***** “มองโลกอย่างเข้าใจ” ******
ขอสาธุคุณให้มีแต่ความสุขความเจริญ
การยึดนี่ มันโต่งหลาย…..แต่มันต้องยึดก่อนที่จะรู้ว่ามันโต่ง
การวางเชื่อว่ามันเป็นสุข….แต่มันต้องยึดมาแบกไว้ก่อน แล้วเรียนรู้ที่จะวาง
ว่างมันแสนสงบ…แต่มันต้องเรียนรู้จากไม่ว่างขึ้นมาก่อน มันถึงสงบได้
ปรอทเราใช้วัดอุณหภูมิ ไม่ได้ใช้วัดไข้….แต่เราเอาปรอทมาวัดไข้ เพราะไข้มันเนื่องด้วยอุณหภูมิ
ซื้อมะพร้าวเพื่อมาคั้นกะทิ….แต่กะทิซ่อนอยู่ในเนื้อ ในกะลา ในกาบ ในเปลือก ที่เราต้องซื้อรวมมา
ทั้งๆที่ ไม่ได้เอามาใช้และทำห่าอะไรด้วยเลย
โลกของเรานี้ มันประกอบด้วยเหตุปัจจัยอิงหมายคล้องเป็นลูกโซ่ต่อเนื่องกันไป เรารู้ไหม
เราไม่ควรยึดเอาสิ่งใดสิ่งหนึ่ง มาเป็นที่ตั้งอย่างมั่นใจว่ามันใช่แน่ๆ
ความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาที่เรามองไม่เห็น ใช่ว่าการมองไม่เห็นมันจะไม่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
อายุ 14 มา 75 ถ้าไม่ทัก เคยรู้ไหมว่ามันเปลี่ยนไปมากแล้ว ทั้งๆที่เจ้าของก็มองมันผ่านกระจกทุกวัน
เรา…พึงหัดระวังใจเราว่า อย่าเพิ่งไปมั่นใจในอะไรที่เราเป็น ว่าเรา..มันแน่นอนในสิ่งที่มี
ท้องฟ้ามันดูว่างเวิ้งว้าง หากทะยานพุ่งขึ้นไปหา
ความว่างนั้น…ทำไมตาเรายังมองเห็นและสัมผัสหนอ..?
ธรรมชาตินี่ ต่างอาศัยเหตุปัจจัย อะไรที่ว่าว่างนั้น เป็นไม่มี
ว่างนี่..ทางพุทธ มันเป็นปัญญาเข้าใจในสิ่งที่มี
ว่าสรรพสิ่งนี้ มันคือ ตถาตา..!!
พระธรรมเทศนา วันที่ 2 มิถุนายน 2559 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง