ปัญญาที่ซ่อนอยู่ในการงดนอนงดอาหาร

ปัญญาที่ซ่อนอยู่ในการงดนอนงดอาหาร

439
0
แบ่งปัน

***** “ปัญญาที่ซ่อนอยู่ในการงดนอนงดอาหาร” ****

ขอสาธุคุณสวัสดีให้มีแต่ความเจริญ

หลายวันไม่ได้เข้ามาคุยกัน ขอให้มีแต่ความสุขความเจริญกันทุกคน

ถึงวันปีใหม่ไทยแล้ว อากาศยามนี้ร้อน

ระวังใจอย่าไปร้อนตามก็พอ

สมัยหนึ่งหน้าร้อนเช่นนี้แหละ

ข้าพักงดนอน งดอาหารอยู่ในป่า

ถึงวันที่สามที่สี่ มันมักตั้งข้อสงสัยและคำถามว่า

เรามาทำอะไรโง่ๆในป่าเช่นนี้

ทำไมไม่บวชแล้วอยู่สงบๆแบบเป็นสุขๆเงียบๆคนเดียว
อย่างใครเขาที่เขากระทำกัน

ทำไปก็ไม่เข้าใจตัวเอง ทำไมต้องมาลำบากขนาดนี้

แต่บางอย่างมันเหมือนเรียกร้องให้ต้องทำ

เข้าวันที่ห้าที่หก ความหิวความง่วงอะไรนี่ มันหายไป

มันเหลือแต่ความโหย ที่สติพอกำหนดและจับกับมันได้

วันที่เจ็ด มันครบการตั้งสัจจะวาจาไว้

ความหิวทั้งหลายมันก็กลับมาเยือน

ใจเริ่มเฝ้ารอให้ครบตามวันเวลา

วันที่เจ็ดนี่มันรุนแรง

มันเฝ้ารอคอยวันเวลาเพื่อให้จบๆครบๆซะที

มันรอนับวันเวลาของมันทุกๆวัน

เออ..แล้วเข้ามาทรมานกายทำไม ในเมื่อทุรนทุรายกายอยากออก

ข้าเห็นชัดของอาการแห่งใจ ที่มันปรุงด้วยความโหยหิวและดิ้นรน

ผ่านมาหกวัน มันตั้งมั่นอยู่ได้

มาวันที่เจ็ด มันเกิดอาการเชี่ยวกรากแห่งกระแสใจ

ที่มันเฝ้ารอ ว่าเมื่อไหร่จะได้หมดๆวันไปซะที

กระแสเช่นนี้แหละ..เรียกว่ากิเลสดิ้นพราดๆ ดิ้นเพราะโดนขังมานาน

มันจะแสดงอาการของมันเด่นชัด เมื่อเราทรมานตน

เราเป็นเจ้าของอาการแห่งใจไม่ได้เลย

ไม่ว่าจะมีการโยนิโสอย่างไร ใจก็เอามันไม่อยู่

ธรรมชาติแห่งจิตนี่ มันเป็นธรรมชาติของมันเช่นนั้น

มันมีโปรแกรมหวงรูป

มันแสดงออกมาเพื่อรักษารูป

การแสดงออกนี่ เป็นโปรแกรมธรรมชาติ เพื่อกระตุ้นให้เรานี้

กระทำไปตามกระแสของมัน เพื่อความอยู่รอดของชีวิต

เรานี้ ห้ามไม่ให้มันแสดงไม่ได้

แต่เราห้ามไม่ให้เกิดการกระทำขึ้นมาได้

ความรุนแรงแห่งความเหนื่อยล้า โหยหิว ง่วง มันรุนแรง ตลอดทั้งคืน

เช้าวันที่แปด..

ข้าเอื้อมไปหยิบใบไม้แห้งมาเคี้ยวสามสี่ใบ

คิดว่าเคี้ยวปลาหมึกก็แล้วกัน ความหิวหายไป ความง่วงหายไป

นี่..อาการเหล่านี้มันหายไปไหน

ในเมื่อเมื่อคืนและวันที่ผ่านมา มันออกอาการอย่างรุนแรง

อาการที่จิตแสดงออกมาเช่นนี้แหละ

สำหรับผู้มีปัญญา

มันจะเห็นชัดประจักษ์ใจและยืนยันได้ว่า

เรา กาย จิต เวทนาทั้งหลาย มันเป็นแค่อาการแสดง

มันไม่มีจริง

ที่มี เป็นการปรุงขึ้นมาจากอะไรบางอย่าง ที่เราเรียกว่าจิต

และเรื่องจิตนี่ที่แสดงอาการออกมาให้เห็น

มันก็อาศัยเหตุปัจจัยอะไรของมันอีกเยอะแยะในการปรุง

มันอาศัยผัสสะผ่านกาย ให้เรารับรู้

รู้แล้ว เราจะไหลไปตามกระแสแห่งผัสสะหรือไม่

มันอยู่ที่เรา

และเรา..มันจะรู้สึกและยืนยันได้ด้วยตัวเรา

ว่าอาการทั้งหลายที่เกิดขึ้นนั้น มันไม่ใช่เราเป็นแน่นอน

เมื่อเห็นชัดว่าไม่ใช่เรา

และอาการต่างๆที่ปรากฏ มันแค่มาเยือนมาแสดงออกมาตามหน้าที่สัญญาแห่งมัน

มันไม่มีใครหิว ใครโหย ใครอยาก ใครทุรนทุราย

เมื่อวานมันแทบเป็นแทบตาย สมาธิยังเข้าไม่ได้ ทั้งๆที่เคยชินกับการเข้าสมาธิอย่างชำนาญ

ถ้าเราเป็นหรือเป็นเรา วันนี้ตัวเราก็ต้องหายไปด้วย เพราะอาการต่างๆที่เราเป็น มันหายไป

มันอิ่มเอิบเหมือนผู้รอนแรมมาถึงเส้นชัย

มันคล้ายผู้ออกจากคุกออกจากที่คุมขังอันแสนทรมานแห่งชีวิต

ข้าจึงงดอาหารและอยู่ต่อไปอีกเจ็ดวัน ไหนๆก็มาฝึกตายกับมันอยู่แล้ว

วันที่เก้ามันก็หิวอย่างหนัก พาลจะตายเอาอีก

กายก็เริ่มสั่น ยืนแทบไม่ไหว สั่นโอนเอน

ทั้งๆที่เมื่อวานมันก็ยังดีๆของมันอยู่

ยิ่งสั่น ยิ่งโหย ยิ่งโอนเอน ก็เลยก้าวออกเดินจงกรม

ก้าวแต่ละก้าวมันยากเย็นแท้หน้อ

เดินทั้งวันจนค่ำ

อาการต่างๆมันหายไปไหนก็ไม่รู้

ใจมันมุ่งอยู่แต่การดูกายที่มันเคลื่อนไหวในการเดิน

มันเห็นชัดถึงผู้ดูอาการ ผู้รู้อาการ

เห็นชัดถึงกายที่ไม่รู้ไม่ชี้ และโปรแกรมที่ปรุงแต่งบังคับกาย

อาการต่างๆมันปรุงแต่งแสดงออกผ่านกาย

ในนั้นมันมีผู้ดูและผู้รู้อาการ ทั้งสองตัวนี่มันแยกกันทำหน้าที่

แต่หากมองไม่เห็น มันก็จะเห็นเป็นตัวกูที่รวมกันเป็นตัวเดียว

และจะเข้าไปเป็นเจ้าของอาการทุกอย่างที่กายแสดง

ภาวะเช่นนี้ ข้าเคยเกิดขึ้นหลายครั้ง เมื่อเข้ามาฝึกเช่นนี้

มันเป็นธรรมชาติของจิตที่แสดงและคลายตัวออกมาให้เห็นเมื่อเราขนาบมันมากๆเข้า

ใครๆก็สามารถเห็นได้และยืนยันได้ หากเหตุปัจจัยมันครบกาลของมัน

วันต่อๆมามันจึงทรงตัวอยู่อย่างไม่มีตัวกูเข้าไปเป็นเจ้าของ

อาการต่างๆ ต่างแยกวางตัวกันเป็นอุเบกขา ไม่เข้ามารวมตัวกันเป็นก้อนแห่งตัวกู

ทุกอาการมันก็แสดงตัวไปตามหน้าที่ของมันไป

แต่ไม่ขึ้นกับใจและใครที่จะเข้าไปเป็นเจ้าของแห่งอาการ

และก็อยู่ทรงอาการเบาๆหวิวๆเช่นนั้น ตลอดไปอีกจนถึงวันที่เจ็ด

เจ็ดวันที่ตั้งสัจจะต่อนี่ ไม่มีปัญหา

ที่ไม่มีปัญหาก็เพราะไม่ได้มุ่งมั่นที่จะกระทำต่อไปอีกเจ็ดวัน

มันไม่ได้นั่งนับวันเหมือนเจ็ดวันแรก

เมื่อไม่มีเส้นชัยให้มัน

การแสดงออกของอาการ มันก็เลยไม่ปรากฏ

ข้าระลึกรู้ว่าครบเจ็ดวันที่สองได้

ก็เพราะวันนั้นเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง

ข้านั้นเข้าป่ามาในคืนเดือนมืดขึ้นหนึ่งค่ำ

นี่ 15 ค่ำพระจันทร์เต็มดวง

วันนั้นเมื่อเจ็ดแปดปีที่แล้ว

มันก็คือเวลานี้เดือนนี้ และร้อนอย่างนี้

นี่..การที่เราจะเข้าใจอาการแห่งจิต รู้จักจิต

เราต้องใช้วิธีให้อาการแห่งจิตมันแสดงตัวออกมา

โดยไม่มีเราเข้าไปเป็นเจ้าของ

ที่สำคัญ ตายก็ให้มันตายไป ธรรมทั้งหลาย มันจะแสดงตัวออกมาให้เจ้าของ ได้เรียนรู้ ที่จะเกิดปัญญา

เข้าใจตรงต่อความเป็นจริงของมัน ที่ไม่ใช่เราเป็น

มีโอกาสมาฟังธรรมเช่นนี้ได้จากการไถ่ถามและสนทนาได้ที่เกาะกลางน้ำ บุญญพลัง

เป็นธรรมที่เกิดจากประสบการณ์

และอ่านธรรมจากประสบการณ์ เพื่อเรียนรู้ธรรมที่ตรงต่อความเป็นจริง

พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง 18 เมษายน 2560