****** “เกิดกำลังทางจิตนี่ต้องเผชิญและฝ่าฟัน” *****
ขอสาธุคุณให้มีแต่ความสุขความเจริญ
สมัยก่อนนี่ ข้าเป็นนักกรรมฐานตัวยงเลยทีเดียว
ฝึกอยู่ในป่าช้าเก่า หลังวัดประดู่ ฝึกมาทางสายก๋งจาบ
หลวงพ่อสด หลวงพ่อปลื้ม หลวงพ่อเทียน เยอะแยะที่ฝึกกันมาทางบริกรรม สัมมาพระอรหัง มีพระพุทรูปเป็นอารมณ์พร้อมคำบริกรรมในเบื้องต้น
ข้านี่ ฝึกจนจิตแตกซ่าน ถึงจุดหนึ่งมันจะแตกซ่าน เพื่อเปิดประตูเข้าสู่สงครามเรื่องจิต
เพียงแต่ข้านี่ ผ่าน..!!
การผ่านนี้ มีสองกรณี…
กรณีแรก ผ่านเพราะมีครูบาอาจารย์มาแก้ให้
กรณีที่สอง ผ่านเพราะเกิดจากเจ้าของค่อยๆแก้เองด้วยเหตุปัจจัยแห่งวิบาก
ข้านี่ อยู่ประเภทสอง..!!
คนเรานี่ เมื่อถึงจุดหนึ่ง จิตจะแตกซ่าน เหมือนดั่งที่เรียกว่า กรรมฐานแตก
กรรมฐานแตกคือ ควบคุมใจไม่ได้ มันเกิดอาการหลอน แสดงพฤติกรรมอะไรออกมาผิดพี้ยนไปจากวิถีธรรมดา
ชาวบ้านเรียกว่า บ้า..
จะมากจะน้อย ผู้ฝึกอย่างจริงจังและจิตเข้าถึง มันต้องเผชิญตนมวาสนาภูมิ
หากกำลังไม่พอ บารมีที่สร้างมามีไม่ถึง อัตถภาพนี้ก็ไม่ผ่าน มันแตกซ่าน บ้าและเพี้ยนไปเลย ตลอดชีวิต
เมื่อผ่าน..บาดแผลแห่งความแตกซ่านต่างๆ มันก็กลายมาเป็นปัญญาหล่อเลี้ยงจิตดวงนี้ ให้มันเกิดความแข็งแกร่ง ไม่หลงงมงายกับกระแสต่างๆ อันเป็นอาการของจิตอีกต่อไป
ทีนี้..เมื่อผ่านด้วยเหตุปัจจัย มันก็ต้องออกรบ..!!
ระยะแรกๆ ข้าก็เสาะแสวงหาผู้ทรงคุณอภิญญา เช่น พระ ฤษี หรือผู้มีตบะแก่กล้าทั้งหลาย
พระผู้ทรงฤทธิ์ ฤษีที่แก่กล้าต่างๆ เท่าที่เจอและสัมผัส ส่วนใหญ่เกือบร้อยเปอร์เซ็นเป็นของเก๊..!!
บางท่านนี่ โดนลูกศิษย์ลูกหาอุปโหลกขึ้นมา เพราะลูกศิษยลูกหา มันมีอาการทางจิตประเภทหนึ่ง
หากฟังลูกศิษย์ลูกหา โอ้วว…อาจารย์เหล่านี้ มันไม่ใช่มนุษย์
แต่ข้าเข้าไปรับใช้ เข้าไปใกล้ชิด ข้าเห็นชัดว่า อาจารย์เหล่านี้ ไม่มีเหี้ยอะไร ส่วนใหญ่หนักมาทางพิธีกรรม
หนักมาทางบวงสรวง บ้าเทพ บ้านาค บ้าพระธาตุ วัตถุมงคลต่างๆ และเอาสิ่งเหล่านี้ มาหลอกล่อผู้คน
ชอบทำนายทายทัก อ้างเบื้องบน อ้างอดีตชาติ อ้างพรหม อ้างเทวา
มันมักอ้างในสิ่งที่พิสูจน์และสัมผัสไม่ได้ มาเป็นเครื่องชูเครื่องอวด
พวกนี่ บ้าสร้างพระ บ้าบวงสรวง บ้าพระธาตุเสด็จ บ้าความแปรปวนของเมฆในรูปร่างต่างๆ บ้ารอยพระบาท
บ้าสิ่งที่เสด็จมาโดยอาจินไตยพูดไม่ได้บอกไม่ได้ บอกไป มดลูกอาจเคลื่อน เมนต์หายหำหด นี่..ไอ้พวกนี้มันเป็นอย่างนี้
ที่สำคัญ..มันโยงกันเป็นสาย และเกือบทั้งหมด มักอ้างความเป็นลูก ความเป็นผู้ติดตามหลวงพ่อฤษีลิงดำ
เอาอภิญญาของหลวงพ่อฤษีลิงดำ มาอ้างเป็นของตน ให้ชาวบ้านชาวช่อง เลื่อมใสและศรัทธา..!!
