แอบดูความเป็นทิฏฐิ

แอบดูความเป็นทิฏฐิ

770
0
แบ่งปัน

******* “แอบดูความเป็นทิฏฐิ” *****

วันที่กลับมาจากเชียงราย ท่านมหาเหรียญได้อยู่รอเพื่อที่จะได้ไถ่ถามธรรม

มีเรื่องถามและคุยกันถึงเรื่องหนึ่ง นั้นก็คือ ตัณหา มานะ และทิฏฐิ

สามตัวนี้ เราจะตัดมันยังไงให้ขาด เราจะใช้ธรรมข้อไหนประหารมันให้หมดไปจากใจ

ตัณหา มานะ และทิฏฐินี่ เหตุมันมาจากเวทนา เวทนานี่ มาจากผัสสะ

ผัสสะปุ๊บ..เวทนาเกิด จะเป็นเวทนาช่องทางใดก็แล้วแต่ ตัณหามันก็เกิดตามทันที

มันมีตัณหาใน ตัณหานอกอีก ซึ่งต้องอธิบายขยายกว้างกันออกไป

ผัสสะปุ๊บเวทนาเกิด จะอยากหรือไม่ยาก หรือเฉยๆ นี่ล้วนเป็นตัณหา

ในตัณหานั้น มันมี มานะ และทิฏฐิซ่อนตัวเป็นเสี้ยนในอยู่เสมอ

พอดีได้ไปเจอธรรมบทหนึ่ง ที่ได้สาธยายไว้เมื่อสองปีก่อน จึงขอยกมากล่าวถึงก่อน

ธรรมบทนี้ก็คือ ธรรมบทเรื่อง #ทิฏฐิ

ทิฏฐิ…คืออะไรหนอ ที่เขาพูดกันจัง ข้าจะว่าให้ฟังโดยสังเขป

ทิฏฐิคือความเห็นที่ยึดมั่นโดยไม่ยอมปล่อยวาง ทั้งทางดีและไม่ดี ทั้งทางธรรมและทางโลก

เมื่อไหร่ที่มีความเห็น สิ่งเหล่านี้เรียกว่า ทิฏฐิ

เมื่อไหร่ที่มีการอวดอ้าง สิ่งเหล่านี้เรียกว่า มานะ

เมื่อไหร่ที่มีความอยาก สิ่งเหล่านี้เรียกว่า ตัณหา

นี่..แยกธรรมออกมาให้เห็นก่อน ว่าโครงสร้างรวมๆนั้นเป็นอย่างไร

ทิฏฐิตัวนี้…มันกินลามไปถึง อริยเจ้า ขั้นอนาคามีเลยทีเดียว เรียกว่า ยึดดีไม่ยอมวาง

ยึดว่าตัวเรามัน..หมดโกรธ หมดโลภ มีศีล..อันเป็นพระอริยเจ้า ไม่สงสัยในธรรม และไม่ยึดมั่นในตัวในตน

นี่…ทิฏฐิแห่งอนาคามี ซึ่งเป็นผู้ที่ตัดสังโยชน์อันเป็นเครื่องร้อยรัดจิตได้ 5 ประการ

แต่นั้นแหละ นี่คือ..อุปกิเลสของพระอริยเจ้าขั้นอนาคามี

ทิฏฐิทั้ง 5 ตัวนี้แหละ ที่คิดว่าเรามีเราผ่านเราเป็น มันเป็นตัวขวางมรรคผล มันเป็นทิฏฐิแห่งพระอริยเจ้า

ที่เข้าไปเป็นเจ้าของโดยไม่รู้ตัวว่านี่ มันเป็นอาการหนึ่งของ…อวิชา

เพื่อนเอ๋ย …. ทิฏฐิมันมีตั้งแต่หยาบไปถึงละเอียดสุด มันมีตัวตนรองรับเป็นเจ้าของทิฏฐิอยู่ทุกระดับขั้น

เพื่อนอย่าเพิ่งไปโม้ให้ อายหมา…มันเลยว่า เราหมดแล้วซึ่งทิฏฐิ

มันยังมีเครื่องร้อยรัดขั้นละเอียดอีก 5 ประการ ที่มันรอขวางทางอยู่

มานะเอย รูปฌานเอย อรูปฌานเอย ฟุ้งซ่านเอย และความไม่รู้ที่เรียกรวมกันว่า อวิชาเอย…..!!!

มันต้องฟาดฟันเจ้า 5 ตัวนี้ด้วยกำลังแห่งปัญญา ทิฏฐิถึงจะทะลาย..

แต่เพื่อนทราบไหม…..?????

เราคิดว่าทิฏฐิมันโดนทำลาย ด้วยสิ้นตัณหาแห่งเครื่องร้อยรัดทั้ง 10 จบสิ้นไปแล้ว

แม้สิ้นเครื่องร้อยรัดคือสังโยชน์ทั้ง 10 ทิฏฐิมันก็ไม่ตาย

ที่ไม่ตาย เพราะมันแปลงกาย เป็น “อรหันต์ทิฏฐิ”

นี่..อรหันต์มันก็มีทิฏฐิแบบอรหันต์อีก ใช่ว่า ความเป็นอรหันต์มันจะสิ้นแล้วซึ่งทิฏฐิ แบบสากกระเบือนิ่งเฉย

แต่ท่านอยู่กับมันได้ ยอมรับมันได้ เพราะท่านเข้าใจแล้ว ว่าทำลายมันไม่ได้ ที่ทำลายไม่ได้……

เพราะมันเกิดมาเพื่อคู่กับโลก ที่สำคัญ มันเป็นอาการหนึ่ง แห่งจิตสังขารที่เป็นโปรแกรมสร้าง รูป-นามขึ้นมา…..

รูปนามมี อาหารย่อมมี

อาหารมี กรรมย่อมมี

กรรมมี ตัณหาย่อมมี

ตัณหามี อวิชาย่อมมี

เพราะอวิชาเป็นเหตุ ผลจึงเป็นตัณหา

เพราะตัณหาเป็นเหตุ ผลจึงเป็นกรรม

เพราะกรรมเป็นเหตุ ผลจึงเป็นอาหาร

เพราะอาหารเป็นเหตุ ผลจึงเป็นนามรูป

เพราะนามรูปเป็นเหตุ ผลจึงเป็นอวิชา

นี่..วัฏฏะแห่งรูปนาม ที่เวียนวนไม่รู้จบ ในนามก็ยังมีแยกย่อยกว้างขวางลงไปอีก

มันเป็นปฏิจจสมุปบาทของนามรูป ที่ยากจะหาคนมาอธิบาย

ข้าน่ะอธิบายได้สบาย เพียงแต่ข้าน่ะ มันตัวขี้เกียจ อธิบายแล้วก็หายากชึ่งคนที่จะฟัง..!!

พระธรรมเทศนา วันที่ 20 มิถุนายน 2559 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง