เดินจงกรม…ท่อนที่ 2

เดินจงกรม…ท่อนที่ 2

924
1
แบ่งปัน

หวัดดี วันนี้ต่อเลยไหม การเดินจงกรมนี้ มีคุณสูง เมื่อเราเริ่มก้าวเท้าขวาออกเดิน
สติเราระลึกตามการก้าวเท้าอ
อกไป ทุกขณะจิตตอนเดิน ต้องมาคุยกันที่นี่
เพราะมันมีระยะการวางจิตพอส
มควร ขี้เกียจจิ้มอธิบาย

การเดินให้วางใจสบายๆ ทำความรู้สึกตัวอยู่กับการเดิน แรกๆ ก็เดินกันช้าๆ ไปก่อน
เมื่อชินกับการมีสติระลึกใน
ท่วงท่าที่เดิน ก็เดินเร็วขึ้น

การเดินให้เดินหลังอาหาร ก็จะดี ปกติพระเรานี้เมื่อบวชมา หากเป็นพวกพระขี้เกียจ แดกเสร็จ
มันก็จะเข้าห้องจำวัด นอนดูทีวี ดูหนัง แถมชักว่าวอีกต่างหาก แล้วมักบอกว่า กำลังจำวัดไม่ว่างห้ามใครยุ่ง

พวกโยมก็เข้าใจว่า พระต้องจำวัด ห้ามรบกวน นี่ พวกพระขี้เกียจ บวชเข้ามานอนอย่างหมูอย่างหมา
คอยแดกข้าวชาวบ้านเสร็จ ไม่รู้จะทำอะไรดี ก็เข้ากุฎินอนลูกเดียว

พึงจำไว้ท่านทั้งหลาย พระดี ท่านไม่จำวัด พวกจำวัด คือพวกแดกมากแล้วขี้เกียจ
ธรรมชาติของนักบวช เมื่อรับผ้ากาสาวพัสตร์ ก็เพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง

ไม่ใช่รับผ้ามาแล้ว แดกแล้วนอนจนตะวันแจ้ง แล้วลุกขึ้นมาแดกต่อเป็นวัดกินนอน ของเณรอนุบาลไป
หากเพลียจัดเหนื่อยจัดก็นอนพักพอเอาแรงได้ นี่..พระทำงานไม่ว่ากัน

แต่พวกบวชเข้ามา จำวัดยันเต เพราะไม่รู้จะทำอะไร พวกนี้บวชมาส่วนใหญ่ ใจก็นึกแต่ จะสิ้นพรรษาเมื่อไหร่หนอๆๆ ใจเป็นพวกโจรติดคุก

ใจมันไม่ได้อยากบวช แต่เสือกบวชเข้ามา หลอกแดกอาหารชาวบ้าน นี่..พวกนรกถามหา นักบวช
เมื่อจบกิจจากทานข้าวแล้ว เก็บอะไรเรียบร้อย อย่าเอนหลังนอน

นอนเมื่อไหร่ กิเลสมันจะสร้างเป็นสันดาน แดกแล้วนอนแม่งทุกวัน ไอ้คนก็ชอบกันจัง
อยากให้ท่านพัก ให้ท่านจำวัด จำวัดเป็นกิจของพระ ไอ้พวกพระขี้เกียจ ไอ้สันดานพวกแดกแล้วนอน

ไอ้ชิ๊บหาย..!! บวชมาแล้วใจอัปปรีย์ กิน นอน ดูทีวี ล่อภาพลามกแล้วชักว่าว อัดตูดกันก็มี
แล้วให้คนเขาหาข้าวให้กิน ให้เขากราบไหว้ เป็นดั่งเทวดา บวชมาหานรกกันแท้ๆ ขอด่าแม่มันแทนพวกแก
เผื่อมันอ่าน ไอ้พวกพระสันดานดีมันเกียจข้าเยอะ ตั้งแต่เห่าทางเฟส

นักบวช กินข้าวอิ่มก็นู่นเลย เข้าทางจงกรม ไปเดินย่อยซะ อย่าไปเอนหลังหลับ สร้างวิริยะขึ้นมาให้มันเคยชิน
จะนั่งสมาธิก็ได้ แต่หากใจไม่ตั้งมั่น หลังกินเสร็จ เดี๋ยวมันก็จะหลับ เดินจงกรมไปเลย ดีที่สุด

พระบางท่าน ทั้งชีวิต ไม่เคยเดินจงกรมอะไรเลย กรรมฐานก็ไม่ทำ ถึงทำก็ทำอย่างงูๆ ปลาๆ แต่ทำตัวเป็นอาจารย์คน
ไปจำไปอ่านหนังสือมา แล้วอวดภูมิออกไป ดูว่าเป็นนักปฏิบัติ เพื่อให้คนชื่นชมกันเท่านั้น ทำขึ้นมาเพื่อแสวงหาลาภ

พวกเราจำไว้ พระกินข้าวอิ่มแล้ว ท่านเดินจงกรม หรือไม่ก็ทำงานของท่านไป ส่วนพระขี้เกียจ แดกแล้ว
นอนดูทีวี เล่นเกมส์ ดูหนังฟังเพลง แล้วนอน พวกพระเกย์พระตุ๊ด มันมีคู่เป็นพระผัวพระเมียและอัดตูด
ดูดหำกันทุกราย และมีมากมายไม่ใช่น้อย

ยิ่งบ่ายๆ นี่ หากเป็นพระปฏิบัติ ท่านทำงาน บางท่านก็โน่นเลยขึ้นทางจงกรม เดินทำงานทางจิต
ไปยันมืดนู่น จึงขึ้นมาอาบน้ำล้างเท้า ทำสมาธิต่อ นี่ พวกนี้บวชมาเอามรรคผล ไม่ได้บวชมาเอามักมาก หรือบวชมาเอามักง่าย

แต่บางท่านถึงที่สุดแห่งธรรม หมดกิจสิ้นสงสัย นี่..ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เราไม่ว่ากัน แต่ที่แน่ๆ ท่านไม่นอนกลางวันแน่ เพราะมันเป็นกิเลส

การเดินจงกรม มันมีคุณใหญ่กับใจที่เกิดการพิจารณาธรรม จิตและสติมันตื่นอยู่ตลอดเวลา
ไม่เหมือนการนั่งสมาธิ มันอาจเข้าภวังค์ ตัดสติของเราออกไปได้

ในการเดินจงกรม มันก็มีปีติ และเข้าสู่ระดับฌานต่างๆ ได้เช่นเดียวกับการนั่ง การเดินเป็นเส้นทางแห่งวิริยะ
ส่วนการนั่งเป็นเส้นทางแห่ง สมถะ และเกียจคร้าน

มันแยกออกเป็น วิริยะสอง คือ เดินกับยืน ส่วนสมถะฟากขี้เกียจ ก็นั่งกับนอน แต่ก็ใช้ทั้งสองวิธีสลับกัน ในการเจริญสติ

วิริยะมากไป ไม่เป็นสมาธิ เกียจคร้านมากไป ก็ไม่เป็นสมาธิ เมื่อไม่มีสมาธิกำลังทางปัญญาก็ไม่มี

ข้าเองเคยเกิดอาการปีติในขณะเดินจงกรมหลายครั้ง ในสมัยมุ่งมั่นแรกๆ หลายๆ ปีก่อนโน้น
เดินกันที่นับสิบชั่วโมงทีเดียว

เดินกันเป็นบ้าเป็นหลัง เวลาวินิจฉัยธรรม หรือเดินเพื่อฝึกกำลังทางสติ นี่ เดินกันแต่เช้ายันเที่ยงคืนก็เคย
เดินแล้วมานั่งสมาธิพัก แล้วถอยออกมาวินิจฉัยธรรมที่มันค้างคาและละเอียดลงไป

นี่.. ข้าเอากันขนาดนั้น บางช่วงไม่ต้องหลับต้องนอนกันเลยก็มี มันจึงพอจะเห็นธรรมกันบ้าง
ด้วยกำลังแห่งมหาสติมหาปัญญาที่ไหลโถมเป็นธารต่อเนื่องกันไป พอมีธรรมแล้วมันกล้าบรรลือธรรม มันไม่เกรงใจใคร ขอให้ใจมันมีธรรมขึ้นมาเหอะ

สมัยหนึ่งขณะที่เดินอยู่บนภูเขามะกรูด ที่ อ.บ้านนา จ. นครนายก ข้าไปฝึกอยู่ที่ภูเขาลูกนี้

ข้าไม่ได้หลับนอนมาสองวัน พอออกจากสมาธิก็เข้าทางจงกรม ใจที่มันเคยชินกับความสงบ
พอเดินมันก็สงบ เมื่อสงบ มันก็จับผัสสะแห่งเรือนกาย มันไม่สนใจและรำคาญในเรื่องภายนอก

ทีนี้ พอเดินๆ ไปมาซักพัก ก็มีความรู้สึกว่า ตัวมันพองขึ้น ยิ่งเดินก็ยิ่งพอง
มันมีความรู้สึกเหมือนเนื้อหนังมันจะขยายออกและบวมฉึ่ง

ข้าไม่ค่อยอะไรกับอาการเหล่านี้ ก็ยังคงเดินไปเดินมาต่อไป ซักพัก ตัวที่ขยายมันก็เริ่มพองจนรู้สึกกลมไปทั้งร่าง
กลมไม่พอ ขณะที่เดิน มันเริ่มลอยขึ้นไปจากพื้น

แต่ข้าก็ยังเดิน ในขณะเดียวกันก็รู้ว่า ร่างมันกลมและกำลังลอย ยิ่งลอยมันก็ยิ่งขยายบวมเบ่
รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นลูกโป่ง ลอยออกจากพื้นดิน

ข้าลอยมาถึงยอดไม้ แต่ข้าก็ไม่รู้ไม่ชี้ ข้ามีหน้าที่เดิน ข้าก็เดินทั้งที่ลอยๆ นั่นแหละ
ซักพักร่างที่ลอยและบวมเป่ง มันก็ขยายโตขึ้นและแตกเสียงดังโผล๊ะ….!!!

ข้าเห็นเศษเนื้อกระจัดกระจายลอยปลิวหายไปในอากาศก็มี ลอยไปติดยอดไม้ก็มี
หล่นเรี่ยราดอยู่ตามพื้นดินก็มี เห็นแม้เลือดและขี้เยี่ยวที่มันกระเซ็นแบบแตงโมระเบิดออกมาจากข้างใน
มันกระเซ็นกระจาย ไม่มีชิ้นดี กลิ่นนี้เหม็นคาวคุ้ง

กระดูกก็แหลกละเอียด เครื่องในตับไตไส้พุง มันแตกพุ่ง ออกไปเป็นชิ้นเนื้อเละๆ
แต่ข้าก็หาได้สะดุ้งหวาดกลัวไม่ ข้ายังคงเดินต่อไป เดินไปทั้งๆ ที่เห็นอยู่ว่า ตนเองระเบิดกระจายเละเทะ ไม่มีชิ้นดี

พวกเราคงถาม ว่าทำไมจึงเห็นได้ ในเมื่อไม่มีตัวให้เห็น ตัวมันระเบิดกระเซ็นกระจายออกหายไปหมดแล้ว

เราค่อยมาต่อคืนพรุ่งนี้ เพราะคืนนี้ ดึกแล้ว ข้าเริ่มง่วง พรุ่งนี้เจอกันใหม่ จะอธิบายให้ ว่าทำไม
จึงยังเดินอยู่ได้ ทั้งๆ ที่ไม่มีร่างให้เดิน คืนนี้ หวัดดี

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 18 กันยายน 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง