สู้ด้วยชีวิต กับสู้ด้วยความอยาก กำลังใจแตกต่างกัน

สู้ด้วยชีวิต กับสู้ด้วยความอยาก กำลังใจแตกต่างกัน

369
0
แบ่งปัน

***** “สู้ด้วยชีวิต กับสู้ด้วยความอยาก กำลังใจแตกต่างกัน” *****

เล่านิทานยามเที่ยงให้ฟังเอาไหม

โดยธรรมดา เรามักมีความทะยานอยากกันในเรื่องที่เราสนใจ

แต่กำลังในความทะยานอยากนี่ มันมีไม่เท่ากัน

เมื่อสายๆ เหล่าพระนั่งทานข้าวกัน

และได้ตั้งคำถามขึ้นมาว่า เรารึใครเป็นผู้หายใจ

ถ้าเราหายใจ หนังเรา ตีนเรา มือเราก็หายใจด้วย

ตีนเรา มือเรา มันก็เป็นส่วนหนึ่งของเรา

หรือว่าจมูกเรามันหายใจ…

เห็นขวดน้ำนั่นไหม..

เอามันมาจุ่มจมลงไปในน้ำ

จะเห็นว่า มันมีอากาศออกมาเป็นฟองปุ๋มๆๆ

ขวดมันหายใจรึเปล่า หรือเป็นแค่ธรรมธรรมชาติธรรมดาของมัน

งั้นเราก็ไม่ได้หายใจ แต่ที่ดูว่าหายใจ มันก็เป็นธรรมชาติธรรมดาอย่างหนึ่งเหมือนกัน

เป็นเพียงแต่ว่า มันมีเราเข้าไปเป็นเจ้าของ และมีวิญญานครองก็เท่านั้น

ย้อนไปถึงต้นมะละกอที่มันส่ายไหว

อะไรทำให้มันไหว ไหวนี้เกิดจากอะไร

เหล่าพระท่านก็หาคำตอบกัน

ถ้าคนทั่วไปก็จะบอกว่า เราหายใจ หรือลมมันทำให้ต้นมะละกอมันไหว

แล้วอธิบายข้อความแห่งการไหวลึกลงไปอีกโดยปริยาย

การหายใจก็เช่นกัน

ใครหายใจ เราหรือใคร ที่กำลังหายใจ

แต่สรุปก็คือ สรรพสิ่งต่างอาศัยเหตุปัจจัยเกิด

ไม่ใช่เกิดด้วยลม ด้วยต้นมะละกอ ด้วยเราหายใจ หรือใครหายใจ

มันเกิดสิ่งเหล่านี้ได้ด้วยเหตุปัจจัย

และเหตุปัจจัยนี้ มันมีองค์ประกอบมากมาย ที่จะทำให้เกิดผลอันหลากหลาย

การเข้าไปสู่ส่วนหนึ่งส่วนใดด้วยอัตตาแห่งเราในเหตุปัจจัย

ธรรมทั้งหลายย่อมบิดเบือนไปจากความจริงที่ปรากฏแก่เรา

นี่เพราะเรามันเข้าไปเป็นเจ้าของในธรรมทั้งหลาย

ในป่าทุ่งใหญ่แห่งหนึ่ง สิงโตจ้าวป่านอนอย่างสบาย

สิงโตเห็นเสือเดินมา ตนจึงเข้าไปกัดและผลักไส

สิงโตกับเสือจึงเกิดการต่อสู้กัน

ผลปรากฏ เสือเอาชนะสิงโต

ที่เสือเอาชนะสิงโต เพราะเสือมันรักษาชีวิตของมันจากสิงโต

มันปกป้องชีวิตด้วยกำลังของมันที่ต้องรักษาชีวิต

แต่สิงโต เป็นแค่ผู้ต้องการปกป้องอาณาเขต

นี่..กำลังแห่งเงื่อนไขสัญญามันจึงแตกต่างกัน

ก่อนจะสิ้นเรี่ยวแรง สิงโตบอกเสือว่า

นี่ถ้าแกไม่เข้ามาเพื่อเป็นใหญ่ในเขตอาณาจักรแห่งนี้

เราก็คงไม่ต้องมาทะเลาะกันจนบาดเจ็บและตายจากกันไปเช่นนี้

ส่วนเสือตอบว่า..

ข้าแค่มาหาอาหาร ไม่ได้เข้ามาเพื่อครอบครองอาณาเขต

การหาอาหารในเขตที่เจ้าครอบครอง

มันทำให้ข้าต้องปกป้องตนเองให้พ้นภัยจากความดุร้ายของเจ้า

เสือเดินจากไป เพราะมันแค่ปกป้องชีวิตของมัน

สิงโตตายจากไป เพราะแค่ต้องการปกป้องอาณาเขตของมัน

นี่..กำลังใจในสิ่งที่ปกป้อง มันจึงแตกต่างกัน

ที่สำคัญ ต่างฝ่ายต่างเอาทิฏฐิตนเข้าปกป้องในสิ่งที่ไม่ตรงตามความเป็นจริง

เอาอัตตาตนเข้าปกป้อง เพราะไม่รู้อะไรเป็นเหตุ

กระต่ายหนีเสือที่วิ่งไล่กวดสุดชีวิต

กระต่ายมันปกป้องชีวิตตน

ถ้ามันโดนเสือกิน

มันก็โดนกินเพราะสุดกำลังแห่งชีวิตที่จะปกป้อง

ส่วนเจ้าเสือผู้ไล่กระต่ายเพื่อเอามากิน

เจ้าเสือมันแค่ปกป้องความหิวที่มารังควานมันเท่านั้น

มันไล่กระต่ายเพื่อปกป้องความหิวกระหาย

กับกระต่ายหนีเพื่อปกป้องชีวิต

นี่..ผลของความทะยานอยากย่อมมีกำลังใจไม่เหมือนกัน

เสือไล่สุดชีวิต เกิดความเหนื่อย มันก็หยุด มันแพ้ความเหนื่อย

กระต่ายหนีสุดชีวิต มันแพ้ต่อความเหนื่อยไม่ได้ ความเหนื่อยที่พ่ายแพ้ มันหมายถึงชีวิตที่ต้องสูญเสียไปด้วย

เสือพ่ายแพ้ต่อกระต่ายที่หนีสุดชีวิต เพราะต้องการปกป้องความหิว

สิงโตพ่ายแพ้ต่อเสือที่สู้สุดชีวิต เพราะต้องการปกป้องอาณาเขต

กระต่ายมันหนี เพราะมีชีวิตเป็นเดิมพัน

เสือมันสู้เพราะมีชีวิตเป็นเดิมพัน

ทั้งคู่ ชนะศัตรูได้เพราะเอาชีวิตเป็นเดิมพัน

เรา…มีอะไรที่จะเดิมพันกับชีวิต

หรือมีแค่ปกป้องอาณาเขต และปกป้องแค่ความหิว ที่เป็นกิเลสไม่รู้จักจบ..!!

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 23 มกราคม 2560 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง