วิญญานที่โดนกักขังด้วยความไม่รู้ ท่อน 2

วิญญานที่โดนกักขังด้วยความไม่รู้ ท่อน 2

427
0
แบ่งปัน

***** “วิญญานที่โดนกักขังด้วยความไม่รู้ ท่อน 2” *****

มาว่ากันถึงเรื่องราวของจิตวิญญานที่เราคาดไม่ถึงต่อ..

ความรัก ความห่วงหาอาทร ทำให้มนุษย์เรานี่ยึดในสิ่งที่สูญสลายไปแล้ว

เราไม่รู้โดยชัดแจ้งว่า นอกจากสสารแล้ว มันยังมีพลังงานที่ยังไม่สูญสลายเมื่อยังไม่ถึงเวลาของมัน

มนุษย์นั้น เกิดกำเนิดมามีร่าง กระดุกกระดิกเคลื่อนไหวได้ด้วยพลังงานที่เราเรียกว่าวิญญาน

วิญญานนี่ อาศัยการเกิดกำเนิดจากจิตปรุงแต่งสะสมกันมา จิตปรุงแต่งทั้งหลายที่มันสะสมกันมา อาศัยอวิชาที่เกิดจากผัสสะ

วิญญานนี้ เป็นเหตุให้เกิดนามรูป ที่เป็น เรา เขา อะไรนี่แหละ

มันอาศัยการเกิดนาม- รูป ด้วยวิบากแห่งกรรมที่เป็นการกระทำมาแต่อดีต ในแต่ละรอบของวัฏฏะ

รอบแล้วรอบเล่าที่เหล่าวิญญานเกิดดับ มันอาศัยธรรมชาติแห่งกรรม ที่เรียกว่าอิธทัปปัจจยตา

หมายความว่า เพราะเหตุแห่งสิ่งหนึ่งมี อีกสิ่งหนึ่งก็เลยมี..

ความมีนี่ อาศัยผัสสะแล้วเกิดการปรุงแต่งสะสมเสมอ ด้วยความไม่รู้

ไม่รู้นี่..เป็นคำความหมายเรียกชื่อผลอาการแห่งผัสสะ

เพราะความไม่รู้นี่แหละ การปรุงแต่งเพื่อที่จะให้รู้ มันก็เลยเกิด

การเกิดรู้นี่ มันเป็นวิญญาน มันรู้ด้วยการปรุงแต่งสัญญา

เพราะสัญญามี เจตนาก็เลยมี เจตนามี รู้ในสัญญาก็เลยมี รู้ในสัญญามี เวทนาอันเป็นผลก็เลยมี

เวทนามี ความทยานอยากไปสู่สิ่งหนึ่งก็เลยมี เรียกว่ากามตัณหา ในกามตัณหาก็ยังแยกย่อยไปอีกเยอะแยะ

นี่..วิญญานก็คือ อวิชาตัวหนึ่งที่แปลงกายต่อๆกันมาเป็นตัวรู้ ที่มันไม่รู้ว่า มันรู้อะไรในสิ่งที่มันแสวงหา

การขับเคลื่อนสืบๆมาเช่นนี้ ท่านเรียกว่า อิธทัปปัจจยตา เมื่อเวียนไปจนครบรอบ ท่านให้ชื่อว่า ปฏิจจสมุปบาท

ปฏิจจสมุปบาทเป็นอาการของอวิชา ที่วนรอบด้วยกฏแห่งอิธทัปปัจจยตาเป็นวัฏฏะ

เหล่าพลังงาน อันเรียกว่าวิญญานในที่นี้ หาหนทางออกจากรอบวน อันเรียกว่าวัฏฏะออกมาไม่ได้เลย

ที่ออกมาไม่ได้ สืบเนื่องด้วยอาการหลงในวัฏฏะนี่เป็นเหตุ

เราไม่รู้ว่า นี่ อวิชา

ไม่รู้ว่า นี่ วัฏฏะ

ไม่รู้ว่า นี่ ปฏิจจสุปบาท

ไม่รู้ว่า นี่ อิธทัปปัจจยตา

ไม่รู้ว่า นี่ อริยสัจ

ไม่รู้ว่า ไม่รู้ว่า ไม่รู้ว่า เป็นหางว่าวทางรถไฟยาวเหยียดขยายไปไม่รู้จบโน่นเลย

นี่..วิญญานมันวนเวียนเกิดดับอยู่เช่นนี้ ไม่รู้จบรู้สิ้นด้วยเหตุแห่งการปรุงแต่งแห่งอวิชา ที่มาจากผัสสะ

พวกเรานี่ มันเป็นวิญญานที่มีรูปนาม ปรุงเสร็จเรียบร้อยแล้ว

เรียกว่า วิถีวิญญาน

วิถีวิญญานนี่ มันอาศัยผัสสะ จาก ประสาทกล้ามเนื้อเส้นเอ็น อันเกิดจากรูป นำมาปรุงแต่ง

มันอาศัยช่องทางแห่งผัสสะที่เรียกว่า อายตนะ คือ ตา หู ลิ้น จมูก กายและใจ ที่เกิดจาก รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส และอารมณ์มาปรุง

การปรุงนี่ เรียกว่ากรรม กรรมนี่อาศัยตัณหาที่ผุดขึ้นมาไม่รู้จบ จากใจดวงนี้

ตัณหานี่ อาศัยอวิชา อวิชานี่ อาศัยรูป รูปนี่ อาศัยผัสสะ ผัสสะก็อาศัยกรรม

นี่..มันวนกันไปในแนวทางอย่างนี้ ในช่องแห่งวิญญานที่อาศัย นามรูปนี้อยู่ เรียกว่า เป็นพวกวิถีวิญญาน

วิถีวิญญานนี่ มันเป็นเหตุให้เกิด ภวังค์วิญญาน

ภวังค์วิญญานก็คือ สัญญาปรุงแต่งที่อาศัยเหตุแห่งผัสสะในวิถีวิญญานนี่แหละ มาปรุงแต่งเป็นบันทึกสัญญา

สัญญานี้มันปรุงแต่งโดยภวังค์จิตวิญญาน

มันปรุงแต่งของมันได้โดยไม่เกิดกำเนิดกรรม ที่เราเรียกว่าการกระทำ

การกระทำในสัญญาจิตแห่งภวังค์ มันไม่ทำให้เกิดวิบาก

วิบากคือผลแห่งการกระทำที่เราเรียกว่ากรรม

เราล่วงรู้การปรุงแต่งแห่งภวังค์จิตได้ในอาการที่เรียกว่าฝัน หรือเข้าสมาธิให้ตกภวังค์ และมีสติตั้งมั่นระลึกรู้เห็น ในอาการที่มันปรุง

การปรุงทั้งหลายนี่ มันไม่มีจริง มันปรุงขยายออกไปด้วยเหตุปัจจัยที่เราเรียกกันว่า สมมุติ

และสมมุตินี้นี้แหละ เป็นตัวอวิชาร้อยรัดจิตวิญญาน ไม่ให้หลุดพ้นออกไปจากวัฏฏะที่แสนเวียนวนเกิดดับ

วิญญาน มันอาศัยสมมุติที่ปรุงแต่งเป็นตัณหาผุดขึ้นมาไม่รู้จบเป็นเสบียงในการเดินทาง เวียนวนไปในหนทาง ที่เรียกกันว่าวัฏฏะ นี่เรียกว่า วิบากอันเกิดจากกรรม

กรรมอันเป็นวิบากนี้ อาศัยกระบวนการในวิถีวิญญาน เกิดกรรมคือการกระทำขึ้นมาตามเหตุปัจจัยร้อยเรียงกันไป ทำให้เกิดผลที่เรียกว่า วิบาก

วิบากเป็นเสบียงตัวหนึ่ง ทำให้เกิดการปรุงแห่งจิตวิญญานที่ต้องเสวย

การเสวยผลอันเป็นวิบาก เราสามารถเลือกได้ด้วยภูมิปัญญา ว่าจะดับหรือก่อ

การก่อนี่ เรียกว่า สมุทัย ผลก็คือทุกข์อย่างไม่มีที่สิ้นสุด เพราะเป็นการสร้างภพ

การดับนี่เรียกว่า มรรค ผลก็คือดับ เรียกว่านิโรธะ ภพมันดับการเกิดจะไม่มีด้วยกฏของมัน

เรื่องมรรค สมุทัยนี่ เป็นหลักอริยสัจ

อริยสัจนี่ เป็นหลักทางออกให้วิญญานเลือกได้ว่า จะก่อหรือดับในวัฏฏะที่เวียนวนเดินทางมาอย่างช้านาน

หากดับ ก็ว่าไปทางหนึ่ง หากก่อ ก็ว่าไปทางหนึ่ง

ทั้งดับและก่อ มันมีเหตุมาจาก ตัณหาที่ผุดขึ้นมาไม่รู้จบจากใจดวงนี้ทั้งสิ้น

ตัณหานี้มีเหตุมาจากเวทนาที่เกิดจากการผัสสะ

นี่จะว่าถึงเรื่องวิญญานที่ถูกการจองจำด้วยความไม่รู้ แต่ดันมาออกเส้นทางแห่งการโดนจองจำแห่งวิญญานด้วยวัฏฏะซะนี่

เอาล่ะๆๆๆ ค่อยยกยอดออกไปในท่อนที่สามก็แล้วกัน ว่าทำไมดวงวิญญาน เขาถึงไปไหนไม่ได้ ทั้งๆที่ร่างเขาก็สลายไปแล้ว…

ตีตั๋วรอละกัน…!!!

พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง วันที่ 17 พฤศจิกายน 2559