ปัญหาฟุ้งซ่านที่แก้ไม่ตกในสมาธิ

ปัญหาฟุ้งซ่านที่แก้ไม่ตกในสมาธิ

726
0
แบ่งปัน

******* “ปัญหาฟุ้งซ่านที่แก้ไม่ตกในสมาธิ” *******

ขอกราบเรียนพระอาจารย์ธรรมกะครับ

ผมปฏิบัติทางสมาธิมายี่สิบกว่าปี

ปัญหาคือความฟุ้งซ่านทางด้านความคิด มันมีอยู่เสมอ

ดูเหมือนยิ่งสงบใจก็ยิ่งคิด

ผมจะทำยังไงกับความคิด ที่มันไม่ยอมสงบไปตามการปฏิบัติมาอย่างยาวนานบ้างครับ

ขอพระอาจารย์โปรดชี้แนะครับ..

>>>> หวัดดีอาจารย์เอก..!!

ปัญหาของอาจารย์เอก คืออุปทานในสมาธิ อาจารย์เอกเคยชินกับความสงบในสมาธิ

เมื่อเกิดรวามไม่สงบ อาจารย์เอกจึงเดือดร้อน จากความไม่สงบในอาการที่เกิด

พุทธศาสนา ชี้ให้เห็นหนทางแห่งความเข้าใจในพฤติกรรมธรรมชาติน่ะ..

ความสงบที่เราเสพ มันก็เป็นอาการหนึ่งของจิต

ความไม่สงบ มันก็เป็นอาการหนึ่งของจิต

อาจารย์เอก ไปยึดฟากใดฟากหนึ่งด้วยตัวตนแห่งอัตตาของตัวอาจารย์เอกเอง

ความสงบเกิด อาจารย์ก็ยึดเข้าไปเป็นเจ้าของ

ความไม่สงบเกิดขึ้น อาจารย์ก็ยึดเข้าไปเป็นเจ้าของ

ความชอบใจและไม่ชอบใจในอาการแห่งจิตที่ปรากฏ

อาจารย์เอก หลงเข้าไปยึดในความเป็นเจ้าของหมดเลย

นี่คือปัญหาของมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย ที่ไม่เข้าใจธรรมชาติในสิ่งที่มีที่เป็นของมันตามธรรมชาติ

ความคิดนี่…มันเป็นอาการธรรมดาของจิตน่ะ อาจารย์เอก

ความคิดนี่…เป็นอาหารเคี้ยวเล่นของมัน เราอย่าได้เข้าไปห้ามให้เสียเวลาเลย

สมัยแรกๆที่มันสงบ นั่นมันเป็นอำนาจของกำลังแห่งฌาน เรียกว่าความชำนาญ

ทีนี้พอกาลผ่านนาน ความเคยชินมันก็สะสมบังเกิด

ความเคยชินนี่แหละ มันทำให้อาการต่างๆที่เรียกว่าความคิด มันผุดออกมาทำงานของมัน

ความคิดต่างๆ ที่ผุดออกมาของอาจารย์เอก

หากกำลังปัญญาเราน้อย เราก็จะเข้าใจว่า นี่เจ้าของกำลังฟุ้งซ่าน

ความฟุ้งซ่านตรงนี้นี้ สำหรับผู้ฝึกจริงจังมาอย่างยาวนาน

มันคนละตัวกับความฟุ้งซ่านของผู้เริ่มฝึก หรือฝึกมาไม่นานที่เรียกว่า นิวรณ์

เพราะความที่อาจารย์เอกเข้าไปยึดและเป็นเจ้าของอาการสงบ ที่โดนย้อมมากว่ายี่สิบปี

อาจารย์เอกย่อมไม่พอใจ ในอาการไม่สงบแห่งจิตที่เป็นความคิดมันผุดขึ้นมา

มีอาจารย์ทางสมาธิหลายท่าน ที่มีอาการแบบอาจารย์เอก

คือทึบตันไปต่อไม่ได้ ดูเหมือนเหล่าลูกศิษย์จะมีสมาธิล้ำหน้า

นี่เป็นเพราะว่า เหล่าผู้ปฏิบัติมาหลายปี เอาความเป็นอัตตาเข้าไปเป็นเจ้าของอาการที่มันเกิดเป็นธรรมดา

ไม่เข้าใจความเป็นธรรมดาของอาการแห่งจิต ที่เป็นธรนมดาของมัน

ความคิดนี่..เป็นอาหารแห่งจิต ที่มันปรุงแต่งขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องอยู่

นักสมาธิ ที่เห็นจิตตนเองปรุงแต่ง เข้าใจว่าตนนั้นมันเกิดอาการฟุ้งซ่าน

ที่จริงการเห็นอาการฟุ้งซ่านนั่น นั่นแหละครับ ท่านมีสมาธิ

เพราะมีสมาธินี่แหละ ท่านจึงได้มองเห็นและสำผัสกับมัน

หากไร้สมาธิ เจ้าของจะมองไม่เห็นความฟุ้งซ่าน ที่มันมีที่มันเป็น ในความเป็นธรรมดาของมันตามเหตุปัจจัย

สำหรับนักสมาธิ ขอให้มีสัมปชัญญะตามรู้อาการคิดที่มันปรุงขึ้นมาเถิด

มันเป็นอาการสงบอย่างหนึ่ง ที่เจ้าของเอาสัมปชัญญะเข้าไปจรดจ่อ

ความคิดปรุงแต่งที่มีสัมปชัญญะเข้าไปจรดจ่อตามรู้นี่แหละ

มันจะเกิดปัญญาขึ้นมาในสมาธิให้กับเจ้าของ

ความสงบไร้การปรุงแต่งใดๆในสมาธินี่ ก็อย่างหนึ่ง

ความคิดปรุงแต่งหลากหลายที่เจ้าของเห็นและตามรู้นี่ ก็อย่างหนึ่ง

ทั้งสองอย่าง หากมีสัมปชัญญะจรดจ่อตามรู้

นี่เรียกว่าวิปัสสนาญานทางด้านสมาธิด้วยกันเหมือนกันทั้งคู่

เราเป็นเพียงผู้ดูครับอาจารย์ ไม่ใช่เจ้าของที่เข้าไปแสดงตัวว่า…กูเป็น..!!

พระธรรมเทศนา วันที่ 17 มิถุนายน 2559 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง