จับใต๋ พวกหลอกสาธรณะว่า เข้านิโรธ

จับใต๋ พวกหลอกสาธรณะว่า เข้านิโรธ

286
0
แบ่งปัน

***** “จับใต๋ พวกหลอกสาธรณะว่า เข้านิโรธ” *****

ศิษย์ปุจฉา…พระเจ้าตาวิสัชชนา
อัปปนาสมาธิแตกต่างอย่างไร
=÷=÷=÷=÷=÷=÷=÷=÷=÷=÷

ศิษย์ ถาม >>>>>>ฟังมาว่าการเจริญอริยมรรคถึงจุดหนึ่งจิตเข้าอัปนาสมาธิ….

อัปนาสมาธินี้ แตกต่างจากอัปนาสมาธิของปุถุชนหรือสมาธิของเหล่าฤษีอย่างไรครับ ?

พระอาจารย์ <<<<<<< อัปนาสมาธินี่ ไม่สาธารณะ ต่อชนทั้งหลาย

ไม่ใช่ว่า ผู้ฝึกสมาธิทั้งหลาย จะเข้าถึงความเป็นอัปนาสมาธิทุกคน

แต่ผู้ได้อัปนาสมาธิ ไม่ว่าจะเป็น ปุถุชน ฤษีชีไพร หรือแม้พระอริยเจ้า

ความเข้าถึงแห่งอัปนาคือตัวเดียวกัน คือความหนาแน่นแห่งสมาธิที่ดับเวทนาทั้งปวง

การเจริญธรรมในอริยมรรค จากฌานสมาบัติ เรียกว่า ผลสมาบัติ

การเจริญผลสมาบัติ ในธรรมที่ตนเข้าถึง หากได้อัปนาสมาธิเป็นสมบัติแห่งตน

อริยชนผู้เจริญ ก็จะเข้าถึง นิโรธสมาบัติ

นิโรธสมาบัติ อาศัย ผลสมาบัติ

ผลสมาบัติอาศัย ฌานสมาบัติ

ฌานสมาบัติ ที่มีวาสนามาทางอัปนา

เป็นหนทางแห่งการเข้าสู่นิโรธสมาบัติ โดยอาศัยผลสมาบัติเป็นเครื่องส่งเข้าสู่นิโรธ

นี่..ความแตกต่างทางอัปนาสมาธิ ระหว่างปุถุชนฤษี กับพระอริยเจ้า

แต่ไม่ใช่ว่า พระอริยเจ้า จะเป็นผู้เข้าอัปนาและนิโรธสมาบัติได้ทุกคน

คำว่านิโรธสมาบัตินี่ ถ้าขยายนี่ มันลึกซึ๊งและละเอียดอ่อน

มีพระทางเหนือทางอิสานหลายท่าน มักตะใช้คำว่า เข้านิโรธสมาบัติ มาหากิน เพื่อหวังสรรเสริญและศรัทธา

การเข้านิโรธนี่ ไม่ยาก แต่มันไม่ยากสำหรับผู้ที่มีวาสนามาทางอัปนาสมาธิ

ที่สำคัญ ท่านผู้นั้น ต้องเข้าถึงที่สุดแห่งธรรมแล้วด้วย ความเป็นนิโรธจึงจะเกิดด้วยเหตุและปัจจัย

ธรรมที่ผู้เข้าถึงนั่นแหละ จะเป็นตัวแสดงผลยืนยันใจเจ้าของ

ผลแห่งภูมิธรรมจะแสดงตัวออกมาก่อน ให้ผู้คนทั้งหลายได้ประจักษ์แจ้งเสมอ

การเข้าถึงด้วยผลแห่งธรรมที่เข้าตีอวิชา ได้ทั้ง เจโตวิมุติ และปัญญาวิมุติ

ประกอบด้วยกับวาสนาทาง อัปนาสมาธิที่ได้สร้างสมมา

บุรุษผู้นั้นถึงจะเข้านิโรธได้ตามเหตุปัจจัย

ได้เจโตวิมุติอย่างเดียว ไม่ได้ปัญญาวิมุติ เข้านิโรธไม่ได้

ได้ปัญญาวิมุติอย่างเดียว เข้าเจโตวิมุติไม่ได้ เข้านิโรธไม่ได้

ได้ทั้ง ปัญญาวิมุติและเจโตวิมุติ แต่ไม่มีวาสนาทางอัปนาสมาธิ เข้านิโรธไม่ได้

ได้อัปนาสมาธิ แต่ขาดเจโตวิมุติ หรือปัญญาวิมุติ ก็เข้านิโรธไม่ได้

สุขวิปัสโก ได้ปัญญาวิมุติ แต่ขาดเจโตวิมุติ เข้านิโรธไม่ได้

เตวิชโช ได้ปัญญาวิมุติ ได้เจโตวิมุติ แต่ขาดอัปนาสมาธิ เจ้านิโรธไม่ได้

ฉฬภิญโญ ได้อัปนาสมาธิ เข้าถึงเจโตวิมุติ ยังขาดปัญญาวิมุติ เข้านิโรธไม่ได้

ทั้งสามสายวาสนาที่เข้าถึง เมื่อเพียบพร้อมด้วย เจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อัปนาสมาธิ

นี่เรียกว่า เป็นพวกปฏิสัมภิทาญาน

เหล่าพวกปฎิสัมภิทาญาน ที่ได้อัปนาสมาธิเป็นวาสนา พวกนี้ เข้านิโรธสมาบัติได้ทุกคน

ปฏิสัมภิทาญาน ที่ไม่มีวาสนามาทางอัปนาสมาธิ พวกนี้ก็เข้านิโรธสมาบัติไม่ได้

เข้าได้แค่ผลสมาบัติ แล้วคงสมาธิอยู่แค่ อุปจารสมาธิ

หรือเข้าแค่ผลสมาบัติ แล้วคงสมาธิอยู่แค่ ขณิกะสมาธิ

นี่..เป็นเรื่องหนทางแห่งการเข้านิโรธสมาบัติ

ซึ่งก็ต้องขยาย ฌานสมาบัติออกมาก่อน ว่ามันเป็นอย่างไร คืออะไร

ต้องขยาย ผลสมาบัติออกมาก่อน ว่ามันเป็นอย่างไร คืออะไร

แล้วจึงมาขยายนิโรธสมาบัติ ว่านิโรธสมาบัติ เป็นอย่างไร คืออะไร

พวกอ้างนิโรธมาหากิน มันขยายอะไรไม่ได้ซักอย่าง

ขยายแบบจำเขามา และเอาท่าทางรูปลักษณ์ที่ตนสร้างขึ้นมา เพื่อทำมาหากิน

หลอกลวงชาวบ้านชาวช่อง ที่เขาศรัทธาและไม่รู้เรื่อง

พวกฤษีหลายท่านนี่ เข้าอัปนาสมาธิได้ ได้ฌานสมาบัติ แต่ขาดผลสมาบัติ

พวกนี้เข้านิโรธไม่ได้

พวกเอาอากาศ เอาวิญญาน ความว่าง และการดับสัญญามาเป็นอารมณ์ ที่เรียกกันว่า อรูปฌาน

พวกนี้ก็เข้านิโรธสมาบัติไม่ได้

นิโรธสมาบัตินี่ เข้าได้ เฉพาะพระอริยเจ้า ทางพุทธศาสนา

และจะเพาะเจาะจงพระอริยเจ้าประเภท ปฏิสัมภิทาญานที่ได้ อัปนาสมาธิเท่านั้น

นี่.. ที่ไม่สาธารณะต่อชนทั้งหลายก็เพราะ….มันเป็นเรื่องของทางปัญญาสุงสุดล้วนๆ

เที่ยงนี้ขอสวัสดีทุกคน

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 5 กรกฎาคม 2559 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง