****** “โลกทั้งใบอยู่ในมือเราผู้แข็งแกร่ง” ******
ชีวิตนั้นมีหลายด้าน เราอย่าจมอยู่แค่ด้านใดด้านหนึ่งซิ
ข้านี่ชักเป็นห่วงป้าแงะ ป้าแกหนักไปในทางห่วงใยผู้คนมากเกิน
การห่วงใยผู้คนน่ะดี
แต่ไม่ดี ถ้ายึดจนเป็นอารมณ์นิสัยจนเราเดือดร้อน
การห่วงมากไปจะทำให้เป็นคนแก่ที่น่าเบื่อสำหรับผู้คน
พอเราแก่ตัวไป ความห่วงใยของเราจะเป็นที่รำคาญของลูกหลาน
คนเรานั้นย่อมมีกำลังปกป้องตัวและใจตนเองเสมอ
เขาเอาตัวรอดของเขาได้ นี่เป็นธรรมชาติของสัตว์ทั้งหลาย
ความอ่อนแอของเรานี่แหละ
เราเอาไปยัดเยียดใส่ลงไปในตัวพวกเขาด้วยทิฏฐิเรา
คิดว่าเขา…ต้องเป็นอย่างนั้น ต้องเป็นอย่างนี้แน่ๆเลย
เรา…อ่อนแอเกินไปจนเกิดเป็นการดูถูกศักยภาพของเขาด้วยความห่วงใย
และดูเขาคงเป็นอย่างที่เราเข้าใจ ด้วยเราเป็นห่วงในตัวเขา
เราไม่เข้าใจโลกเองว่า ทุกชีวิตย่อมรักษาตนเองได้เสมอ
ครั้งหนึ่ง ข้าได้ปีนบันไดขึ้นไปสู่ยอดเสา
ที่ยอดเสา มันมีความสูงเป็นอาวุธบั่นทอนทิ่มแทงกำลังใจของเรา
ข้าขึ้นไปกับเจ้าต๋อ
เจ้าต๋อมันก็ปอดแหกกับความสูง แกล้งเขย่าหน่อย มันก็กลัวลนลาน
ข้านี่ รู้สึกเลยว่าเรี่ยวแรงมันแทบไม่มี เมื่อยืนอยู่ท่ามกลางความสูง
เมื่อยกตัวยืนขึ้นโดยไม่เอามือไปจับอะไร ขามันสั่น ใจวูบวาบหวิวๆ ยามมองลงไปด้านล่าง
ข้าเอง ไม่ชอบภาวะอารมณ์แบบนี้ มันเหมือนเป็นการจำนนและจำยอมโดนกักขังด้วยภาวะของความกลัว
ข้ารู้จักจิตดี มันกำลังหลอกเราด้วยโปรแกรมสัญญากลัวของมัน
หากเราไหลไปตามกระแส
แน่นอน..เราจำยอมมัน ถอนออกจากมันไม่ได้แน่
ข้าจึงลุกขึ้น และกระโดดเกาะนั่งร้านเหล็ก โหนลงมาทางนั่งร้านแทน แทนที่จะลงบันไดลงมาเหมือนตอนขึ้น
นี่..ไม่รู้ล่ะ ข้าจะสู้กับอารมณ์อันเสร็งเคร็งของตัวเองละ ไร้เรี่ยวแรงก็หล่นๆลงไปซะ
ความไร้เรี่ยวแรง เมื่ออยู่ที่สูงๆแล้วมองลงมา แรงมันก็กลับมามันไม่ได้หายไปไหน
เพราะมือมันจะเกาะและจับราวเหล็กไว้แน่น
มันไม่ยอมปล่อยมือให้ตัวมันหล่นลงมาจากปลายเสาหรอก
มันกลัวกายมันแตกดับ
เพราะข้ารู้จักภาวะของมันดี
ข้าจึงไม่จำนนต่อภาวะของมัน
ข้าโหนไต่ลงไป ปล่อยให้ไอ้เจ้าต๋อมันกลัวจนไข่สั่นอยู่ด้านบนคนเดียว
ข้าไม่ยอมจำนนด้วยความกลัวที่ใจมันสร้างเป็นกระแสขึ้นมา
นี่..เห็นไหมว่า ยังไงๆ กายมันก็มีโปรแกรมรักษาตัวมันเองนั้นแหละ
เป็นแต่เรานี่แหละ มักจมไปในกระแสของมัน ด้วยความกลัวเป็นเหตุ
กับคนอื่นเราก็เป็นห่วง เหมือนห่วงกายตนนั่นแหละ
แต่การห่วงมากไป มันทำให้ใจเราโดนย้อมให้กลายเป็นคนอ่อนแอ
คนอ่อนแอนั้น…ช่วยตนเองยังไม่ได้เลย
แล้วใจเช่นนี้ ยังจะไปเป็นห่วงช่วยใครได้
เป็นห่วงน่ะดี แต่ห่วงแล้วช่วยอะไรใครไม่ได้
เราห่วงมากไป ให้หัวใจตนต้องทุกข์ทำไม
ข้า..ไม่สนคนอ่อนแอ..!! แม้มันจะเป็นคนที่น่าเป็นห่วง..
>>>พอจ : พวกเรามันไม่กล้าแลก
<<< แลกอย่างไงคะ พอจ?
>>> ความหมายข้ามันลึกซึ้งเกินกว่าคนอ่อนแอจะเข้าใจ
พวกแกมันกลัวขาดทุน กลัวนั่นกลัวนี่ จนพลาดโอกาสไปมากมาย
เงื่อนไขชีวิตเยอะเกิน..
จริงๆชีวิตมันไม่มีอะไรต้องเสีย
กลัวเสียนั่นเสียนี่จนแก่ตายไปก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
ไอ้เดี่ยวมันทุกข์มาก เพราะกล้อง D5 มันหาย
ไอ้ทุกข์นี่ มันเป็นธรรมดา
ที่ทุกข์เพราะมันไม่ยอมรับว่ากล้องหาย
ถ้ามันยอมรับว่า กล้องหาย
ใจมันก็จะทุกข์น้อยลง
ถามมันว่า แกมีตังค์เท่าใหร่
มันบอกว่ามีสี่หมื่น แต่ค่ากล้องนั้น เกือบสามแสน
สามแสนนี่ ต้องจ่ายคืนธนาคารเดือนละหมื่นหกสิบแปดเดือน
มันทุกข์เพราะอนาคตแห่งสิบแปดเดือนที่ต้องนำเงินไปจ่าย
นี่..มันเอาอนาคตที่ยังไม่มี ยังไม่เกิดมาเป็นความทุกข์
เงินที่จะจ่าย มันก็เป็นเงินอนาคต และยังไม่มี ยังเป็นเงินของคนอื่น
มันเอาความไม่มีแห่งเงินในอนาคตว่า ต้องมีเพื่อที่จะจ่ายมาเป็นทุกข์
ทั้งๆที่ ขณะที่มันทุกข์ อนาคตนั้น มันก็ยังไม่ต้องจ่าย
และเงินที่จะนำมาจ่ายก็ยังไม่มี แถมไม่ใช่เงินของมันในตอนนี้
เพราะตอนนี้มันมีแค่สี่หมื่น
นี่..เห็นไหมว่า เราอยู่ภายใต้เงื่อนไขแห่งความคิดที่เป็นอาวุธมาทิ่มแทงใจเรา
เรา..มันเฮงซวยเอง ที่เอาความทุกข์ที่มันยังไม่มี
มาเป็นฟืนไฟ ให้ใจนี้ชิบหายไปกับมัน
เรื่องเดียวกัน…กับพบเจอกล้อง รู้ว่ากล้องไม่ได้หาย
เมื่อมีกล้อง ความทุกข์ใจที่ต้องจ่ายในอนาคต มันก็ไม่เห็นจะมี
เพราะใจมันยินดี ที่จะเอาเงินที่ไม่มีมาจ่ายในอนาคตได้ เพราะมีกล้อง
กล้องเป็นสิ่งที่ทำให้มันไม่เกิดทุกข์กับสิ่งที่มีและไม่มีกับใจตน
ถ้ากล้องไม่มี มันเกิดทุกข์
ทั้งๆที่เมื่อก่อนมันก็ไม่มีเช่นกัน
ความทุกข์ทั้งหลายที่มันมาเป็นไฟเผาใจเรา
มันเกิดจากเรานี่แหละเข้าไปก่อมันขึ้นมาเอง
ความทุกข์ทั้งหลายที่เป็นกระแส
หากเราตายซะวันนี้ ความทุกข์ที่แย่ๆและหาทางแก้ไม่ได้นั้น
มันก็เป็นแค่อากาศที่ไม่มีอะไรจะทำร้ายใจใครได้เลย
หากไอ้เดี่ยว ยอมรับความจริง หายก็หาย เราแก้ไขจนถึงที่สุดแห่งกำลังใจเราแล้ว มันก็ยังไม่เจอ
ไม่เป็นไร..เราจะยอมรับและรับผิดชอบมัน
หากเราทำใจได้ กลลวงครั้งนี้
ผู้ที่เกิดความกดดันก็มาเกิดที่ตัวผู้แกล้งทำให้กล้องหาย
เราจะทำอะไรได้ กับผู้ที่ยอมรับกับความผิดพลาดของตนเอง
และยอมรับผิดชดใช้ด้วยหัวใจของลูกผู้ชาย
แน่นอน…เกมส์ย่อมพลิกไปอีกด้าน ที่ผลต่างๆ มันจะไม่เหมือนเดิม
ชีวิตนั้น…หากพลาด ก็พึงแก้ให้ถึงที่สุด
แก้แล้ว ได้แค่ไหน ยอมรับแค่นั้นก่อน
แน่นอน..
หากเราเจอผู้ที่แข็งแกร่งกว่าในทางปัญญา
เขาย่อมมีวิธีเสาะหาเรื่องแกล้งเราอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
พึงยอมรับมัน และสู้ในหนทางที่เรามีกำลังต่อไป
หากเป็นเรื่องจริง เราก็คลายความทุกข์ล่ะ
หากเป็นเรื่องลวง ความทุกข์นั้นก็เป็นแค่ครูสอนให้เราแข็งแกร่งขึ้นในการระวัง
การยอมรับเป็นทางสายกลางที่เราจะเดินย่ำไปได้บนหนทาง ที่ดีที่สุด
พึงยอมรับมันกับผัสสะและเหตุการณ์ต่างๆด้วยหัวใจเรา
เรา…จะฝ่าขวากหนามไปได้ด้วยกำลังของตัวเราเอง
ที่แม้แต่พรหมเทวา เทวดาทั้งหลายยังต้องสะท้านในหัวใจเรา
และข้าเองก็เป็นหนึ่งของคนประเภทนั้นที่ต้องโดนทดสอบโดยไม่รู้จบเช่นกัน
ฝึกใจเราไว้ให้มันแข็งแกร่ง
วันที่ใจมันแข็งแรง โลกทั้งใบมันก็อ่อนแอเกินกว่าจะมาย่ำยีหัวใจเรา
หวัดดี…
พระธรรมเทศนาโดยพระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง ณ วันที่ 6 พฤศจิกายน 2559