****** “แสดงศักดาอย่างไม่ดูตาม้าตาเรือ” ******
มีไอ้บ้าคนหนึ่ง มันเคปเจอร์หน้าจอไว้ แล้วพยายามยัดเยียดว่า นี่เป็นหลักฐานว่า ข้านี่ไปเริ่มต้นว่าและกล่าวหาพวกเขาก่อน
ซึ่งในข้อความนั้นข้าได้เขียนถึงคำว่า “ไอ้พวกบ้าพุทธวจนะ” ในธรรมเรื่องการดูจิต
ด้วยคำนี้ไอ้พวกนี้มันเดือดร้อน มันไปเรียกพวกมันมาเห่าหอนกันเกรียวกราว ซึ่งก็มีไม่กี่ตัวหรอก ที่พากันเห่าหอน
เพราะมันเดือดร้อนและยอมรับว่า มันเป็นพวกไอ้บ้าพุทธวจนะจริงๆ
ที่ข้าเขียนออกไปเช่นนั้น ว่าพวกไอ้บ้าพุทธวจนะก็เพราะว่า ไอ้พวกสันดานเสียเหล่านี้นี่แหละ
มันมักจะมารุกรานแสดงธรรมอย่างไร้ปัญญาและเสียดสีเฟสนี้มาก่อน มันมักมาอวดศักดาผู้มีความทรงธรรมพระสูตร
ก็แค่ยกตัวอย่างประกอบธรรมไอ้พวกเลวพวกนี้เท่านั้น ที่เคยมาก่อกวน มีไม่กี่ตัวหรอกที่ว่างๆก็มาเห่าหอนที
จริงๆมันก็เจตนาดี ถ้าไม่หวังดีด้วยความเสือกของมันและข่มผู้อื่นว่าเป็นพวกนอกพระพุทธศาสนา
มันเอาที่นี่ไปปู้ยี่ปู้ยำอะไรเยอะแยะในหมู่พวกมัน
ข้าไม่เคยตามไปสนใจมันหรอก เมื่อมีคนก๊อปและเอามาเล่าให้ฟัง
ข้าดูเป็นเรื่องเด็กน้อยหลงธรรมหลงเปลือก
ที่เจ้าสำนักเองทึกทักเอาเองด้วยอัตตาแห่งตนโจมตีผู้อื่นมากกว่า
ที่จริงเรื่องเอาธรรมแห่งพระสูตรมาประกาศนี่ ข้าสาธุโมทนา
มันช่วยให้ผู้คนได้รู้ได้ศึกษาธรรมได้มากยิ่งขึ้น
แต่ที่ผู้คนเขาไม่ชอบใจกันก็เพราะ เจ้าพวกนี้มันมันดูถูกดูแคลน
คนที่ไม่ได้อ่านพุทธวจน ว่าเป็นพวกไม่รู้ธรรม
เป็นพวกนอกศาสนา เป็นพวกบิดเบือนพระธรรม ไม่ถูกต้อง โง่ งี่เง่าเพราะไม่อ่านธรรมแห่งคำตถาคต
ที่สำคัญ ยึดพระสูตรแล้วเอาไปฟาดฟันผู้อื่น
ไม่ฟังใคร ไม่ฟังคำอธิบาย จะเอาแต่ความคิดกูอย่างเดียว
ยึดความหมายของนักแปล ที่แปลตามพจนานุกรม
ไม่ได้แปลด้วยภูมิธรรมที่ปฏิบัติเข้าถึง
อ้างความเป็นสาวก
ไม่ฟังคำสาวก ปรามาสแม้พระอริยเจ้าเช่นพระสารีบุตร ด้วยอัตตาแห่งตนที่ไม่เข้าใจธรรม
นี่ถ้าเอาพระสูตรมาวางด้วยความอยากรู้ ในความหมาย แล้วถามมาเหอะทุกพระสูตร
ข้าก็จะอธิบายให้อย่างเข้าใจและลูบคลำได้ด้วยปัญญาของพวกเราเอง ข้ายินดี
แต่นี่
แต่ละรายที่เข้ามา
ล้วนทำตัวเป็นนักเลงธรรมกันเข้ามา
แค่อ่านพุทธวจนะหน่อยหนึ่ง
ถึงขนาดมาสอนพระ ว่ากล่าวเหล่าพระทั่วไป
เพราะทึกทักยัดเยียดว่าเขาไม่อ่านธรรมเหล่านี้
นี่ มันเป็นกันซะอย่างนี้..
เพราะความอวดธรรมที่จำที่ฟังมา
เอาสิ่งเหล่านี้มาเป็นตัวตน
เพื่ออวดตน ชูตนว่าเป็นผู้รู้ธรรม
จึงเอาข้อธรรมมาฟาดฟันผู้อื่น ทั้งๆที่ตนยังไม่ได้เข้าใจอะไรนักเลย
อาการเช่นนี้มันเป็นบาปอย่างหนึ่งที่ทำให้ผู้คนแอนตี้และรังเกียจ
คนพวกนี้ ไม่เข้าใจว่าอะไรคือจิต
ไม่เข้าใจว่าอะไรคือเวทนา
ไม่เข้าในว่าอะไรคือกาย
ไม่เข้าใจว่าอะไรคือธรรม
ที่เข้าใจ คือนึกตรึกตรองกันไป ตามที่เขาแปลๆกันมา
มันไม่ต่างจากพวกศาสนาอิสลาม คริสต์ ที่ให้เชื่อแต่ส่วนเดียว
ห้ามคิด ห้ามค้าน ห้ามขัดขวาง
ใครไม่เชื่อคือพวกนอกศาสนา
นี่..มันจึงกลายเป็นลัทธิหนึ่งที่ไม่ใช่พุทธ
พุทธนั้น..คือปัญญา
มีอิสระทางความคิด
เพราะอิสระนี่แหละ จึงเกิดนิกายต่างๆมากมาย
แต่แม้จะเกิดนิกายมากมาย
เมื่อถึงที่สุดแห่งธรรมคือปัญญารู้แจ้ง
ทุกนิกายก็ลงรวมกันเรียกว่าถึงความเป็นพุทธะ
การหลากหลายความคิดเห็นเป็นลักษณะของผู้มีปัญญา
การเชื่อและงมงายต้องนั่นนี่นู่นส่วนเดียว มันเป็นเรื่องแห่งความงมงาย
แม้บ้าธรรมจากพระสูตรโดยไม่ฟังใครนี่ก็เป็นความงมงาย
และความงมงายที่ไร้ปัญญาเช่นนี้
ทำให้พุทธศาสนาเสื่อมหายลงไปด้วยทิฏฐิแห่งตนที่ไม่เอาใคร..
*********************
คำถาม >> กระผมขอโอกาสครับ
กราบนมัสการท่านพระอาจารย์และนอบน้อมในธรรมที่กล่าวไว้
เคยได้ยินผู้ทรงศีลธรรม ปรารภไว้ประมาณว่า บาลีนั้นเป็นภาษาแขกโบราณ อรรถาจารย์เป็นผู้ตีความ เอาความเห็นส่วนตัวใส่เข้าไปแต่งตำรา
ตำราที่แต่งออกมาจึงควรเรียกว่า สัญญาจารย์
กราบนมัสการครับ
*** พระอาจารย์ตอบ
การสังคายนาคือการรวบรวมธรรมที่กระจัดกระจาย
ท่านก็เริ่มจากความทรงจำของแต่ละคน ที่อยู่ในเหตุการณ์ ที่ฟังและจำๆมา
แน่นอน ว่าต้องใช้การตรึกเพื่อบรรยายสิ่งที่ตนเข้าใจออกมา
ฉะนั้น จะไปบอกว่า พระพุทธเจ้าตรัสทุกคำหาได้ไม่ มันเป็นการตรึกของเหล่าสาวกเท่าที่จำได้
แต่ก็พอจะอนุมานไว้ได้เป็นเครื่องชี้แนวทาง
ยิ่งมีการสังคายนานับเป็นสิบๆครั้ง
ก็ยิ่งขยายความออกไปหนักขึ้น
ภาษาที่ใช้ก็แปลกแตกแยกกันไป
ซึ่งมันเป็นสัญญาแห่งอรรถาจารย์เขียนกันทั้งนั้น
มันเป็นเปลือกห่อหุ้มเนื้อเยื่ออันเป็นสัจธรรมอยู่
มันต้องรอผู้มีปัญญามาแกะมากระเทาะเปลือกออกเพื่อแกะกินเนื้อเยื่อ
แต่พวกบ้าตำรา บ้าอักขระ กลับแดกทั้งเปลือก
แล้วประกาศบอกว่านี่คือการกินที่ถูกต้อง
แถมยัดเยียดทุกคนให้กินทั้งเปลือกอีกว่าถูกต้อง
เช่นนี้ มันน่ากระทืบเจ้าพวกนี้ไหม
ที่แกะเนื้อเยื่อไม่เป็น อ้างพระพุทธเจ้าสั่ง
…………………………………………..
ยิ่งเรื่องเสาหินอโศกนี่ ยิ่งแล้วใหญ่
เสาอโศกนี่เป็นเสาหลักแสดงปักอาณาเขต
เพื่อสยายเขตแดนแห่งอาณาจักรพระเจ้าอโศกผู้ปกครองแผ่นดินโมริยะ
ในเสาก็สลักเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับบ้านเมือง การค้า การปกครอง
หลากหลายภาษา หลากหลายอักษร แยกแตกต่างออกไปในแต่ละเมือง
มีภาษาจารึกเป็นอักษรพราหมณ์ อันเป็นภาษาท้องถิ่น ของแคว้นอวันตี
ที่สำคัญ ไม่มีซักต้นที่สลักภาษามคธ อันเป็นบาลีที่แสดงธรรม
เสาอโศกนี่ มีการสลักธรรมพื้นๆเกี่ยวกับ ทาน ศีล จริยวัตรของพระจักรพรรดิธรรมราชา
ไม่ได้สลักเกี่ยวกับคำเทศนาของพระพุทธเจ้าหรือพระภิกษุสงฆ์อะไร
ส่วนใหญ่แปลออกมาให้ทุกคนมุ่งพ้นจากลัทธิบูชายัญ วรรณะพราหมณ์ต่างๆ และความงมงายที่ไร้เหตุผล
เสาต่างๆได้แสดงจารึกส่วนใหญ่เกี่ยวกับการเป็นอยู่ ธรรมมาภิบาล และการอยู่ร่วมกันอย่างไม่เบียดเบียน
ไม่มีข้อความใดที่จะไปกล่าวถึงการเทศนาของพระพุทธองค์เจ้าอะไรเลย
และทรงสั่งให้แต่ละเมือง ยกเสาหินสลักขึ้นมาเพื่อแสดงเขตแดนแห่งการปกครอง ซึ่งก็ว่ากันไปตามภาษาของแต่ละถิ่น
เสาอโศกมีมากมายหลายภาษา ยกขึ้นมาเพื่อประกาศแสนยานุภาพของพระเจ้าอโศก
เพราะเหตุแห่งพระเจ้าอโศกท่านยิ่งใหญ่ และเป็นพราหมณ์นับถือพุทธ
พวกนักเขียนเลยรวบเอาพระเจ้าอโศก มาแต่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธศาสนาให้ยิ่งใหญ่ไปซะเลย
ส่วนสถานที่สำคัญในพุทธศาสนา ก็ได้แสดงอาณาเขตสลักปักเสาไว้เพื่อแสดงความเป็นพุทธมามกะ
การที่อ้างเสาหินอโศกว่า เอาธรรมมาจากเสาหลักหินนี่ เป็นโกหกคำโตที่ไม่เข้าไปศึกษาให้ดีก่อนกล่าวอ้าง
ส่วนเหล่าสาวกต่างก็เชื่อกันและพากันอ้างตาม แล้วยกไปข่มไปฟาดผู้อื่นว่านำพุทธวจนะมาจากเสาหิน
นี่..แสดงความโง่พอๆกันด้วยความฉลาดที่ยกขึ้นมาอวด
พระสูตรต่างๆก็เหมือนกัน ยังไม่ได้วินิจฉัยอย่างถูกต้องนักในการแปลภาษา
แต่เจ้าพวกนี้ต่างก็ยกกันมาอ้างและฟาดฟันผู้อื่นกัน
ถ้าไม่ไปดูถูกภูมิผู้อื่นว่าโง่ และนอกศาสนา เพราะไม่ได้อ่านพุทธวจนะ
และโกหกคำโตถึงแหล่งที่มา ทั้งๆที่ลอกเขามาทั้งเพ
เรื่องข้าศึกปรปักษ์ระหว่างพวกบ้าพุทธวจน กับคนทั่วไปที่เขามีความคิด มันก็คงไม่เกิด
ต่างฝ่ายต่างก็วินิจฉัยธรรมของตนที่เห็นต่างกันออกไปด้วยเหตุด้วยผล
ซึ่งที่สุดมันก็ลงสู่ร่องรอยเดียวกันจุดเดียวกัน
แต่เจ้าพวกนี้มันมักจะยัดเยียดคนที่ไม่ลงกับตนว่า
ไอ้พวกนอกศาสนา ไม่เอาคำพระพุทธเจ้า
ทั้งๆที่เขาต่างก็เป็นชาวพุทธเหมือนเช่นมึง..เอ้ยคุณเช่นกัน
พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2560 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง