นั่งสมาธิแล้วเกิดอาการต่างๆ ท่อน 3

นั่งสมาธิแล้วเกิดอาการต่างๆ ท่อน 3

282
0
แบ่งปัน

***** “นั่งสมาธิแล้วเกิดอาการต่างๆ ท่อน 3” *****

ว่ากันถึงอาการอันเกิดจากสมาธิกันต่อนะ..

ข้านี่ทำสมาธิมานานหลายปีก่อนที่จะเข้ามาบวช ตอนยังไม่บวชนี่ มันก็ได้เจออาการแปลกๆ ที่ตนไม่เข้าใจ

แต่ส่วนใหญ่จะมาในรูปของ กลิ่น เสียง และภาพซะมากกว่า มันก็น่าแปลกประหลาดอยู่

ทีนี้เมื่อเข้ามาบวช ด้วยความที่อยากทำสมาธิในความเป็นเพศของภิกษุ สมาธิที่เคยหนาแน่น ที่เราสัมผัสรู้สึกได้นี่ มันหายไป..

การรวมจิตมันเกิดขึ้นยาก ทั้งๆที่ฝึกหนักและตั้งมั่นมากกว่าตอนที่ยังไม่บวช

ถามใครก็ไม่ได้ คำตอบจากปากใครก็ให้ไม่ได้ เพราะไม่มีใครจะเข้าใจเรื่องจิตเรื่องสมาธิ

ไอ้ที่มีน่ะ มันอ่านๆจำๆมาทั้งนั้น ไม่ว่าหัวหงอกหัวดำถากหัวหรือแก่หนังเหี่ยว ข้าไม่ค่อยเจอ คนอธิบายได้ตรงสภาวะ

แค่บวชวันแรก เมื่อยามทำสมาธิ ข้าจะเริ่มจุก แน่น ไม่สบายตัว มันไม่เคยเป็นมาก่อน

มีความสงสัยว่า เราอาจจะตั้งใจมากไปจนเกิดความเคร่งเครียดโดยไม่รู้ตัว

ทีนี้ เวลาสวดมนต์ทำวัตรเช้าเย็น พอใจจรดจ่อกับบทมนต์ มันก็จุกขึ้นมาอีก สวดร่วมกับใครไม่ได้

แต่ก็ทนสวดด้วยอาการจุกอยู่เช่นนั้น ถ้าสวดคนเดียวนี่ ไม่จุก สวดสบาย

นี่..ข้าก็ไม่เข้าใจ ..!!

เมื่อก่อนไม่เคยเป็น พอบวชเสือกเป็น จุกเหมือนโดนทุบท้อง มันแน่นมาจนถึงหน้าอก ทำยังไงก็ไม่หาย

ข้าจึงเลี่ยงมาเดินจงกรมแทน เดินจงกรมมันไม่มีอาการจุก แต่นั่งแล้วจุก

เมื่อพิจารณาขณะเดินจงกรม ด้วยการสอดส่งลงไปถึงอาการ ก็เห็นชัดว่ามันเกิดจากลม

ลมนี้เป็นก๊าซพิษ ที่ก่อตัวกันเป็นก้อน วิ่งเสียดแทงไปตามช่องว่างในเรือนกาย

เมื่อพิจารณาลึกลงไปว่าลมนี้มาจากไหนหนอ …!!

มันก็ประจักษ์ชัดว่าเกิดจากวิบากกรรม มันมาให้ผลทางกาย

วิบากนี้เกิดจากอะไรหนอ..!!

มันก็เห็นชัดว่า เป็นกรรมทางวาจา ที่จาบจ้วงครูบาอาจารย์ พระอริยเจ้าผู้ทรงคุณที่ท่านปฏิบัติ

ปรามาสดูถูกดูแคลน การสวดมนต์และการทำสมาธิของครูบาอาจารย์ว่าสร้างภาพ ไม่เป็นความจริง

เป็นสันดานวิสัย ที่เห็นใครทำอะไรแล้วไปเพ่งโทษ เพ่งโทษการสวดมนต์ การทำสมาธิ ของผู้ทรงคุณว่าเป็นการหลอกลวง

โดยเฉพาะเพื่อนที่ทำการฝึกปฏิบัตมาด้วยกัน ข้าได้ปรามาสและแกล้งเขาไว้

ด้วยความเข้าใจและทิฏฐิตน ว่าไอ้เจ้าคนนี้ มันหลอกลวงแกล้งสร้างภาพเพื่อหาลาภสักการะ

วิบากนี้เป็นกรรมหนัก เพราะท่านเป็นอริยสงฆ์ที่ปฏิบัติเพื่อหนทางแห่งความหลุดพ้น

เมื่อทราบเหตุแน่ชัด จึงตั้งวิตกขึ้นมาว่า เราจะแก้อย่างไรหนอ..!!

ผลก็คือ ยอมรับวิบากและชดใช้เศษกรรมนี้ พร้อมคำขอขมากรรมทุกครั้ง ที่ได้ล่วงเกิน ทางกาย วาจา ใจ

อาการทุเลาลงมาหน่อย แต่ข้าก็จุกอยู่เช่นนี้ ราวๆสองปี นั่งสมาธิจุก สวดมนต์ร่วมกับใครก็จุก

ลมมันตีและแน่นหน้าอก จนไม่มีความสุขกับการนั่งสมาธิที่เพียรปฏิบัติเลย

แต่ถ้าวันใด กายพร้อม ธาตุพร้อม ความหวั่นวิตกในอาการเบาบาง มันจะรับรู้อาการจุกแน่นๆอยู่พักใหญ่

แล้วคลายตัวลงด้วยอำนาจแห่งสมาธิที่หนาแน่นกว่าผลแห่งวิบาก

สมาธิที่หนาแน่นในบางครั้ง มันสามารถข่มเวทนาอันเกิดจากวิบากทาง กาย วาจา ใจได้ มันข้ามวิบากได้

เป็นเพียงแต่เราบังคับมันไม่ได้ ว่าต้องเกิดสมาธิหนาแน่นได้ทุกครั้ง

มันเป็นเรื่องวิบากกุศลและอกุศลมาปรุงแต่งให้เราได้รับรู้ถึงวิบากต่างๆจริงๆ

อกุศลทางวาจาแรง เมื่อมันมาให้ผล ข้าก็นั่งจุก ลมมันเสียดแทง

เมื่อยอมรับและทนอยู่กับมันด้วยการชดใช้ ลมก็จะโดนดันจนเรอออกมาด้วยอำนาจแห่งกุศลบางอย่าง

เมื่อเรอออก มันก็จะผ่อนคลาย แต่ซักพักลมก็จะก่อตัวใหม่ให้แน่นจุกอกขึ้นมาอีก

ข้าเองนี่ เป็นอยู่เช่นนี้ราวๆสองปี แม้ทุกวันนี้ บางครั้งมันก็ยังมีอาการจุก

เพียงแต่นานๆครั้งมันจะเกิดขึ้นมา ซึ่งข้าก็ไม่ค่อยจะสนใจเท่าใหร่นัก

ข้าจึงหนักมาทางเดินจงกรมซะมาก เดินเพื่อหลีกเลี่ยงวิบากอันเกิดจากการนั่งสมาธิและสวดมนต์ร่วม

สวดคนเดียวนี่ ไม่เป็นไร สวดร่วมหมู่เมื่อใหร่ จุกแน่นไปซะหมด แต่เดี๋ยวนี้คลายแล้ว

ผู้ที่นั่งแล้วเป็นนั่นนู่นี่ทางกาย มีเวทนาอันอาศัยกายเกิด เช่น ปวดหัว ปวดตา แสบจมูก

หายใจไม่ออก ร้อน หนาว สั่น มีอาการนั่นนี่อะไรก็แล้วแต่..

พึงสำเหนียกไว้ว่า มันเป็นอาการปรุงแต่งทางวิบากมาให้ผล มันไม่เท่าใหร่หรอก ยอมรับและชดใช้กันไป

มันเป็นแค่เพียงเศษกรรมที่ยังหลงเหลืออยู่ในภวังค์จิตที่เราต้องชดใช้

กล่าวขอขมากรรม และอย่าทิ้งการปฏิบัติ

ถ้าทนได้ก็ทนไป ทนบ่อยๆ เดี๋ยวมันก็จาง ให้สำเหนียกไว้ว่า มันเป็นแค่วิบากปรุงแต่ง

มันเป็นแค่เศษกรรมที่ค้างเดน มันไม่มีผลต่อกายเราจริงๆ มันทำหน้าที่ของมันอย่างตรงไปตรงมา

เป็นเพียงแต่เรานี่แหละ ไปเป็นเจ้าของอาการของมัน

แต่ว่า…มันมีวิบากทางกายที่เราเป็นและเกิดอาการขึ้นมาจริงๆนี่ก็มีอีก

นอกเหนือไปจากทาง วาจา และ ใจ ที่มันแสดงออกมาให้เราได้เผชิญ

ข้าเคยนั่งสมาธิสมัยเป็นฆราวาส นั่งๆสงบอยู่ดีๆ มันก็เกิดนิมิตขึ้นมา

ข้านั่งในวิหารร้างวัดประดู่ทรงธรรมที่อยุธยา ตอนราวๆเที่ยงคืนเศษ

ช่วงนั้นซ่าจัดอยากลองของอยู่คนเดียว

ปรากฏว่า มีศัตรูมากันเป็นกองทัพ มาถึงมันก็เอาไม้ไผ่แหลมเป็นหอก

ทิ่มพรวดเข้าไปในตูดข้า นั่งๆสงบดูภาพอยู่เพลินๆ สะดุ้งเฮือก แสบตูดโคตร

คิดในใจว่า ไม่เป็นไรๆๆๆๆ นี่คงเป็นแค่อาการจิตปรุงแต่งไปตามสังขารจิต

ปรากฏว่า แม้เลิกนั่งก็แสบตูด แถมมีเลือดทะลักออกมาจนกางเกงขาวแดงยังกะคนประจำเดือนมา

กลับบ้านขี้ไม่ได้หลายวัน นึกว่าริดสีดวงแตก เลยไปหาหมอ

หมอบอกว่า ตูดฉีกขาด นี่..ไปนั่งทับอะไรมา..!!

ถ้าข้าบอกว่านั่งสมาธิมา แล้วมันเอาไม้มาทิ่มตูด หมอก็คงไม่เชื่ออีก

นี่…กรรมอันเป็นวิบากนี่ แม้จะเจริญธรรมด้วยการนั่งสมาธิสงบๆ มันก็เสวยผลได้

เราจึงไม่ควรจะไปสร้างกรรมทาง กาย วาจา ใจ กับใคร ด้วยการไปเพ่งโทษเขาอันเกิดจากสันดานเรา

คราวหน้าข้าจะเล่าให้ฟังถึงใจที่มันชอบด่าแม่สิ่งศักดิ์สิทธิ์และปรามาสครูบาอาจารย์ โดยที่ห้ามใจมันไม่ได้

วันนี้สายมากแล้ว หวัดดี..!!

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 14 สิงหาคม 2559 โดยพระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง