เราเข้าใจเรื่องธรรมดาได้แค่ไหน

เราเข้าใจเรื่องธรรมดาได้แค่ไหน

361
0
แบ่งปัน

****** ” เราเข้าใจเรื่องธรรมดาได้แค่ไหน ” *******

หวัดดี…

ชีวิตกับความตายนี่ มันอยู่ใกล้กัน พวกเรานี่พากันประมาทน่ะรู้ไหม..

เรื่องอารมณ์นี่ ใครมันก็มีเป็นธรรมดา พระอรหันต์ท่านก็มี แต่ท่านอยู่ร่วมกับกระแสมันได้ ด้วยความเข้าใจ ว่ามันเป็นธรรมดาของมันอย่างนั้น

แต่พวกเรา มันไม่เข้าใจ พวกเรามันเป็นประเภท กูเป็น กูกำลังเป็น และกูเป็นไปแล้ว เราจึงพากันว้าวุ่นในสิ่งที่เราไม่ชอบใจ

อะไรที่เราไม่ชอบใจ มันก็จะวนอยู่กับสิ่งนั้นๆ จนหาทางออกไม่เจอ หลายคนจำยอม และคลุ้มคลั่ง หงุดหงิดและจรดจ่อกับความที่มันไม่ชอบใจ หรือแม้สิ่งที่ชอบใจถูกใจ เราก็จรดจ่อกับมัน

อะไรที่ชอบใจ มันก็มาทางด้านภูมิใจ ดีใจ ยินดี ที่ได้พบได้เจอ อะไรอย่างนี้

ทั้งถูกใจและไม่ถูกใจ มันเป็นธรรมดาของอาการแห่งใจที่ผัสสะ บางคนใช้วิธีหนี บางคนใช้วิธีเข้าสู้

แต่ทั้งสองวิธี มันไม่ได้ช่วยให้มันดีขึ้นได้ มันมีแต่ได้กับไม่ได้ ใช่กับไม่ใช่ มันกลายเป็นเจ้าของตัวตน ที่จะให้ได้ดั่งใจไปซะ

คนมีปัญญานี่ ท่านเรียนรู้ที่จะเข้าใจมัน ไม่ใช่เพื่อสู้หรือว่าเดินหนี ได้หรือไม่ได้ ชนะหรือแพ้ ถูกใจหรือไม่ถูกใจอะไร ไม่ใช่อย่างนั้น

เราพึงเรียนรู้ที่จะถอยออกมาทำความเข้าใจ ว่าสรรพสิ่งทั้งหลาย ที่มาผัสสะต่อเรา ทั้งที่ถูกใจและไม่ถูกใจ มันก็เป็นอาการธรรมดาของจิต ที่มันเป็นธรรมชาติของมันเช่นนั้นเอง

ความว้าวุ่นทั้งหลาย มันก็มีอยู่อย่างนั้น เรามองเห็นความว้าวุ่น ให้เป็น ว่ามันเป็นธรรมดา ของจิตปรุงแต่งที่มันเป็นธรรมดาธรรมชาติของมันเช่นนั้น

ที่เราทุกข์ เพราะเราไปให้ค่ายึดในความเป็นเจ้าของแห่งผล ที่มันปรากฏ

เราไม่รู้ว่า เราจะยึดหรือไม่ยึด มันก็ปรุงของมันออกมาเป็นของมันเช่นนั้นนั่นแหละ

พระอริยเจ้า ท่านจึงเอาสมาธิมาข่มเวทนาอย่างนี้ หากไม่ข่มเวทนาอย่างนี้ ท่านก็อยู่ร่วมกับอารมณ์ที่มีที่เป็นได้โดยไม่เดือดร้อน

แม้ว่ามันจะมีสัญญาปรุงให้ใจมันเดือดร้อน ความเดือดร้อน มันก็เดือดร้อนไป

ท่านผู้มีปัญญาท่านเข้าใจอาการธรรมชาติของมัน ว่ามันเป็นธรรมชาติแห่งการปรุงแต่งเช่นนี้เป็นธรรมดา

เหมือนกับเรื่องของคำว่ากิเลส เราไม่ได้ฝึกเพื่อไม่ให้กิเลสเกิด หรือเพื่อไม่ให้มีกิเลส

แต่เราฝึกเพื่อให้มีปัญญารู้ว่า กิเลสมันก็เป็นของมันเช่นนี้เป็นธรรมดาของมัน

เราจะอยู่กับมันได้ไหม โดยไม่เดือดร้อน และเอาตัวเข้าไปเป็นเจ้าของที่มันมีที่มันเป็น

นี่..ความเข้าใจในเรื่องปัญญา มันมีความหมายซ้อนๆ กันเช่นนี้ เรามีสติกำลังปัญญาจะรู้ทันมันไหม…

หากเราฝึกสมาธิ เราก็จะมีกำลังป้องกันตัวมันได้ และใช้ปัญญาเท่าที่มีกำลัง เข้าไปเข้าใจมัน การเข้าใจมัน ว่ามันเป็นธรรมดาของมันเช่นนั่นเองนี่

มันจะยืนอยู่บนโลกใบนี้ได้ ด้วยความเข้าใจว่า…

สรรพสิ่งทั้งหลาย มันเป็นธรรมดาของมันเช่นนั้นเอง มีแต่เรานี่แหละ ที่ไปเสือกเป็นกูเป็นในทุกๆ เรื่อง

ตรงนี้นี่ มันอาจเข้าใจยากกับทุกๆ คน แต่ไม่ยากที่จะถอดถอนตัวตน ด้วยความเข้าใจในภูมิปัญญาเท่าที่เรามี

ว่าทุกสิ่งใดๆ บนโลกใบนี้ มันก็มีความเป็นธรรมดาของมันเช่นนั้นเอง เป็นแต่กูนี่แหละ ที่เสือกเป็น

คืนนี้สวัสดี..

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 5 พฤษภาคม 2559 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง