โลกทั้งใบอยู่ในมือเราผู้แข็งแกร่ง

โลกทั้งใบอยู่ในมือเราผู้แข็งแกร่ง

373
0
แบ่งปัน

****** “โลกทั้งใบอยู่ในมือเราผู้แข็งแกร่ง” ******

ชีวิตนั้นมีหลายด้าน เราอย่าจมอยู่แค่ด้านใดด้านหนึ่งซิ

ข้านี่ชักเป็นห่วงป้าแงะ ป้าแกหนักไปในทางห่วงใยผู้คนมากเกิน

การห่วงใยผู้คนน่ะดี

แต่ไม่ดี ถ้ายึดจนเป็นอารมณ์นิสัยจนเราเดือดร้อน

การห่วงมากไปจะทำให้เป็นคนแก่ที่น่าเบื่อสำหรับผู้คน

พอเราแก่ตัวไป ความห่วงใยของเราจะเป็นที่รำคาญของลูกหลาน

คนเรานั้นย่อมมีกำลังปกป้องตัวและใจตนเองเสมอ

เขาเอาตัวรอดของเขาได้ นี่เป็นธรรมชาติของสัตว์ทั้งหลาย

ความอ่อนแอของเรานี่แหละ

เราเอาไปยัดเยียดใส่ลงไปในตัวพวกเขาด้วยทิฏฐิเรา

คิดว่าเขา…ต้องเป็นอย่างนั้น ต้องเป็นอย่างนี้แน่ๆเลย

เรา…อ่อนแอเกินไปจนเกิดเป็นการดูถูกศักยภาพของเขา
ด้วยความห่วงใย

และดูเขาคงเป็นอย่างที่เราเข้าใจ ด้วยเราเป็นห่วงในตัวเขา

เราไม่เข้าใจโลกเองว่า ทุกชีวิตย่อมรักษาตนเองได้เสมอ

ครั้งหนึ่ง ข้าได้ปีนบันไดขึ้นไปสู่ยอดเสา

ที่ยอดเสา มันมีความสูงเป็นอาวุธบั่นทอนทิ่มแทงกำลังใจของเรา

ข้าขึ้นไปกับเจ้าต๋อ

เจ้าต๋อมันก็ปอดแหกกับความสูง แกล้งเขย่าหน่อย มันก็กลัวลนลาน

ข้านี่ รู้สึกเลยว่าเรี่ยวแรงมันแทบไม่มี เมื่อยืนอยู่ท่ามกลางความสูง

เมื่อยกตัวยืนขึ้นโดยไม่เอามือไปจับอะไร ขามันสั่น ใจวูบวาบหวิวๆ ยามมองลงไปด้านล่าง

ข้าเอง ไม่ชอบภาวะอารมณ์แบบนี้ มันเหมือนเป็นการจำนนและจำยอมโดนกักขังด้วยภาวะของความกลัว

ข้ารู้จักจิตดี มันกำลังหลอกเราด้วยโปรแกรมสัญญากลัวของมัน

หากเราไหลไปตามกระแส

แน่นอน..เราจำยอมมัน ถอนออกจากมันไม่ได้แน่

ข้าจึงลุกขึ้น และกระโดดเกาะนั่งร้านเหล็ก โหนลงมาทางนั่งร้านแทน แทนที่จะลงบันไดลงมาเหมือนตอนขึ้น

นี่..ไม่รู้ล่ะ ข้าจะสู้กับอารมณ์อันเสร็งเคร็งของตัวเองละ ไร้เรี่ยวแรงก็หล่นๆลงไปซะ

ความไร้เรี่ยวแรง เมื่ออยู่ที่สูงๆแล้วมองลงมา แรงมันก็กลับมามันไม่ได้หายไปไหน

เพราะมือมันจะเกาะและจับราวเหล็กไว้แน่น

มันไม่ยอมปล่อยมือให้ตัวมันหล่นลงมาจากปลายเสาหรอก

มันกลัวกายมันแตกดับ

เพราะข้ารู้จักภาวะของมันดี

ข้าจึงไม่จำนนต่อภาวะของมัน

ข้าโหนไต่ลงไป ปล่อยให้ไอ้เจ้าต๋อมันกลัวจนไข่สั่นอยู่ด้านบนคนเดียว

ข้าไม่ยอมจำนนด้วยความกลัวที่ใจมันสร้างเป็นกระแสขึ้นมา

นี่..เห็นไหมว่า ยังไงๆ กายมันก็มีโปรแกรมรักษาตัวมันเองนั้นแหละ

เป็นแต่เรานี่แหละ มักจมไปในกระแสของมัน ด้วยความกลัวเป็นเหตุ

กับคนอื่นเราก็เป็นห่วง เหมือนห่วงกายตนนั่นแหละ

แต่การห่วงมากไป มันทำให้ใจเราโดนย้อมให้กลายเป็นคนอ่อนแอ

คนอ่อนแอนั้น…ช่วยตนเองยังไม่ได้เลย

แล้วใจเช่นนี้ ยังจะไปเป็นห่วงช่วยใครได้

เป็นห่วงน่ะดี แต่ห่วงแล้วช่วยอะไรใครไม่ได้

เราห่วงมากไป ให้หัวใจตนต้องทุกข์ทำไม

ข้า..ไม่สนคนอ่อนแอ..!! แม้มันจะเป็นคนที่น่าเป็นห่วง..

>>>พอจ : พวกเรามันไม่กล้าแลก

<<< แลกอย่างไงคะ พอจ?

>>> ความหมายข้ามันลึกซึ้งเกินกว่าคนอ่อนแอจะเข้าใจ

พวกแกมันกลัวขาดทุน กลัวนั่นกลัวนี่ จนพลาดโอกาสไปมากมาย

เงื่อนไขชีวิตเยอะเกิน..

จริงๆชีวิตมันไม่มีอะไรต้องเสีย

กลัวเสียนั่นเสียนี่จนแก่ตายไปก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน

ไอ้เดี่ยวมันทุกข์มาก เพราะกล้อง D 5 มันหาย

ไอ้ทุกข์นี่ มันเป็นธรรมดา

ที่ทุกข์เพราะมันไม่ยอมรับว่ากล้องหาย

ถ้ามันยอมรับว่า กล้องหาย

ใจมันก็จะทุกข์น้อยลง

ถามมันว่า แกมีตังค์เท่าใหร่

มันบอกว่ามีสี่หมื่น แต่ค่ากล้องนั้น เกือบสามแสน

สามแสนนี่ ต้องจ่ายคืนธนาคารเดือนละหมื่นหกสิบแปดเดือน

มันทุกข์เพราะอนาคตแห่งสิบแปดเดือนที่ต้องนำเงินไปจ่าย

นี่..มันเอาอนาคตที่ยังไม่มี ยังไม่เกิดมาเป็นความทุกข์

เงินที่จะจ่าย มันก็เป็นเงินอนาคต และยังไม่มี ยังเป็นเงินของคนอื่น

มันเอาความไม่มีแห่งเงินในอนาคตว่า ต้องมีเพื่อที่จะจ่ายมาเป็นทุกข์

ทั้งๆที่ ขณะที่มันทุกข์ อนาคตนั้น มันก็ยังไม่ต้องจ่าย

และเงินที่จะนำมาจ่ายก็ยังไม่มี แถมไม่ใช่เงินของมันในตอนนี้

เพราะตอนนี้มันมีแค่สี่หมื่น

นี่..เห็นไหมว่า เราอยู่ภายใต้เงื่อนไขแห่งความคิดที่เป็นอาวุธมาทิ่มแทงใจเรา

เรา..มันเฮงซวยเอง ที่เอาความทุกข์ที่มันยังไม่มี

มาเป็นฟืนไฟ ให้ใจนี้ชิบหายไปกับมัน

เรื่องเดียวกัน…กับพบเจอกล้อง รู้ว่ากล้องไม่ได้หาย

เมื่อมีกล้อง ความทุกข์ใจที่ต้องจ่ายในอนาคต มันก็ไม่เห็นจะมี

เพราะใจมันยินดี ที่จะเอาเงินที่ไม่มีมาจ่ายในอนาคตได้ เพราะมีกล้อง

กล้องเป็นสิ่งที่ทำให้มันไม่เกิดทุกข์กับสิ่งที่มีและไม่มีกับใจตน

ถ้ากล้องไม่มี มันเกิดทุกข์

ทั้งๆที่เมื่อก่อนมันก็ไม่มีเช่นกัน

ความทุกข์ทั้งหลายที่มันมาเป็นไฟเผาใจเรา

มันเกิดจากเรานี่แหละเข้าไปก่อมันขึ้นมาเอง

ความทุกข์ทั้งหลายที่เป็นกระแส

หากเราตายซะวันนี้ ความทุกข์ที่แย่ๆและหาทางแก้ไม่ได้นั้น

มันก็เป็นแค่อากาศที่ไม่มีอะไรจะทำร้ายใจใครได้เลย

หากไอ้เดี่ยว ยอมรับความจริง หายก็หาย เราแก้ไขจนถึงที่สุดแห่งกำลังใจเราแล้ว มันก็ยังไม่เจอ

ไม่เป็นไร..เราจะยอมรับและรับผิดชอบมัน

หากเราทำใจได้ กลลวงครั้งนี้

ผู้ที่เกิดความกดดันก็มาเกิดที่ตัวผู้แกล้งทำให้กล้องหาย

เราจะทำอะไรได้ กับผู้ที่ยอมรับกับความผิดพลาดของตนเอง

และยอมรับผิดชดใช้ด้วยหัวใจของลูกผู้ชาย

แน่นอน…เกมส์ย่อมพลิกไปอีกด้าน ที่ผลต่างๆ มันจะไม่เหมือนเดิม

ชีวิตนั้น…หากพลาด ก็พึงแก้ให้ถึงที่สุด

แก้แล้ว ได้แค่ไหน ยอมรับแค่นั้นก่อน

แน่นอน..

หากเราเจอผู้ที่แข็งแกร่งกว่าในทางปัญญา
เขาย่อมมีวิธีเสาะหาเรื่องแกล้งเราอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

พึงยอมรับมัน และสู้ในหนทางที่เรามีกำลังต่อไป

หากเป็นเรื่องจริง เราก็คลายความทุกข์ล่ะ

หากเป็นเรื่องลวง ความทุกข์นั้นก็เป็นแค่ครูสอนให้เราแข็งแกร่งขึ้นในการระวัง

การยอมรับเป็นทางสายกลางที่เราจะเดินย่ำไปได้บนหนทาง ที่ดีที่สุด

พึงยอมรับมันกับผัสสะและเหตุการณ์ต่างๆด้วยหัวใจเรา

เรา…จะฝ่าขวากหนามไปได้ด้วยกำลังของตัวเราเอง

ที่แม้แต่พรหมเทวา เทวดาทั้งหลายยังต้องสะท้านในหัวใจเรา

และข้าเองก็เป็นหนึ่งของคนประเภทนั้นที่ต้องโดนทดสอบโดยไม่รู้จบเช่นกัน

ฝึกใจเราไว้ให้มันแข็งแกร่ง

วันที่ใจมันแข็งแรง โลกทั้งใบมันก็อ่อนแอเกินกว่าจะมาย่ำยีหัวใจเรา

หวัดดี…

พระธรรมเทศนาโดยพระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง
ณ วันที่ 6 พฤศจิกายน 2559