นั่งสมาธิแล้วเกิดอาการต่างๆ ท่อน 4

นั่งสมาธิแล้วเกิดอาการต่างๆ ท่อน 4

316
0
แบ่งปัน

****** “นั่งสมาธิแล้วเกิดอาการต่างๆ ท่อน 4” ****

นี่เช้าวันพฤหัสเดือน 9 หากย้อนไปในสมัยแรกๆที่ฝึกสมาธิ ข้าจะเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับใจดวงนี้มากมาย

สิ่งหนึ่งที่มักเป็นกันสำหรับผู้มาทางธรรม ต้องการพ้นทุกข์ และเป็นคนดีก็คือ การลบหลู่ ดูแคลน ปรามาส สิ่งศักดิ์สิทธิ์และครูบาอาจารย์

ตรงนี้นี่ เป็นกันมากและแก้กันไม่ได้ เราไม่รู้ว่า สิ่งทั้งหลายที่เกิดขึ้นที่ปรากฏกับใจเรา

มันเป็นของมันเอง โดยที่เรานี่ห้ามมันไม่ได้ ยิ่งห้ามยิ่งระงับ มันก็ยิ่งด่าทอภายในแสบๆหนักเข้าไปอีก

บางคนมากราบข้า เดินเข้ามานี่ไม่มีอะไร พอก้มลงกราบแล้วเงยหน้าขึ้นมา

มันก็ด่าในใจขึ้นมาว่า ไอ้เหี้ยยย….ไอ้ส้นตีน ไอ้หัวควยย…!!

แล้วเจ้าของก็ก้มหน้ามองพื้นนิ่ง ทำอะไรไม่ถูก อีกใจหนึ่งก็สั่นไหว หนูไม่ตั้งใจๆๆๆ มันด่าของมันเองค่ะพระอาจารย์…

แล้วก็มีเสียง ไอ้ควยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ใส่หน้าข้ารัวๆ ตามมาอีกเป็นชุดๆ

บางคนก็ด่าในใจประมาณว่า ไอ้โล้นบ้า..กูไม่เชื่อมึงหรอก ไอ้ขี้โม้ ไอ้หน้าซ่นตีน ไอ้ๆๆๆๆ สารพัด

นี่..อาการเหล่านี้ เจ้าของระงับใจไม่ได้ มันเป็นอาการปรุงของจิต ที่ละเอียดกว่าสติเจ้าของจะไปกั้นมัน

บางคนนี่ถึงกับเครียด ไม่กล้าเข้าใกล้ข้า จริงๆแล้ว เมื่อถึงจุดหนึ่ง ไม่เฉพาะข้าหรอก

อะไรก็ได้ ที่ใจมันให้ความสำคัญและนอบน้อม จิตปรุงแต่งมันก็จะมีอาการด่าออกมา ด้วยสันดานเสียของมันเอง

เจ้าของน่ะ ห้ามมันไม่ได้หรอก ยิ่งห้ามก็ยิ่งหนักเลย จิตภายในมันด่าไฟแล่บ

อาการพวกนี้เป็นอาการปรุงของจิต จิตที่ปรุงนี้ เกิดจากการโน้มเอียงมาทางความดี

เพราะความตั้งใจที่ย้อมมาทางดี มันจึงไปข่มความเลวที่มีไม่ให้มันโผล่ขึ้นมา

เมื่อข่มมากเข้าๆ มันก็เกิดแรงดันทุรังของความเลวที่โดนข่มโดยไม่รู้ตัว

ถึงจุดหนึ่งมันจะแตกโพล๊ะ และแตกออกมาด้วยตัวมันเอง จนเจ้าของระงับมันก็ไม่อยู่

เรื่องนึ้เป็นที่หนักใจของผู้ยึดดี โดยเฉพาะพวกผู้หญิงนี่ เป็นกันมาก ผู้ชายก็เป็น

พวกเธอทั้งหลายกลัวบาป แต่ไม่รู้จะทำยังไง แก้ไม่ได้ วิธีแก้ของพวกเธอก็คือ ไม่เข้าไปเผชิญ

นี่..แก้ไม่ถูก เมื่อแก้ไม่ถูก มันก็จะติดและบ่มย้อมเป็นความเคยชินจนเป็นนิสัย

เมื่อเป็นนิสัย มันก็จะเกิดเป็นสันดาน ตามมาให้แก้ยากหนักเข้าไปอีก

อาการทางจิตที่ผุดขึ้นมาด่าทอ ปรามาส สิ่งที่ตนเคารพ สิ่งที่ตนนอบน้อม หรือสิ่งศักดิ์สิทธิทั้งหลาย

ไม่ว่าจะเป็น พระสงฆ์ พระธรรม พระพุทธ ครูบาอาจารย์ เทพเทวา พรหม อะไรต่างๆนี่ มันไม่บาปอะไรหรอก ไม่ต้องกลัว

มันเป็นแค่อาการจิตที่เคยอิสระ แล้วมาโดนข่มโดยความดีงามของเจ้าตัว มันก็เลยเป็นแรงผลักดัน ให้การปรุงที่เคยมีมันแสดงออก

อาการเหล่านี้ แก้ได้ด้วยสมาธิที่ตั้งมั่น มีปัญญาและสติชี้ใจเจ้าของ ให้วางอุเบกขา ในอาการที่มันเป็น

พึงมีสติตั้งมั่นของเราไว้ว่า ตัวเราเองไม่ได้เป็นผู้มีเจตนาเช่นนั้น สิ่งที่เป็น มันเป็นการปรุงของตัวจิตเอง มันไม่ใช่เรา

มันอยากด่าแม่ใคร ครูบาอาจารย์คนไหน หรือพระพุทธองค์ใด ปล่อยให้มันด่าออกไปให้มันสบาย

เราพึงฟังมันดูมันแสดงออกเฉยๆด้วยสติ ไม่ต้องไปข่มไปห้ามมัน มันอยากด่าก็ให้มันด่าไป

หากเรามีกำลังสมาธิและปัญญา เราจะเห็นชัดว่า อาการด่าที่รุนแรงต่างๆที่ปรุงขึ้นมา มันจะทุเลา เบาบางลงๆๆๆ เรื่อยๆ

มันอยากแสดง อยากโชว์เพาว์ ก็ให้มันแสดงไป อย่าไปห้ามไปข่มมัน

ให้มันแสดงซะให้พอ และพิจารณาในใจประกอบการแสดงด้วยว่า

มึงจะด่าก็ด่าไปแต่มึงเหอะ กูไม่เกี่ยว กูนับถือหลวงพ่อ มึงจะด่าหลวงพ่อ มันก็เรื่องของมึง กูน่ะ..ไม่เอากะมึงด้วยหรอก

นี่..ปล่อยมัน ให้อิสระมัน แกอย่าไปเป็นพวกกะมัน ตั้งสติโยนิโสไว้เช่นนี้

พอมันไม่มีเพื่อน แกไม่เอากะมัน เดี๋ยวมันก็หายซ่าและซาลงไปเอง

เพราะมันกะแก อาศัยรูปและโปรแกรมเดียวกัน เพียงแต่ต่างฝ่ายต่างก็ทำหน้าที่ของตน

ฉะนั้น ผู้มีปัญญาและสติรู้ทัน เขาย่อมไม่จมลงไปในกระแสแห่งมัน ที่เสือกเป็นตัณหาที่ผุดขึ้นมาจากใจไม่รู้จบจากใจดวงนี้

แต่นี่ เราขาดผู้ชี้ ขาดกำลังสมาธิที่ประกอบด้วยปัญญา

เมื่อมีอาการเช่นนี้ เราจึงออกมาจากวังวนไม่ได้

กลายเป็นว่า เราเป็น และกลัวบาปกรรมจากผลการกระทำ ที่มันปรุงแต่งออกมาว่า กูเป็น..โดยไม่เข้าใจตรงตามความเป็นจริง

เมื่อมีกูเป็น เราก็ทุกข์จากการปรุงแต่งของมัน ที่มีเราหรือกูเข้าไปเป็นเจ้าของ

อาการพวกนี้ เป็นวิปลาสทางจิตอาการหนึ่ง มันก็เป็นของมันอย่างนั้นแหละเป็นธรรมดา

ข้านี่เข้าใจ บางคนมาขอขมากรรมแล้วขอขมากรรมอีก แต่ไม่กล้าถามไม่กล้าพูดไม่กล้าบอก

เอาเป็นว่า ข้าไม่ถือ ไม่รู้สึก ไม่อะไรทั้งนั้น

เพราะสิ่งเหล่านี้ สมัยหนึ่งข้าก็เคยเป็น และเป็นอย่างแก้ไม่ตกแก้ไม่ได้ อย่างที่พวกเราเป็นๆกันนี่แหละ

แต่จะมาเล่าให้ฟังในคราวหน้า

วันนี้จะต้องขึ้นไปดูงานบนเขาก่อน มัวนั่งโม้อยู่ งานจะไม่เดิน..!!

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 15 สิงหาคม 2559 โดยพระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง