ข้อสงสัยเกี่ยวกับปาราชิก

ข้อสงสัยเกี่ยวกับปาราชิก

332
0
แบ่งปัน

***** “ข้อสงสัยเกี่ยวกับปาราชิก” *****

คำถาม >> กราบนมัสการพระอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่งครับ

โห….ยังงัันวัดที่จัดพระเข้าปริวาส แล้วโฆษณากันครึกโครม ให้คนไปทำบุญ กับพระที่มาอยู่ปริวาส

แสดงว่าเราไปอุดหนุนพระทุศีล ทั้งนั้นใช่ป่าวครับ พระอาจารย์ เห็นประกาศโฆษณากันเยอะเลย สาธุ!

****พระอาจารย์ตอบ << ไม่ใช่อย่างงั้น…เราเข้าใจไม่ถูกกับความหมายเอง

งานปริวาสนั่นน่ะดี ทำให้พระได้มีโอกาสชำระข้อผิดพลาด

แต่การเข้าใจผิดคิดว่า พระมาชำระกรรมกันมากๆเป็นกุศลใหญ่แก่ผู้ทำบุญ

นี่..เขาเข้าใจผิด

ทุศีลนี่เป็นเรื่องของพระ ไม่ใช่เอาพระทุศีลมาหากินทำบุญหาตังค์เข้าวัด

*****************************

คำถาม >> ผมถามเอาสาระเลยนะคราวนี้..

ถ้าพระเคย ปาราชิก แล้วสึกออกไป ถ้าเกิดวันใดวันนึง มีความคิดที่อยากบวชด้วยใจตั้งมั่น และอยากจะแก้ตัว แบบนี้ทำได้ไหม (มันอยู่ที่ใจ หรืออยู่ที่พระไตรปิฏกครับ)

อ่อ แล้วถ้าบวชพระไม่ได้ แล้วทำไมปาราชิกแล้วบวชเณรได้ ทั้งที่ก็ใช้ผ้าและบวชในพระพุทธศาสนาเหมือนกันเหลืองเหมือนกัน แต่ต่างกันที่ศีล

*** พระอาจารย์ตอบ << ปาราชิกสึกออกไป บวชใหม่มันก็ปาราชิกอีกนั่นแหละ

มันเป็นเรื่องของจิตใจ ไม่ใช่เรื่องของข้อธรรมวินัย

มาบวชใหม่ก็ได้ แต่ใจมันก็พ่ายแพ้เช่นเดิม

ไม่ใช่แพ้แล้วเอาใหม่ๆๆๆ แล้วมันจะหายนี่

บวชแล้วก็หามรรคผลไม่เจอ แต่บวชได้

อาศัยศรัทธาชาวบ้านเลี้ยงชีพได้ไม่เป็นไร

บวชใหม่ได้ทั้งพระทั้งเณรนั่นแหละ แต่ใจมันพวกปาราชิก

ฝึกยังไงก็ไม่เข้าถึงมรรคผล

*****************************

คำถาม >> พระถ้าเคยปาราชิกแล้วสึกออกไป ถึงจะกลับมาปฏิบัติในเพศฆราวาส
ก็ไม่สามารถเป็นพระโสดาบันใด้ในชาตินี้..ตายไปมีอบายเป็นที่อาศัยใช่หรือไม่…สาธุท่าน…

พระอาจารย์ตอบ << ไม่ใช่อย่างนั้น …ปาราชิกนี่คือใจที่พ่ายแพ้

พ่ายแพ้ก็สึกออกไปนี่ไม่เป็นไร

พ่ายแพ้แต่ยังครองเพศพรหมจรรย์อยู่ มันก็ลวงโลกและลวงตนเอง

โกหกมันบดบังความผิดได้ แต่มันบดบังความเป็นจริงไม่ได้

ความผิดในใจ มันเป็นเสียงกระหึ่มที่ยิ่งใหญ่ ที่มันไร้เสียงให้ใครได้ยินนอกจากเจ้าของ

การเข้าถึงอริยเจ้าขั้นต่ำก็อย่าพึงเอ่ยเมื่อสึกออกไปเพราะปาราชิก

ขนาดเป็นพระยังรักษาจิตไม่ได้

สึกออกไป ไร้กรอบคอกกั้น

การเข้าถึงมรรคผลอย่าไปพึงหวัง

แต่เข้าถึงสุคติได้เช่นสวรรค์เป็นต้น หากทำแต่ความดี

*****************************

คำถาม >> ใจพ่ายปาราชิก กับ ใจกับตัว อันเดียวกัน งั้นที่ผม เห็นๆผ่านมา

มีนักบวช ..เยอะเลย ครับ ที่เข้า ปริวาส หลายครั้ง บางท่าน ก็ เก่ง สมาตร อ่านใจคนได้

..นั่งสมาธิ ก็เก่ง เดินจงกรม เก่งก็มี
…ผมสมมุติ ถ้าปาราชิก แล้ว ท่านเหล่า นั้น ทำไม ปฏิบัติ ธรรม ได้ ต่อ อีก ครับ
..ขอยกเท่าที่ พอจะ เห็น ครับ…
..สาธุ…ขออย่าไห้ ติดกรรม ติดเวร..
..เจตนา สงสัย ครับ

พระอาจารย์ตอบ << ปาราชิกคือพ่ายกระแสใจตนเอง

ไม่เกี่ยวกับการเดินจงกรม หรือการรู้ใจคนอะไรเลยนี่

จิตที่ได้ญานต่างๆ เป็นโลกิยะจิตเกิดขึ้นได้เยอะแยะ แม้ปาราชิกก็เกิดได้

ปาราชิกไม่ได้ห้ามฤทธิ์ แต่ปาราชิกมันห้ามมรรคผลที่จะเกิด

ได้ฤทธิ์ได้ญานมาก็ได้มาเพื่อหลอกลวงตนและคนอื่นเพื่อโลกธรรมแปด

*****************************

คำถาม >> ผมเพิ่งก้าวย่างผ่านพรรษาแรกมา

พระอาวุโสกว่าพูดคุยกันด้วยความปลาบปลื้มว่า

คนนั้นเก็บได้10กว่าป่าปริวาสแล้ว คนนี้ได้เท่านั้น

คนนี้ก็ได้เท่านี้ และยังไปเป็นอาจารย์กรรมตามป่าปริวาส
มาแล้วก็หลายป่า

อยากขอโอกาสถามท่านว่า

…ถูกหรือผิดอย่างไร ต่อจริตในการเข้าปริวาส
หาใช่เข้าไปเพื่อปลดอาบัติสังฆาทิเสสดอกหรือ
แค่2-3ครั้ง ผมก็ว่ามากแล้ว หรือผมยังเป็นนวกะ
จึงยังขาดความเข้าใจที่ถูกต้องอยู่
กรุณาชี้แนะด้วยครับ
กราบสาธุธรรมครับ

อนึ่งผมก็มิได้ประมาทว่า ตนจะไม่เคยต้องอาบัติสังฆาทิเสส
ไม่ว่าจะโดยไม่รู้ หรือไม่ตั้งใจ แต่ผมก็ตั้งใจสวดมนต์ทำวัตร
และบิณฑบาตเลี้ยงชีพ ไม่ให้ขาด ยกเว้นวันที่โยมนิมนต์
ไปฉัน หรือจำเป็นต้องเดินทางแต่เช้า
เช่นนี้แล้ว จะเป็นหนทางแก้อาบัติสังฆาทิเสสได้มั้ยครับ

*** พระอาจารย์ตอบ << หากเรามั่นใจว่าเราไม่ได้ต้องอาบัติ 1 ใน 13 ข้อแห่งสังฆาฑิเสส

เราไม่จำเป็นต้องเข้าปริวาส

การไม่แน่ใจหรือสงสัยนี่ ปลงอาบัติได้โดยตรงกับพระผู้ใหญ่

สังฆาฑิเสสนี่ เอาเจตนาเป็นเครื่องชี้

ไม่ใช่ไปอยู่เพราะเหตุแห่งเผื่อว่าต้องสังฆาฑิเสส อย่างที่ใครเขาเข้าใจกันอย่างนั้น

ไม่เช่นนั้น ก็ต้องให้ตำรวจจับเราขังซักสองเดือนด้วย เผื่อเราทำผิดโดยไม่รู้ตัว

พระที่เข้าปริวาสทุกครั้งด้วยความไม่รู้ว่าโดนอาบัติหรือไม่

เป็นภิกษุโง่ๆ ที่ไม่ควรเข้าใกล้

สังฆาฑิเสสนี่เป็นอาบัติหนัก เกิดจากเจตนา

หากแน่ใจว่าต้องสังฆาฑิเสส

ก็ต้องไปประกาศกรรมและอยู่ปริวาส เพื่อชำระดูใจตน

การตั้งใจสวดมนต์ บิณฑบาตเลี้ยงชีพไม่ให้ขาด ไม่ได้เป็นตัวแก้อาบัติสังฆาฑิเสส

*****************************

คำถาม >> กราบนมัสการเจ้าค่ะ พระอาจารย์ 🌷
… สาธุ …

ธรรมที่ท่านเทศน์โปรดในวันนี้
ช่างกระแทกโดนใจอย่างมากเลยเจ้าค่ะ

โยมคิดตามที่ท่านเทศน์ไว้เมื่อวาน
มีหลายสิ่งที่ติดขัดในใจ

แต่วันนี้ ได้แสงธรรมส่องทางจากท่าน
ถึงแม้จะไม่สว่างกระจ่างใจทั้งหมด
(เนื่องด้วยเป็นผู้เบาด้วยปัญญา)

แต่ก็ทำให้โยมคิดได้ว่า
โยมจะไหว้จะกราบ พระที่ปาราชิก

พระที่พ่ายแพ้แก่ใจเจ้าของไม่รู้จบสิ้น
พระที่เข้าปาริวาสทุกๆปี (ในองค์เดียว)
เพื่ออะไรกัน !!!

ขอบคุณพระธรรมที่นำทางให้มาพบ
พระอาจารย์ ธรรมกะ บุญญพลัง
ที่ชี้ทางขุมทรัพย์นี้เจ้าค่ะ
… สาธุ …

*** พระอาจารย์ตอบ << ไหว้ได้ซิยายจันทร์

คิดซะว่า เป็นการไหว้ใจตนเองที่มันสามารถไหว้พระเหี้ยๆได้อย่างภาคภูมิใจ

พระส่วนใหญ่เข้าใจว่าตนเองนั้นถูก บวชแล้วมักทำตัวเป็นใหญ่

เป็นพวกมนุษย์ไฟฉายที่ไม่เคยมองเห็นด้ามตนเองที่คอยแต่สอดส่งเพ่งโทษผู้อื่น

แต่เราก็ทำบุญกราบไหว้ได้ ถือว่าเป็นกำลังใจที่แห่งเรา กราบใจเราที่มีกำลังกราบพระเหี้ยๆได้โดยไม่ต้องเพ่งโทษมัน

************************

<<< คำถาม : บุคคลที่พื้นฐานไม่ใช่ปาราชิกที่ฝั่งรากมา สำนึกได้แล้วจะกลับมาฝึกปฎิบัติใหม่จะเดินรอยตามได้ไหมคับ

>>> พอจ : บางท่านต้องสังฆาฑิเสส

เกิดความละอายใจในความเป็นเพศบรรพชิต สึกออกมาเมื่อชำระกรรมโดยเปิดเจตนาแล้ว

เมื่อถึงจุดหนึ่ง ใคร่เห็นว่า การบวชจะปฏิบัติเข้าถึงมรรคผลได้ง่ายกว่า

เขาทำการบวชเข้ามาด้วยความตั้งใจ

ความตั้งใจเช่นนี้ ยังให้เขาล่วงสู่อริยะบุคคลขั้น ศีล และสมาธิได้

แต่การเข้าถึงปัญญายากมาก

เพราะปัญญา เป็นเครื่องอยู่ที่ต้องอาศัย ศีล สมาธิ ที่บริสุทธิ์

เมื่อมีรอยด่างพร้อย รอยนั่นนั่นแหละ จะเป็นตัวกวนจิตแห่งเจ้าของที่หาทางแก้ไม่ออก

และมันเป็นธรรมชาติของจิตที่เป็นเช่นนั้น

เพราะคำว่าเรา มันไม่ใช่เจ้าของจิต ที่จะไปบังคับนู่น นั่น นี่ ให้ได้ดั่งใจ อย่างที่เราเข้าใจด้วยความเป็นเจ้าของ

————————————-

คำถาม >> กราบนมัสการครับ ขอโอกาสครับ พ่อ แม่ ครูอาจารย์ สิ่งที่ พระอาจารย์ว่ามานั้น คือ ใจปาราชิก

อย่างนั้น พระพวกนี้ ก้อเรียกว่า อลัสชี ได้ไหมครับ พวกหน้าด้านอะครับ แล้วถ้าพระที่เป็นแบบที่พระอาจารย์ว่า เขาสำนึกได้ และ กลับตัว กลับใจใหม่ จะพ้นมลทินไหมครับ

ในฐานะที่ผมได้ประสบเหตุมาเยอะ เห็นความเปลี่ยนแปลงไปมาก กับ พระศาสนา ซึ่งผมอยากจะจัดการเองเสียเลย แต่ทำไม่ได้ จึงได้แต่ ชั่งแม่งมัน ชั่งเขา ชั่งหัวมัน

พูดแล้วน้ำตาจะไหล สาธุ

**** พระอาจารย์ตอบ << ไม่พ้นมลทินครับ ใจพ่ายแพ้ มันก็กอบกู้ยาก เหมือนเจดีย์ทรายที่โดนคลื่นสาดพังทลาย

ความตั้งใจมันย่อมหวั่นไหวต่อคลื่น

ไม่เหมือนการก่อเจดีย์ทรายครั้งแรก

เปลี่ยนแปลงใจเราเองว่าอย่าไปเสือกเรื่องของใครเขาจะดีกว่า

เขาย่อมมีผลอันเป็นวิบากของเขา เราทำหน้าที่เราให้ดีที่สุด

*******************************************

คำถาม >> #หากมัวแต่โลกสวยพระสัจธรรมจะอวสาน. ขึ้นชื่อสัจธรรมย่อมหมายถึงสิ่งที่เป็นความจริง

ที่ต่อให้เป็นสิ่งที่ใครๆพยายามจะปฏิเสธขนาดไหน ถึงอย่างไรมันก็ยังคงเป็นความจริงอยู่เสมอ.

พระอาจารย์พูดได้ชัดเจน ถูกต้องและตรงประเด็นเป็นอย่างยิ่งครับ การพูดธรรมมะ จะพูดภาษาอะไรก็ตามย่อมมีจุดประสงค์เดียวกัน

คือต้องพูดเพื่อให้คนฟังได้ตรองตามเข้าใจและได้ปัญญาด้วย จึงจะดีอย่างยิ่ง.

หากมัวแต่ห่วงจะพูดประโยคสวยๆ พินอบพิเทาเอาใจลูกค้าผู้ฟัง ซึ่งแม้แต่การฟังธรรมมะยังระคนไปด้วยตัณหาในเสียงในเนื้อความอันวิจิตร

อย่างนี้ก็แทบจะไม่ได้ประโยชน์อะไรนอกไปจากได้ฟังเสียง รึอ่านเนื้อความไปตามใจอารมณ์อยากเพียงเท่านั้นเองครับ. สาธุๆ ครับผม.

**** พระอาจารย์ตอบ << ถ้าบวชมาไม่แสวงหาลาภ ศรัทธา ยศ สุข มากมายนัก

ทุกคนก็พูดได้อย่างชัดเจน ไม่ต้องเกรงใจใครได้ทุกคนครับ

*******************************************

คำถาม << ถ้าเรายังคิดดีแต่ยังเปรียบกับผู้อื่นเราก็อาจไม่ต่างอะไรกับผู้อื่น

พระอาจารย์ตอบ << เปรียบได้เพื่อหาเหตุปัจจัยของความชั่วดี

แต่อย่าไปคิดว่าดีกว่าเขา

*******************************************

คำถาม >> อาบัตินั้นมีข้อยุติ ปาราชิกนั้นคือผู้ที่กระทำผิดวินัยสงฆ์อย่างร้ายแรง แต่ก็อยู่ที่เหตุและปัจจัยมากกว่านะครับ

เมื่อถูกสึกจากความเป็นภิกษุแล้ว ระลึกได้ถึงความผิดที่ทำลงไปโดยรู้เท่าถึงการณ์หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือถูกกลั่นแกล้ง

เมื่อพ้นจากภิกษุแล้ว แต่ใจยังมุ่งอยู่ในศีล ๕ เมื่อเป็นฆราวาสแล้วย่อมยังความบรรลุธรรมได้ ด้วยการตั้งใจมุ่งปฏิบัติโดยไม่ทิ้งธรรม

จงดูอย่างถนน ยังมีจุดกลับรถเลย
และคนที่ผิดในขณะที่บวชเป็นพระภิกษุ และถูกสึกจากความเป็นภิกษุ จะกลับตัวกลับใจในสิ่งที่กระทำลงไป โดยตั้งใจ หรือไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้หรือ ครับ

( ถ้าไม่ถูก ขอความกระจ่างให้กับผมด้วยนะครับ )
จะได้เป็นความรู้ต่อไปครับ

**** พระอาจารย์ตอบ << ปาราชิกนี่เป็นเรื่องความพ่ายแพ้เมื่อโดนกระแสตัณหาครอบงำ

ทำให้กระทำลงไปโดยเจตนา

ความพ่ายแพ้นี่แหละ ทำให้ได้ชื่อว่าปาราชิก

ในกฏของภิกษุคือ ฆ่า สมสู่ โกหก ขโมย มี 4 อย่างนี้

หากเป็นเพศบรรพชิต เกิดอาบัติต้องปาราชิก

แม้สึกออกมาก็เข้าไม่ถึงธรรมแห่งความเป็นอริยะ

เพราะตัณหามันบดบังตัวปัญญาอยู่

ขนาดอยู่ในเพศบรรพชิตมีกรอบล้อม ใจยังแหกกรอบได้

การอยู่ในเพศฆราวาสยิ่งแล้วใหญ่ มันไม่มีอะไรมารองรับเมื่อถึงทิฏฐิ

แต่หากประพฤติดี ตั้งใจดี ได้เท่าที่อารมณ์จะทานได้

ชีวิตก็ก้าวเข้าสู่สุคติได้เช่นกัน อันมีสวรรค์เป็นที่ไป

*******************************************

คำถาม >> สาธุขอกราบนอบน้อมพระอาจารย์ด้วยความบริสุทธิ์ ท่านเป็นพระแห่งประชาธิปไตยจริงๆเปิดโอกาสให้ญาติโยมวีโต้ได้.ให้เถียงได้นะ.ไม่ใช่ข้าถุกคนเดียว..เถียงมาพระอาจารย์ก็สอนเถียงกลับด้วยพระธรรมที่แท้จริงๆ.คนมันก็ตาสว่างแจ้งเอง..

พระอาจารย์ตอบ << ทุกคนย่อมมีปัญญาที่จะคิดตาม ไม่ใช่ยัดเยียดแต่ความงมงายอันหลากหลาย ที่ผู้คนลูบคลำธรรมอะไรไม่ได้

ผิดถูกก็ว่ากันไปตามภูมิวิสัย ทุกคนมีสิทธิเสรีในการออกความเห็นแห่งตน

พุทธะคือปัญญา ใช่ความหมายแห่งความงมงายคล้อยตามที่ต้องฟังกันแต่ส่วนเดียวห้ามโต้แย้ง

*******************************************
คำถาม >> กราบสาธุธรรม บทความนี้ค่ะ เข้าใจคำว่า ปริวาสมากขึ้นค่ะ แล้วการปริวาส จำเป็นต้อง เดินเข้าป่า เข้าดง ถ่ายรูป เพื่อแสดงเหตุ ในการปริวาส แล้วบอกขอปัจจัยญาติโยม อันนี้ ผิดรึไหมคะ

พระอาจารย์ตอบ << สงสัยจะไม่ใช่ปริวาสกรรมแล้ว

*******************************************

คำถาม >> ผมว่าที่เขาจัดงานปาริวาสขึ้นแล้วประกาศกันโครมๆ มันไม่ควรน่ะครับ ต้องทำลับในการสงฆ์รู้เท่านั้น

ผมเคยได้ยินอจ. ท่านหนึ่งเข้าใจว่าตัวผิดข้อสังฆาฑิเสส (แต่ไม่ผิดพระผู้ใหญ่หลายท่าน เรื่องนอนฝันแล้วน้ำเคลื่อน) แต่มันติดใจ เลยมาขออยู่กรรม เพื่อทำให้คลายใจ ก็รู้เฉพาะสงฆ์

ประกาศต่อโยมแบบนี้มิผิดหรือครับ

**** พระอาจารย์ตอบ << เขาไม่ได้ประกาศต่อโยมนี่ โยมไม่เกี่ยว เขาประกาศต่อสงฆ์เพื่อแสดงเจตนานู่น

อสุจิเคลื่อนยามหลับ ไม่ได้ต้องอาบัติสังฆาฑิเสสอะไร

*******************************************

คำถาม >> ถาม แล้วบุคคลเหล่านี้จะมีโอกาสที่จะเข้าถึงธรรมได้หรือเปล่าคับ พระอาจารย์

***** พระอาจารย์ตอบ << เข้าไม่ถึงครับ เพราะใจที่มันพ่ายแพ้เป็นเหตุ

*******************************************

คำถาม >> บุคคลที่พื้นฐานไม่ใช่ปาราชิกที่ฝั่งรากมา สำนึกได้แล้วจะกลับมาฝึกปฎิบัติใหม่จะเดินรอยตามได้ไหมคับ

พระอาจารย์ตอบ << ได้ครับ บางท่านต้องสังฆาฑิเสส

เกิดความละอายใจในความเป็นเพศบรรพชิต สึกออกมาเมื่อชำระกรรมโดยเปิดเจตนาแล้ว

เมื่อถึงจุดหนึ่ง ใคร่เห็นว่า การบวชจะปฏิบัติเข้าถึงมรรคผลได้ง่ายกว่า

เขาทำการบวชเข้ามาด้วยความตั้งใจ

ความตั้งใจเช่นนี้ ยังให้เขาล่วงสู่อริยบุคคลขั้น ศีล และสมาธิได้

แต่การเข้าถึงปัญญายากมาก

เพราะปัญญา เป็นเครื่องอยู่ที่ต้องอาศัย ศีล สมาธิ ที่บริสุทธิ์

เมื่อมีรอยด่างพร้อย

รอยนั่นนั่นแหละ จะเป็นตัวกวนจิตแห่งเจ้าของที่หาทางแก้ไม่ออก

และมันเป็นธรรมชาติของจิตที่เป็นเช่นนั้น

เพราะคำว่าเรา มันไม่ใช่เจ้าของจิต ที่จะไปบังคับนู่น นั่น นี่ ให้ได้ดังใจ อย่างที่เราเข้าใจ ด้วยความเป็นเจ้าของ

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 30 มกราคม 2560 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง