ว่าถึงเรื่องภิกษุเฮงซวยซะนี่

ว่าถึงเรื่องภิกษุเฮงซวยซะนี่

329
0
แบ่งปัน

****** “ว่าถึงเรื่องภิกษุเฮงซวยซะนี่” *******

ยามเช้าอากาศเย็นๆ ออกจากสมาธิแล้วมองดูเรื่องราวแต่ก่อนเก่าที่ผ่านมา

ในวัยห้าสิบกว่าๆนี่ ถือว่าเป็นวัยเข้าสู่ความชราภาพแล้ว

คนวัยนี้น่าจะหยุดคิดและทบทวนเรื่องราวแห่งชีวิตได้แล้ว

เวลามันเหลือไม่มากพอที่จะไขว่คว้าอะไร เพื่อการเริ่มต้นใหม่อย่างเช่นความรัก

ข้านี่เคยเห็นเพื่อนพระหลายรูป ต้องสึกไปเพราะพวกโดนนมมันขวิดเข้าให้

น่าเสียดาย บางท่านเคร่งจัด ไม่มีวี่แววว่าจะสึก ก็ต้องสึกห่างหายออกไป

สึกออกไปอยู่ไม่นานก็อยากกลับมาบวชต่อ เบื่อล่อแล้วว่างั้น ประเภทเบื่อเช้าเย็นอยาก ชีวิตมันอยากๆเบื่อๆ

คนบวชนี่ ไม่รู้เป็นไง ปฏิบัติดีเข้าหน่อย พูดจามีหลักมีเกณฑ์เป็นธรรม ชาวบ้านเขาชอบ

สมัยก่อนพวกสวดปาฏิโมกข์เก่งๆ สวดได้ไม่กี่ยก ก็โดนสอยออกไปเป็นผัวชาวบ้านหมด

ที่วัดถ้ำผาพิรุณเลยไปจากที่ข้าอยู่นี่ เขาเป็นสถานที่ฝึกซ้อมสวดปาฏิโมกข์

มีหลายท่านผ่านมาพักแล้วบอกว่า ที่มาฝึกสวดนี่ จะฝึกเพื่อไปสวดหาตังค์ ครั้งหนึ่งได้สองสามพันบาท

วันนึงวิ่งรอกได้สามสี่เที่ยว ก็หลายตังค์อยู่ แถบที่เขาอยู่ไม่มีใครสวดได้

คนสวดได้โดนสอยออกไปเป็นผัวชาวบ้านหมด ดีไม่ดีเขาอาจได้เมียสวยเพราะสวดปาฏิโมกข์นี่แหละ

พูดถึงปาฏิโมกข์ เราแปลงความหมายซะจนบิดเบือนความจริงกันไปซะหมด

ข้านี่เห็นด้วยกับการสวดนะไม่ใช่ไม่เห็นด้วย อย่างน้อยก็เป็นการประชุมสงฆ์ให้เกิดความสมัครสมานกัน

ได้ลงโบสถ์ร่วมกัน ได้ใถ่ถามทุกข์สุกดิบกัน การร่วมสวดมนต์เสียงกระหึ่มในโบสถ์ ทำให้ข้าอิ่มใจและขนลุกตลอดเวลา

แต่ข้าน่ะฟังไม่รู้เรื่องหรอก คนสวดท่องเร็วยังกะไอพ่นเจ๊ต คนตรวจก็เปิดหนังสือตรวจไป

กระแอมซักที ไอ้คนท่องหยุดกึ๊กลืมหมด ต้องหาทางขึ้นใหม่ให้เจอ ข้าเคยเห็นหยุดแล้วไปไม่เป็นนี่หลายครั้ง

ลำพังบาลีนี่ เราก็แปลไม่ค่อยรู้เรื่องอยู่แล้ว ยิ่งมารัวเป็นดอกตอกโดนไฟยังกะใส่ด้วยปืนกล พุทธเรากำลังทำอะไรกันหนอ

ท่องช้าเกินครึ่งชั่วโมงนี่ โดนด่านะ และเหล่าหมู่สงฆ์ไม่เรียกใช้บริการ

ถ้ารัวเร็วเป็นตำนานนี่ งานบาน มีผู้ใช้บริการเยอะ มีตังค์ๆสาวๆชอบ

ศาสนพิธิต่างๆนี่ มันเป็นเปลือก แต่เปลือกนี้มันก็ห่อหุ้มเนื้อเยื่ออยู่นะ

การเข้าร่วมปาฏิโมกข์นี่ เป็นการเข้าชำระข้อศีลในธรรมวินัยทั้ง 227 ข้อ

แต่ทั้ง 227 ข้อนี่ ไม่มีใครฟังรู้เรื่องหรอก ข้านี่เจอเข้าไปแรกๆนั่งงงชิบหาย

นึกสงสัยว่า ทำเช่นนี้แล้วมันเกิดประโยชน์อะไรอันใด

ถามพระผู้ใหญ่ ท่านบอกว่า เป็นการชำระศีลให้ตัวเราบริสุทธิ์ด้วยการฟังปาฏิโมกข์

แต่กุนี่ฟังไม่ออกไม่รู้เรื่องเลยว่ะ บวชมานี่กุคงโง่ไปตลอดยันตายแน่ ถ้ารัวกันเป็นปืนกลอย่างนี้

ข้าก็ต้องไปศึกษาเอง การนั่งฟังการเข้าร่วมถามทุกข์สุกดิบนี่มันเป็นเปลือก เป็นประเพณี ในวันพระกึ่งเดือน 15 ค่ำ

สมัยโบราณนี่ การฟังปาฏิโมกคือเหล่าสงฆ์มารวมกันเข้าเฝ้าและประชุมกันในคืนเดือนเพ็ญ

พระพุทธองค์ก็ทรงสาธยายและเปิดโอกาศได้ซักถามข้อธรรมต่างๆที่ปฏิบัติแล้วติดขัด

ทรงอุปมาอุปไมยให้เหล่าสงฆ์เห็นชัดถึงญานวิถีต่างๆ ในเส้นทางแห่งความจริงที่ดำเนินออกไปจากความพ้นทุกข์

สิ่งที่ทรงกำชับในคืนแห่งปาฏิโมกข์คือหลักปฏิบัติสามข้อที่เหล่าสงฆ์พึงตระหนัก

นั่นก็คือ ทำแต่ความดี ไม่ทำชั่ว และเจริญความดีทั้งหลายให้ยิ่งๆขึ้นไป

นี่เป็นข้อปาฏิโมกข์ศีลแห่งชาวพุทธ ที่พระพุทธองค์ทรงประทานในคืนเดือนเพ็ญทุกๆครั้ง ที่เหล่าสงฆ์มาร่วมประชุมกัน

แต่เดี๋ยวนี้ เราเอาการปาฏิโมกข์มาเป็นการสวดท่องบ่นข้อศีลในธรรมวินัยทั้ง 227 ข้อ

ท่องเสร็จต่างคนก็ต่างกลับวัดกลับกุฏิไป ไม่ได้มีผู้ทรงคุณทางธรรมนั่งอบรมหรือเปิดโอกาศได้ซักถาม

พระผู้ใหญ่หรือครูบาอาจารยทางพุทธเรานี่ ส่วนใหญ่เป็นพระเฮงซวย ใครตำหนิติเตียนตนไม่ได้

ทั้งๆที่ซื้อหาลาภยศตำแหน่งมาสวม ทำนองจ่ายตังค์เพื่อความเป้นท่านขุน

อัตตาในความเป็นเทวดามันจึงล้นทะลัก เป็นผู้ใหญ่ที่ทำอะไรก็ถูกแม่งหมด ทุกคนต้องเชื่อฟัง

ยิ่งมีตำแหน่งนี่ยิ่งแตะไม่ได้ มันจะขบกัดเอา ตอนเป็นพระผู้น้อยนี่ไม่เท่าใหร่ เป็นพระผู้ใหญ่ขึ้นมาแล้วตัวใหญ่คับฟ้า

พระพวกนี้ไม่ค่อยได้เจริญธรรมอะไรหรอก วันๆวุ่นแต่เรื่องยศเรื่องลาภสรรเสริญออกงาน

บวชนานบิณฑบาตรไม่ค่อยเป็น อยู่แบบคนแก่ผู้สูงศักดิ์ ดุจเทวดาที่ทุกคนต้องนอบน้อม

ข้าว่าบวชมาหลอกศรัทธาคน และผู้คนมันก็หลอกง่ายกันซะด้วย

เป็นครูบาอาจารย์คนจริงนี่ มันต้องแตะต้องได้ ต้องกล้าให้เขาได้ลองคม

ไม่มีใครมันถูกไปซะหมดหรอก ควรเปิดโอกาศให้ผุ้น้อยเขาได้ทักท้วงใต่ถามในสิ่งที่ตนกระทำ

ระยำแล้วไม่รู้ตัวนี่เยอะ ต้องพร้อมที่จะตอบการกระทำออกมา ไม่ใช่ไอ้ห่า เอะอะอะไรก็กูถูกๆๆๆ ต้องเชื่อกู

พระพุทธองค์ทรงออกมาจากความเป็นพระราชามาสู่ความเป็นยาจก และอยู่อย่างยาจกไปตลอดอัตภาพที่ได้บวชเข้ามา

แต่ภิกษุรุ่นหลังในกาลต่อๆมา ดันทำตัวออกจากยาจกมาเป็นพระราชา ต้นตำหรับคือทางฝั่งอินเดีย เขาก็ยังด่าสิ่งเหล่านี้ให้ข้าฟัง

เขาว่าพระเมืองไทยส่วนใหญรวยชิบหาย มากราบสักการะสถานที่บรรพบุรุษเขา ทำตัวยังกะพระราชา

ยิ่งช่วงหนาว ใส่หมวกไหมพรม ซ่อนเสื้อ ถุงมือถุงเท้าอย่างหนา แถมถุงเกง

ฤษีข้างกำแพงผอมๆแห้งๆของเขายังน่าเคารพซะมากกว่า ในการมีตบะใจกล้าฝ่าสู้อย่างไม่กลัวเกรง

พวกเขาบอกว่า บรรพบุรุษเขาไม่เป็นอย่างนี้หรอก เขารักพระพุทธเจ้าอันเป็นบรรพบุรุษของเขา แม้เขาจะไม่ใด้นับถือพุทธอย่างพระเหล่านี้

แต่ก็เห็นชัดว่าพระเหล่านี้ ส่วนใหญ่แอบอ้างและทำลายความเป็นพุทธและบรรพบุรุษของเขา เขาเอาแต่ตังค์เขาไม่นับถือหรอก

พุทธแทบสูญสิ้นไปจากแผ่นดินเขา ก็เพราะพวกพระมัวเมาเอาแต่กิเลสตัณหา

มีแต่พวกพระที่หวังร่ำรวย เป็นพวกพระหัวฆวยที่ไม่อยากเข้าร่วมศรัทธา

มีแต่พระที่อยากเป็นพระราชา บวชมาเป็นขี้ข้านี่ไม่ค่อยมี แผ่นดินเขาจึงไม่ค่อยมีพระดีๆหลงเหลืออยู่ซักเท่าใหร่

พระดีส่วนใหญ่ใหลออกไปเป็นผัวชาวบ้านหมด ที่นี่ขาดแคลนพระดี พระดีๆอยู่ที่มืองไทยโน่น

วันนี้อากาศเย็นๆ คุยเรื่อยเปื่อย ยิ่งเล่ายิ่งกล่าวข้ามีแววโดนพระผู้ใหญ่เขากระทืบ เอาเป็นว่าพอแค่นี้ละกัน

บวชเพื่อทำคุณให้แก่ศาสนา ดีกว่าบวชมาเป็นเห็บพุทธเกาะหนังหมาดูดเลือดศรัทธาเลี้ยงชีพ

เอ๊า..ยังพูดอีกเดี๋ยวโดนถีบปากแน่กุนี่….!!

พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง วันที่ 29 ธันวาคม 2559