บุญที่เป็นกุศลสูง

บุญที่เป็นกุศลสูง

754
0
แบ่งปัน

**** “บุญที่เป็นกุศลสูง” ****

หวัดดีตอนเที่ยงจ้า นี่จะบ่ายโมงแล้ว กะลังมุงหลังคา คอกนกกระจอกเทศ พรุ่งนี้ พี่วิสูตรจะนำนกสามตัวมาปล่อย

คืนนี้ หากไม่มีอะไรมาติดขัด ก็จะโม้เรื่อง การทำบุญ เพราะคนไทยเรา บ้าทำบุญกันเหลือเกิน บางอย่าง กุศลน้อย ทั้งๆ ที่เป็นบุญใหญ่

นี่เป็นเพราะตั้งกำลังใจไม่ถูก ทำบุญด้วยกำลังเงินมาก ใช่ว่า จะเป็นบุญมาก ข้าเคยถามผีดูแล้ว ท่านว่า ไม่ใช่จำนวน บุญที่มีกำลังมาก

เป็นบุญที่ประกอบด้วยปัญญาบุญ เพราะเป็นการทำ เพื่อจุดมุ่งหมายเป็นเสบียงแห่งความพ้นทุกข์ การทำบุญ ในความหมายใดๆ ก็แล้วแต่จุดประสงค์เนื้อแท้

เพื่อให้ใจเป็นผู้มีทาน ทานคือการ เสียสละ เป็นการเอาออก เพื่อลดความตระหนี่ ที่มันหมักหมมในใจ คือความยึดมั่นออก

ในที่นี่ เราหมายถึงสิ่งมีค่า ที่เราพากันแสวงหามา นั่นก็คือ เงิน เรามักทำบุญด้วยเงิน เงินเป็นตัวแทนแห่งกำลังใจ ในการที่จะเป็นทาน คือการเสียสละให้ผู้อื่น

ในการทำทาน มันก็ยังมีอานิสงส์แยกย่อยออกไปอีกมากมาย คุยดันไม่รู้จบอีก วิธีง่ายๆ ที่จะทำให้ใจดวงนี้ ไปสว่าง เป็นเบื้องแรก

ก็คือ การทำบุญด้วยเงิน เงิน 100 บาท เจียดออกมาเถิด 1 เดือน ขอให้เราทำบุญกัน เดือนละ 100 บาท แต่ขอให้ทำกันทุกเดือน

กุศลแห่งการทำบุญ ทุกเดือน เราเรียกว่า เป็นผู้มีกุศลอันมีอานิสงส์ทางใจที่ยิ่งใหญ่ ที่สำคัญ เราไม่เดือดร้อน การทำบุญ วิญญาณที่กายแตกไปแล้ว

ท่านบอกว่า ขอให้ทำกันบ่อยๆ ไม่ต้องทำเยอะ เราจะแบ่งทำ อาทิตย์ละ 20 บาทก็ได้ อย่าไปทำต่ำกว่า 20 บาท เพราะใช้กำลังใจน้อยไป ที่จริงจะเท่าไหร่ก็ได้

แต่หากต่ำกว่า ค่าอาหาร 1 มื้อ กำลังใจแห่งผลอานิสงส์น้อย ค่าสมมุติแห่งเงิน มันเปลี่ยนไปแล้ว

สมัยก่อน แม่ข้าให้ตังค์ไปโรงเรียน 50 ตังค์ 50 ตังค์นี่ ซื้อข้าวกินได้สบาย ทำบุญ 50 ตังค์นี่ ถือได้บุญโข

ทำบุญแล้วอานิสงส์เยอะ ตอนนั่น ทองบาทละ 300 บาท แต่เดี๋ยวนี้ ทองบาทละ 20,000 การที่เราตัด ค่าอาหาร 1 มื้อ เพื่อทำบุญ

เป็นกุศลใหญ่ ความหมายแห่งอานิสงส์ ใหญ่ไปตามบารมีของกำลังใจในแต่ละคน หากเรา ทานอาหาร มื้อ ละ 200 เราก็ควรเลือกที่จะ ทำบุญ 200

และโยนิโสไว้ในใจว่า นี่เราตัดค่าอาหาร คือทานที่เป็นกำลังของชีวิตออกมา ขอสละให้แก่ส่วนรวม คือ สรรพสิ่ง กำลังใจที่โยนิโสด้วยสติแบบนี้

เป็นการทำบุญที่มีอานิสงส์ใหญ่ ผลก็คือ ท่านจะเป็นผู้ที่ไม่พบกับความอดอยาก เกี่ยวกับการเป็นอยู่ตลอดไป ในอัตภาพ

เมื่อวิบากนั้นมาให้ผล วิบากแห่งกุศล และอกุศล จะมาให้ผลในทันทีที่เราสาธุคุณโมทนา หากยังไม่มา กุศลนั้นก็จะให้ผลในกาลต่อมา

หากยังไม่มา กุศลนั้นก็จะมาให้ผลในกาลที่ต่อๆ มาอีก กุศลนี้ จะจรดจ่อให้ผลอยู่เสมอ อกุศลก็ให้ผลจรดจ่ออยู่เสมอเช่นกัน

มันจึงต้องรอผลที่เราต้องเสวยกันต่อไป หากเราทำใจมาฟากกุศล คือมีปัญญายอมรับในสิ่งที่กระทบ อกุศลจะจางหายไปเมื่อหมดเชื้อ อกุศลใหม่จะก่อตัวขึ้นยาก

เมื่ออกุศลใหม่ก่อตัวขึ้นยาก กุศลก็จะแทรกเข้ามาให้ผลเป็นวิบากที่เราต้องเสวย ความเป็นอยู่แห่งสมมุติของเรา ชอบที่จะเสพมาทางกุศล

กุศลจักทำให้เรา มีความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น แต่ทั้งกุศล และอกุศล ต่างเป็นเสบียงเครื่องอยู่ต่อในวัฏฏะทั้งสิ้น เป็นสมมุติที่เสมอกัน ด้วยกันทั้งคู่

มันอยู่ที่ใจเราเลือกที่จะเสพ เป็นภาวะของใครของมัน อกุศลบางอย่าง อาจเป็นกุศลของอีกคนที่เขาพึงพอใจและชอบใจ

เราจึงไม่ควรจะไปตัดสินใจใคร ด้วยเหตุและผลแห่งเรา ที่เป็นความรู้หรือเข้าใจว่า ด้วยเหตุแห่งตัวตน ในแต่ละคน มีเหตุและปัจจัย ไม่เสมอกัน

พึงทำความพอดีของเราให้เกิดกับใจเรา อย่าพึงไป ตัดสินใคร ว่าเขาทำอะไร มันผิดมันไม่ใช่ ด้วยเหตุและผลของเราที่ยังไม่ได้ สาวผลไปหาเหตุ

ขอให้มีเหตุผล ก่อนที่จะตัดสินใจไปว่ากล่าวใคร ใจเช่นนี้ คือใจที่มีกุศล เนื่องมาจากเหตุแห่งทาน เราจึงควรหมั่นทำบุญ ด้วยปัญญา

เที่ยงนี้ คงว่ากันแค่นี้ ต้องไปทำงานแล้ว สวัสดี

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง