โลกทั้งใบอยู่ในมือเราผู้แข็งแกร่ง

โลกทั้งใบอยู่ในมือเราผู้แข็งแกร่ง

288
0
แบ่งปัน

****** “โลกทั้งใบอยู่ในมือเราผู้แข็งแกร่ง” ******

ชีวิตนั้นมีหลายด้าน เราอย่าจมอยู่แค่ด้านใดด้านหนึ่งซิ

ข้านี่ชักเป็นห่วงป้าแงะ ป้าแกหนักไปในทางห่วงใยผู้คนมากเกิน

การห่วงใยผู้คนน่ะดี

แต่ไม่ดี ถ้ายึดจนเป็นอารมณ์นิสัยจนเราเดือดร้อน

การห่วงมากไปจะทำให้เป็นคนแก่ที่น่าเบื่อสำหรับผู้คน

พอเราแก่ตัวไป ความห่วงใยของเราจะเป็นที่รำคาญของลูกหลาน

คนเรานั้นย่อมมีกำลังปกป้องตัวและใจตนเองเสมอ

เขาเอาตัวรอดของเขาได้ นี่เป็นธรรมชาติของสัตว์ทั้งหลาย

ความอ่อนแอของเรานี่แหละ

เราเอาไปยัดเยียดใส่ลงไปในตัวพวกเขาด้วยทิฏฐิเรา

คิดว่าเขา…ต้องเป็นอย่างนั้น ต้องเป็นอย่างนี้แน่ๆเลย

เรา…อ่อนแอเกินไปจนเกิดเป็นการดูถูกศักยภาพของเขาด้วยความห่วงใย

และดูเขาคงเป็นอย่างที่เราเข้าใจ ด้วยเราเป็นห่วงในตัวเขา

เราไม่เข้าใจโลกเองว่า ทุกชีวิตย่อมรักษาตนเองได้เสมอ

ครั้งหนึ่ง ข้าได้ปีนบันไดขึ้นไปสู่ยอดเสา

ที่ยอดเสา มันมีความสูงเป็นอาวุธบั่นทอนทิ่มแทงกำลังใจของเรา

ข้าขึ้นไปกับเจ้าต๋อ

เจ้าต๋อมันก็ปอดแหกกับความสูง แกล้งเขย่าหน่อย มันก็กลัวลนลาน

ข้านี่ รู้สึกเลยว่าเรี่ยวแรงมันแทบไม่มี เมื่อยืนอยู่ท่ามกลางความสูง

เมื่อยกตัวยืนขึ้นโดยไม่เอามือไปจับอะไร ขามันสั่น ใจวูบวาบหวิวๆ ยามมองลงไปด้านล่าง

ข้าเอง ไม่ชอบภาวะอารมณ์แบบนี้ มันเหมือนเป็นการจำนนและจำยอมโดนกักขังด้วยภาวะของความกลัว

ข้ารู้จักจิตดี มันกำลังหลอกเราด้วยโปรแกรมสัญญากลัวของมัน

หากเราไหลไปตามกระแส

แน่นอน..เราจำยอมมัน ถอนออกจากมันไม่ได้แน่

ข้าจึงลุกขึ้น และกระโดดเกาะนั่งร้านเหล็ก โหนลงมาทางนั่งร้านแทน แทนที่จะลงบันไดลงมาเหมือนตอนขึ้น

นี่..ไม่รู้ล่ะ ข้าจะสู้กับอารมณ์อันเสร็งเคร็งของตัวเองละ ไร้เรี่ยวแรงก็หล่นๆลงไปซะ

ความไร้เรี่ยวแรง เมื่ออยู่ที่สูงๆแล้วมองลงมา แรงมันก็กลับมามันไม่ได้หายไปไหน

เพราะมือมันจะเกาะและจับราวเหล็กไว้แน่น

มันไม่ยอมปล่อยมือให้ตัวมันหล่นลงมาจากปลายเสาหรอก

มันกลัวกายมันแตกดับ

เพราะข้ารู้จักภาวะของมันดี

ข้าจึงไม่จำนนต่อภาวะของมัน

ข้าโหนไต่ลงไป ปล่อยให้ไอ้เจ้าต๋อมันกลัวจนไข่สั่นอยู่ด้านบนคนเดียว

ข้าไม่ยอมจำนนด้วยความกลัวที่ใจมันสร้างเป็นกระแสขึ้นมา

นี่..เห็นไหมว่า ยังไงๆ กายมันก็มีโปรแกรมรักษาตัวมันเองนั้นแหละ

เป็นแต่เรานี่แหละ มักจมไปในกระแสของมัน ด้วยความกลัวเป็นเหตุ

กับคนอื่นเราก็เป็นห่วง เหมือนห่วงกายตนนั่นแหละ

แต่การห่วงมากไป มันทำให้ใจเราโดนย้อมให้กลายเป็นคนอ่อนแอ

คนอ่อนแอนั้น…ช่วยตนเองยังไม่ได้เลย

แล้วใจเช่นนี้ ยังจะไปเป็นห่วงช่วยใครได้

เป็นห่วงน่ะดี แต่ห่วงแล้วช่วยอะไรใครไม่ได้

เราห่วงมากไป ให้หัวใจตนต้องทุกข์ทำไม

ข้า..ไม่สนคนอ่อนแอ..!! แม้มันจะเป็นคนที่น่าเป็นห่วง..

>>>พอจ : พวกเรามันไม่กล้าแลก

<<< แลกอย่างไงคะ พอจ?

>>> ความหมายข้ามันลึกซึ้งเกินกว่าคนอ่อนแอจะเข้าใจ

พวกแกมันกลัวขาดทุน กลัวนั่นกลัวนี่ จนพลาดโอกาสไปมากมาย

เงื่อนไขชีวิตเยอะเกิน..

จริงๆชีวิตมันไม่มีอะไรต้องเสีย

กลัวเสียนั่นเสียนี่จนแก่ตายไปก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน

ไอ้เดี่ยวมันทุกข์มาก เพราะกล้อง D5 มันหาย

ไอ้ทุกข์นี่ มันเป็นธรรมดา

ที่ทุกข์เพราะมันไม่ยอมรับว่ากล้องหาย

ถ้ามันยอมรับว่า กล้องหาย

ใจมันก็จะทุกข์น้อยลง

ถามมันว่า แกมีตังค์เท่าใหร่

มันบอกว่ามีสี่หมื่น แต่ค่ากล้องนั้น เกือบสามแสน

สามแสนนี่ ต้องจ่ายคืนธนาคารเดือนละหมื่นหกสิบแปดเดือน

มันทุกข์เพราะอนาคตแห่งสิบแปดเดือนที่ต้องนำเงินไปจ่าย

นี่..มันเอาอนาคตที่ยังไม่มี ยังไม่เกิดมาเป็นความทุกข์

เงินที่จะจ่าย มันก็เป็นเงินอนาคต และยังไม่มี ยังเป็นเงินของคนอื่น

มันเอาความไม่มีแห่งเงินในอนาคตว่า ต้องมีเพื่อที่จะจ่ายมาเป็นทุกข์

ทั้งๆที่ ขณะที่มันทุกข์ อนาคตนั้น มันก็ยังไม่ต้องจ่าย

และเงินที่จะนำมาจ่ายก็ยังไม่มี แถมไม่ใช่เงินของมันในตอนนี้

เพราะตอนนี้มันมีแค่สี่หมื่น

นี่..เห็นไหมว่า เราอยู่ภายใต้เงื่อนไขแห่งความคิดที่เป็นอาวุธมาทิ่มแทงใจเรา

เรา..มันเฮงซวยเอง ที่เอาความทุกข์ที่มันยังไม่มี

มาเป็นฟืนไฟ ให้ใจนี้ชิบหายไปกับมัน

เรื่องเดียวกัน…กับพบเจอกล้อง รู้ว่ากล้องไม่ได้หาย

เมื่อมีกล้อง ความทุกข์ใจที่ต้องจ่ายในอนาคต มันก็ไม่เห็นจะมี

เพราะใจมันยินดี ที่จะเอาเงินที่ไม่มีมาจ่ายในอนาคตได้ เพราะมีกล้อง

กล้องเป็นสิ่งที่ทำให้มันไม่เกิดทุกข์กับสิ่งที่มีและไม่มีกับใจตน

ถ้ากล้องไม่มี มันเกิดทุกข์

ทั้งๆที่เมื่อก่อนมันก็ไม่มีเช่นกัน

ความทุกข์ทั้งหลายที่มันมาเป็นไฟเผาใจเรา

มันเกิดจากเรานี่แหละเข้าไปก่อมันขึ้นมาเอง

ความทุกข์ทั้งหลายที่เป็นกระแส

หากเราตายซะวันนี้ ความทุกข์ที่แย่ๆและหาทางแก้ไม่ได้นั้น

มันก็เป็นแค่อากาศที่ไม่มีอะไรจะทำร้ายใจใครได้เลย

หากไอ้เดี่ยว ยอมรับความจริง หายก็หาย เราแก้ไขจนถึงที่สุดแห่งกำลังใจเราแล้ว มันก็ยังไม่เจอ

ไม่เป็นไร..เราจะยอมรับและรับผิดชอบมัน

หากเราทำใจได้ กลลวงครั้งนี้

ผู้ที่เกิดความกดดันก็มาเกิดที่ตัวผู้แกล้งทำให้กล้องหาย

เราจะทำอะไรได้ กับผู้ที่ยอมรับกับความผิดพลาดของตนเอง

และยอมรับผิดชดใช้ด้วยหัวใจของลูกผู้ชาย

แน่นอน…เกมส์ย่อมพลิกไปอีกด้าน ที่ผลต่างๆ มันจะไม่เหมือนเดิม

ชีวิตนั้น…หากพลาด ก็พึงแก้ให้ถึงที่สุด

แก้แล้ว ได้แค่ไหน ยอมรับแค่นั้นก่อน

แน่นอน..

หากเราเจอผู้ที่แข็งแกร่งกว่าในทางปัญญา
เขาย่อมมีวิธีเสาะหาเรื่องแกล้งเราอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

พึงยอมรับมัน และสู้ในหนทางที่เรามีกำลังต่อไป

หากเป็นเรื่องจริง เราก็คลายความทุกข์ล่ะ

หากเป็นเรื่องลวง ความทุกข์นั้นก็เป็นแค่ครูสอนให้เราแข็งแกร่งขึ้นในการระวัง

การยอมรับเป็นทางสายกลางที่เราจะเดินย่ำไปได้บนหนทาง ที่ดีที่สุด

พึงยอมรับมันกับผัสสะและเหตุการณ์ต่างๆด้วยหัวใจเรา

เรา…จะฝ่าขวากหนามไปได้ด้วยกำลังของตัวเราเอง

ที่แม้แต่พรหมเทวา เทวดาทั้งหลายยังต้องสะท้านในหัวใจเรา

และข้าเองก็เป็นหนึ่งของคนประเภทนั้นที่ต้องโดนทดสอบโดยไม่รู้จบเช่นกัน

ฝึกใจเราไว้ให้มันแข็งแกร่ง

วันที่ใจมันแข็งแรง โลกทั้งใบมันก็อ่อนแอเกินกว่าจะมาย่ำยีหัวใจเรา

หวัดดี…

พระธรรมเทศนาโดยพระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง ณ วันที่ 6 พฤศจิกายน 2559