ทางภาคอีสานฝั่งทางนครพนม สกล ท่าอุเทน ท่าแร่แถบนี้ มักจะมีเหล่าจอมขมังเวทย์ จากลาว และชนพื้นเพอาศัยอยู่
ที่นั่นเขาจะเล่นผีปล่อยของ ส่งไสยเวทย์เพ่งใส่ซึ่งกันและกัน
ฝ่ายแก้ก็มีฝ่ายทำก็มี ปล่อยแล้วให้อีกฝ่ายไปแก้เพื่อเรียกศรัทธาร่วมกันก็มี
ทีนี้ บางพวกนี่ เป็นศัตรูกัน ไม่ชอบขี้หน้ากัน พลาดมามันก็หันมาเล่นกันเลยทีเดียว
ข้านี่ สมัยนั้นก็ไม่รู้เรื่องเหล่านี้
นั่งๆอยู่ตะขาบตัวเท่าแขนก็โผล่มา แต่เรารู้ว่านี่คือมนต์
พระอาจารย์เราก็ตกใจหน้าเสีย เราก็เห็นว่าท่านทำอะไรไม่ถูก
แต่ท่านก็โยนมาที่เรา พร้อมกับบอกสำทับว่า
เรื่องแค่นี้ ไม่ต้องถึงมือท่านหรอก แค่ลูกศิษย์อย่างข้า ก็รับมือมันสบาย
ข้านี่เห็นอาจารย์ให้ท้ายยกยอก็เหมือนหมาโดนลูบหัว กัดเป็นกัด กัดอย่างมึนๆ กัดเอาไว้ก่อน
ยังไงหากเพี้ยงพลั้ง ก็ยังคิดว่า พระอาจารย์ก็คงช่วยเราอยู่ ถึงตอนนั้นค่อย พระอาจารย์คงรับมือสบาย
นี่แหละ..ตรงนี้ หลายต่อหลายงานที่เอาจิตเข้าไปข่มเข้าไปแก้ จนเรื่องแย่ๆกลับกลายเป็นดี และได้เป็นมิตรกับผู้ที่สร้างและทำสิ่งเหล่านี้ ส่งปล่อยออกมา
คนส่งเวทย์มนต์พวกนี้ หากปล่อยมาแล้วของคืนกลับ เขาจะมาถึงที่ มาดูว่าเป็นใคร เป็นมิตรหรือศัตรู
หากเป็นมิตร ก็จะขอเรียนแก้ หากเป็นศัตรู ก็จะกลับไปหาวิธีใหม่มาโจมตีอีก
ภายหลังได้เป็นเพื่อนกัน ข้าจึงรู้ความลับ
เป็นความลับที่ว่า ฝ่ายทำ ก็ต้องหาวิธีมาผูก ฝ่ายรับก็ต้องหาวิธีมาแก้
แต่มันมีความจริงซ่อนอยู่ที่ว่า ข้านี่ โดนพระอาจารย์เหล่านี้ หลอกใช้ เป็นแค่เครื่องมือชิ้นหนึ่ง ที่ไว้แก้สถานการณ์ ที่พวกเขา ฟาดฟันและลองของกัน มันก็เท่านั้นเอง..!!
ภายหลังเมื่อข้าจากมา พระอาจารย์เหล่านี้ก็ป่วย ป่วยเพราะต้านอะไรใครไม่ได้ เพราะตนเองไม่มีกำลังจิต อย่างที่อ้าง
มันลบล้างความหมายที่เหล่าศิษย์คาดหวังไว้ว่า พระอาจารย์เป็นผู้ทรงอภิญญาอย่างที่พระอาจารย์เคยโม้เคยพูดไว้
แต่จริงๆแล้ว ไม่มีอะไร สภาวะจิตก็ไปไม่ถึงไหน มีแต่ท่าทาง รูปลักษณ์คำพูดเท่านั้น ที่ดูมันน่าเชื่อถือ
นี่..พระพวกนี้ข้าเคยติดตามใกล้ชิดกันมา ตอนใกล้ชิดนี่ จะมองไม่เห็นเพราะความศรัทธาแห่งใจเราเป็นเหตุ
แต่พอได้ห่างออกมาด้วยเหตุปัจจัย อะไรๆต่างๆมันก็จะกระจ่างชัด และเมื่อหลายอย่างมารวมๆประจักษ์
ความจริงมันก็เผยว่าทั้งหลายที่เชื่อที่ยึด มันเกิดจากธรรมตัวหนึ่ง
นั่นก็คือ…”กูเสือกโง่เอง” …!!
พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 22 สิงหาคม 2559 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง