ลาพุทธภูมิ ท่อน 3

ลาพุทธภูมิ ท่อน 3

374
0
แบ่งปัน

****** “ลาพุทธภูมิ ท่อน 3” ******

สมัยหนึ่ง ผู้ติดตามพระอาจารย์ผู้นำแห่งบุพผาสวรรค์ ชื่อเหมือนหนังจีนเลย..

ได้นำข้าไปยังสำนักใหม่ของพวกเขา พวกเราอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อสำนักนี้กัน

สำนักนี้ ผู้นำคือท่านอาจารย์ ดร. สุชาติ หรืออะไรชาติๆนี่แหละ ท่านได้มรณภาพไปแล้ว

สำนักนี้ ชี้สอนเกี่ยวกับธรรมแบบมหายาน เชื่อในเทพ พระศรีอาริย์ฯ หลวงพ่อทวด เจ้าแม่กวนอิม เป็นที่รวมของเหล่าเซียนฤษี และฤษี

มีบางท่านในสำนักที่เป็นผู้ใหญ่ อยากให้ข้าเป็นผู้นำทางจิตวิญญานต่อจากอาจารย์เขา

ข้าปฏิเสธไป แต่ก็เคยไปพบกับพวกเขา เมื่อพบก็มีการทดสอบภูมิธรรมและภูมิจิตกัน

มีร่างทรงพวกฤษี แอบมายืนบริกรรมร่ายพระเวทย์ใส่ข้า ในขณะที่ข้านั่งทำสมาธิ

ช่วงเดินจงกรมริมสระน้ำช่วงกลางคืน ก็มีฤษีแบบนี้แหละ มายืนบริกรรม และเป่าพ้วงๆๆ ใส่ตอนเดินจงกรม

ตอนแรกก็ไม่รู้หรอก ว่าเขายืนทำอะไรกัน เพิ่งมารู้ทีหลังว่าเขาอยากจะลองของ

นี่ถ้ารู้ซะแต่ตอนนั้น ข้าก็จะเดินจงกรมไป ยกมือเอานิ้วกลางส่งให้ ยักคิ้วให้ซักซักแพร๊บ แล้วนวดมันด้วยไม้หน้าสาม ฐานมาลองของ

แต่ข้าไม่เห็นรู้สึกอะไร พอมาตอนเช้ากำลังนั่งฉัน มันก็ส่งจอมยุทธมือใหม่มาดวลเพลงดาบอีก

ฤษีเฒ่าแอบยืนตรงทางเข้า บริกรรมและเป่าพรวดๆๆ ข้าเดินออกไปเจอและได้ประจัญหน้ากัน

เขายืนหลับตาบริกรรมคาถาถี่ขึ้นมากกว่าตอนข้านั่งสมาธิ ข้ายืนมองหน้าเฉยๆ

ไอ้ผมที่ขยุ้มๆเหมือนหมอยพันกันบนหัวเขา

มันแผ่สั่นระริกยกขึ้นตั้งเป็นแผงเลย เหมือนผมเขามีชีวิต นี่..พวกมีญานฤษีเขาเป็นกัน ผมของเขามันจะพันกันเป็นขยุ้ม และสั่นได้

ข้าแกล้งฮัมเพลงลอยๆกระทง แล้วเป่าคืนไปมั่ง ฤษีเฒ่าแกลืมตาผงะ ตาต่อตาจึงประสานกัน

ข้าถามว่า ไง..มีแรงแค่นี้เหอ..ตาหมอเฒ่า แล้วก็เดินจากไปรวมกลุ่มกับพวกที่เขารอ

หัวหน้ากลุ่มและทุกคนต่างมองมาที่ข้า พอข้าเดินออกตามผู้นำกลุ่มเพื่อไปชมสถานที่

เหล่าฤษีทั้งหลายต่างก็เดินตามกันมาเป็นพรวน พวกเขาได้ใจที่ฤษีหัวหน้าเล่นข้าไม่ได้

จริงๆแล้ว ข้าไม่ได้รู้เรื่องอะไรกะเขาหรอก พวกเขาทึกทักกันเอง

เดินๆชมๆกันไปข้าก็หยุดกึ๊ก แล้วหันมาถามเจ้าฤษีผู้หนึ่งว่า ส่งจิตมารบกวนทำไม

เรื่องจิตนี่ ข้ามีเซ้นท์สูงพอโม้ใครๆได้ ฤษีเขาเดินตามและเพ่งด้วยกสิณไฟมาสู่ข้า รุ่นพี่ข้า เขาเคยทำอย่างนี้มาก่อน ข้ารู้สึกได้

เขาบอกว่า เขาอยากทดสอบ ข้าถามว่า ทดสอบแล้วมันได้อะไร

เขาบอกว่า เป็นความต้องการของปู่ภายใน ที่อยากรู้กำลัง ว่าพอจะเดินตามท่านได้ไหม

ข้าถึงถามว่า แล้วท่านเป็นใครชื่ออะไร เขาบอกว่า เขาเป็นฤษีตาไฟ เรียนมาทางกสิณไฟ เพ่งอะไรก็ลุกเป็นไฟ

ข้าก็บอกว่าก็ลองเพ่งข้าดูซิ จะได้ลองคมแห่งกำลัง ช่วงนั้นข้าก็กำลังบ้าวิชาอยู่ด้วย

เขาบอกว่าเขาลองแล้ว มันเสมอกัน เอะ..เสมอตอนไหนกูไม่เห็นจะรู้เรื่อง ข้าคิดในใจ..!!

เขาจึงอยากเดินตามรอยที่ข้านี่ได้ออกบวช

ข้าจึงถามว่า นี่..แสดงว่าปราถนาพุทธภูมิซิท่า..!!

เขาพยักหน้า และบอกว่า ข้าก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ปรารถนาพุทธภูมิเช่นกัน

ข้าบอก ข้าไม่เห็นจะรู้เรื่อง

เขาบอกว่า วันหนึ่งข้าจะรู้

ข้าจึงบอกเขาว่า งั้นข้าไม่เป็นแล้วพระพุทธเจ้า ขอลาเลย

เขาบอกว่า ไม่ใช่อย่างงั้น

การปรารถนาพุทธภูมินี่ ไม่ใช่ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าอย่างนั้น

แต่หมายถึง การตั้งสัจจะให้ได้มาเกิดในภพภูมิที่มีปัญญา

ได้พบผู้มีปัญญา ได้เกิดมามีปัญญา การปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้านั้น มันเป็นการตีตนเสมอพระพุทธองค์ ซึ่งมันไม่ควร นี่..เขาว่างั้น..!!

เราปรารถนาเดินตามพระพุทธองค์ ไม่ใช่ไปเป็นพระพุทธองค์ การปรารถนาเป็นพระพุทธองค์ เป็นพวกขี้โอ่และโอ้อวดด้วยความงี่เง่า

พวกนี้มีแต่มานะ อวดอ้างว่าตนเป็นพุทธภูมิ ไม่ใช่สาวกภูมิ มันมีแต่การอวดตนข่มผู้อื่น ให้ดูว่าตนเองยิ่งใหญ่

มันไม่ใช่วิสัยของพระโพธสัตว์เจ้า พระโพธิสัตว์เจ้า ย่อมไม่รู้ว่าตนเป็นพระโพธิสัตว์

พวกที่รู้ว่าตนเป็นพระโพธิสัตว์ เป็นพวกทึกทักอวดตน เพื่อแสวงหาลาภสักการะ ชื่อเสียง โอ้อวดในพวกโลกธรรมแปด

การลาพุทธภูมิเป็นเรื่องโง่ของผู้เบาปัญญา สัตว์ทั้งหลาย ต้องการดำเนินไปสู่ความรู้แจ้งแห่งการหลุดพ้น

การหลุดพ้นอาศัยภูมิแห่งผู้มีปัญญา จู่ๆเกิดฉลาดขึ้นมา ขอลาจากภูมิแห่งผู้มีปัญญา ไปสู่ภพภูมิที่เลื่อนลอย ไอ้นี่..ถ้ามันไม่บ้ามันก็เป็นพวกโง่หลายๆ

โหว่ๆๆๆ…ตายห่า..ข้าก็เพิ่งรู้ นี่รู้จากฤษีท่านนั้น ด้วยเหตุด้วยผลที่มันน่าฟัง

เขาบอกว่า ข้านี่ มีญานเต็มภูมิ เขาขอเจริญรอยเดินตาม ทางที่ข้าเดินนี่ เป็นทางแห่งการออกจากวัฏฏะที่หลุดพ้นไปได้

เขาเป็นฤษี ที่ยังต้องอาศัยร่างผู้อื่นแสดงบทบาท เพื่อชี้หนทางให้แก่ลูกหลาน เพราะวิบากที่เคยบำเพ็ญร่วมกันมา

พวกเขากะข้าจึงได้มาพบเจอกัน และเจริญรอยตามๆกัน ต่างแค่มีรูปกับไม่มีรูปเท่านั้น

นี่..อีกเหตุการณ์หนึ่งเกี่ยวกับเรื่องลาพุทธภูมิ..!!

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 6 กันยายน 2559 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง