วิญญานเหล่านี้ไม่ได้ไปไหน
ยังคงเร่ร่อนสัญจรอยู่ด้วยวิบากในที่ๆตนตาย ต่างรอคอยผู้มีกำลังมาปลดปล่อยทั้งสิ้น
สถานที่แห่งนี้ เป็นสถานที่ชำระล้างมนทิน และทำพิธิเอิบอาบล้างอาคม ไสยเวทย์ทั้งหลาย ตามพิธีกรรมของเขา
การที่ผู้คนต่างมาสนุกสนานร้องรำทำเพลง ใส่เสื้อผ้า อันเป็นของเน่าเหม็นที่ใหลออกมาจากเหงื่อใคล
มันทำให้สถานที่ของศาสนะพิธีของเขามัวหมอง การพรากชีวิตด้วยความชิงชังและเครียดแค้นของพลังงานแถบนี้
จึงมีความหนาแน่น ตายกันบ่อยมาก ปีนึงเป็นร้อยคนตลอดลำธาร ด้วยสาเหตุต่างๆ ที่ต่างคิดกันว่า เพราะน้ำมันเย็นเฉียบ
เหล่านาคได้ขอให้ข้าลงไปเหยียบในน้ำให้เขาหน่อย ขอกลิ่นอายแห่งความเป็นพ่อของเขาที่ต่างนับถือ ได้ส่งผ่านน้ำไปยังนาคเบื้องล่าง ที่ไม่มีโอกาศขึ้นมาในเขตภูเขา
ข้าเองจึงเดินขึ้นไปเหนือน้ำ เห็นพวกเรากลุ่มใหญ่อายุรวมกันสองพันกว่าปี ทั้งๆที่มีกันไม่กี่คน
ต่างพากันเกลือกกลิ้งเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนานโดยไม่เกรงใจวัยบนหน้า และความสนุกสนานนั้น มันมีพลังงานบางอย่างเกาะตัวอยู่ ชนิดไปไหนไปด้วยเลยทีเดียว
ข้าลงไปยืนแช่น้ำที่ไหลปริ่มหลังเท้าบนก้อนธารหินทราย ยืนกำหนดแผ่เมตตาให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย
ทั้งทิศเบื้องหน้าเบื้องหลังเบื้องซ้ายเบื้องขวา เบื้องบนเบื้องล่างแผ่ออกไปรอบโดยไม่มีประมาณ
ด้วยสัจจะวาจาและความเป็นพรหมจรรย์ที่ครองตัวมายาวนาน ขอให้ท่านทั้งหลายปลดโซ่ตรวนต่างๆ พ้นบ่วงมารร้ายให้อิสระแก่จิตตน
เครื่องพันธนาการจากเวทย์มนต์ กลญานอันเกิดจากจิตจริต ขอให้พลันมะลายสลายไป ด้วยอำนาจแห่งพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ อันบริสุทธิ์ชะล้างลงไป
เกิดลมหวลขึ้นมา พัดพากลิ่นเกษรและกำยานสาธุคุณบังเกิดขึ้น แต่พวกเล่นน้ำไม่มีใครรู้
เหล่าพลังงานขอนมัสการอัญเชิญให้ข้าขึ้นไปยังสถานที่เดิม ที่ข้าเคยประกอบพิธีกรรมมาแต่โบราณ
เพื่อทำการสรงน้ำ ขอให้น้ำจากสายธารศักดิ์สิทธิ์ที่ฝังในความเชื่อของพวกเขา ได้เทราดรดผ่านความบริสุทธิ์แห่งจิตข้า เพื่อความเป็นมงคลและน้อมสักการะ
มันเป็นความเชื่อของเหล่าพราหมณ์ที่ว่า การได้รดน้ำผ่านกายผู้ทรงคุณในความหมายของพวกเขา
มันจะทำให้พวกเขา มีแต่ความสุขความเจริญสืบไปชั่วนิรันตกาล
ข้าตรึกและทำการโยนิโส ออกจากอาบัติต่างๆเพื่อลงน้ำด้วยความมีสติ
ถูกยุคนี้ แต่ผิดยุคก่อน ความเชื่อนี่มันคนละกาลกัน ข้าจำเป็นต้องตัดสินใจ
ที่สุดข้าจึงตกลงใจปลดเปลื้องความบริสุทธิ์ตามความเชื่อกันมาแต่โบราณยังสถานที่
ความบริสุทธิ์แห่งสายธารและเทวสถานในสถานที่ของพราหมณ์เขา การชำระล้างแห่งมงคลและบริสุทธิ์ คือเปลื้องผ้าออกให้สรงน้ำ
ข้าเดินลงน้ำและไปเปลื้องผ้าออกในน้ำ เดินขึ้นไปยังสถานที่อันเป็นแท่นพิธีแห่งเทวสถานที่เหล่าพราหมณ์และนาคบอกกล่าว
หลายคนตามมาทีหลังและได้นั่งกันล้อมวงลงไปบนหินทรายอันเป็นธารน้ำใหลโดยไม่รู้เรื่องราว
ข้าจึงเล่าประวัติแห่งพราหมณ์และสายธารเทพเจ้าแห่งเขาพระสุเมรุอันเป็นความเชื่อ ที่มาความเป็นมาบนเขาพนมกุเลนนี้ให้ทุกคนฟัง
ทุกคนจึงได้พากันถอดเสื้อผ้าและนั่งล้อมวงกันอย่างสำรวม ท่ามกลางป่าใหญ่ ที่ไม่มีใครเข้ามายุ่งเกี่ยว
มันเป็นประสพการณ์อย่างหนึ่งที่ทุกคนยากจะเข้าใจ
อุโบสถวัดพระแก้วของเรา หากใครใส่รองเท้าเข้าไป ผู้ดูแลและประชาชนชาวไทยก็คงไม่ชอบใจมันผู้นั้นเช่นกัน
ที่ตรงนี้ก็เหมือนกัน การเปลื้องผ้าเป็นสิ่งที่ถูกและโดนกำหนดมาเช่นนั้นแต่โบราณ
เป็นแต่ผู้มาทีหลังนี่แหละ เข้าใจว่าตนถูกและทำตัวโดยการใส่รองเท้าสวมเกงขาสั้นใส่เสื้อกล้ามเข้าอุโบสถวัดพระแก้ว
ที่ตรงนี้เขาก็ไม่ชอบใจ มันเหมือนเอาความจัญไรที่ไม่บริสุทธิ์มาเหยียบย่ำสถานที่ของศาสนะเขา ให้มันมัวหมอง
ความชิงชังเครียดแค้นจึงโถมเข้าทำลายและทำร้ายจนพรากชีวิตกันไปในหลายๆคนที่มีจิตใจอันอ่อนแอ
การตายท่านกลางลำธารสายนี้ จึงมีและเกิดขึ้นทุกปี ชาวเขมรรู้ดีแต่คนต่างถิ่นไม่รู้เรื่องอะไร
มันเหมือนขุนน้ำนางนอนบ้านเราที่แม่สายจังหวัดเชียงราย ที่มีการตายโดยไม่มีสาเหตุ เมื่อพากันลงไปเล่นน้ำในแต่ละปี
เรื่องเช่นนี้พวกญานบอด ตาบอดมองลึกลงไปไม่เห็นอะไร หากรู้ข่าวและพบเห็นเข้า ก็จะเกิดการตำหนิติเตียนแห่งทิฏฐิตน ด้วยคำแห่งโลกวัชชะ
ในส่วนของข้าบริสุทธิ์ และเล่าขานร้อยเรียงกันให้ฟังด้วยความบริสุทธิ์
ข้าแค่ไปทำหน้าที่ครั้งสุดท้ายในชีวิตที่มีอัตภาพนี้ ให้แก่เหล่าลูกหลานที่พวกเขารอคอยและมีความหวัง
เรามองไปยังพื้นย่อมเห็นแบคทีเรียไม่ได้ฉันใด แต่แบคทีเรียมันก็ยังอาศัยอยู่เต็มพื้นฉันนั้นทั้งๆที่มองไม่เห็น
การเห็นมันต้องมีเครื่องมือที่จะเห็น คนไร้เครื่องมือ ไฉนเลยที่จะเกิดมาเห็นเชื้อแห่งแบคทีเรียทั้งๆที่มันก็มีเพ่นพ่านอยู่เต็ม
กลับจากเขาพนมกุเลน พวกเราต่างอาเจียนคลื่นใส้ ท้องร่วงขี้แตก ขอบตาเขียวคล้ำ ผีเข้าผีเกาะหลังกันมาเป็นแถว
ก็ต้องมาแก้กันอีก เอาไว้คราวหน้าก็แล้วกัน วันนี้เล่ามาพอสมควรแล้ว..!!
พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 15 ธันวาคม 2559 โดยพระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง