เราเลือกได้ที่จะใหญ่เกินกรรม

เราเลือกได้ที่จะใหญ่เกินกรรม

429
0
แบ่งปัน

******* ” เราเลือกได้ที่จะใหญ่เกินกรรม ” *******

<< มีคนถามเกี่ยวกับเรื่องกรรมที่ตนได้ทำว่าการกระทำของเขานี่ มันทำให้เกิดกับลูกหลานและญาติพี่น้องหรือไม่

เพราะลูกเป็น ออทิสติกบ้าง พิการบ้าง ไม่สมประกอบบ้าง

นี่เป็นกรรมที่เกิดจากการกระทำของเขาหรือเปล่า

<< ข้าจะขยายให้ฟังพอคร่าวๆ

…กรรมอันได้กระทำไปแล้ว ย่อมมีวิบากเสวย

แต่กรรมนี้ไม่เกี่ยวกับลูก หรือครอบครัวหรือคนอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

การที่เราเห็นว่า คนใกล้ชิด เช่น ลูก หรือคนในครอบครัว เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้นี่

มันเป็นวิบากของแต่ละคนและเฉพาะคนเฉพาะตน

เพียงแต่วิบากนั้นของแต่ละคน มันมาให้ผลร่วมกันเพื่อแสดงผลซึ่งกันและกัน

อย่างเช่น…

เราฆ่าลิง แล้วมีลูกออกมาหน้าตาเหมือนลิง พิการ และฝั้นเฝือ

นี่..เป็นวิบากของลูกที่เขาทำเอาไว้ และเขากำลังรับผลสนองวิบากของเขา ในสิ่งที่เขาได้กระทำลงไป

ไม่ใช่ว่า เราผู้ฆ่าลิงจะไปทำให้เขาเป็น เขาเสวยผลวิบากของเขา ที่ปรากฏรูปออกมา มีวิบากเช่นนั้น

ส่วนเราผู้ฆ่า ที่ต้องรับผล

เพราะเหตุวิบากแห่งการเบียดเบียนนั้น ที่เราก่อวิบากมา

เราถึงได้รับผลวิบาก โดยมีทายาท และลูก ที่ต้องมารับผลวิบาก จากลูกที่เป็นวิบากเช่นนี้

เราทรมานใจ ที่ลูกเราเป็นเช่นนี้ นี่เป็นวิบากทางใจ ที่เราต้องเผชิญ

ความทรมานใจนี้ เป็นผลอันเกิดจากวิบากของเราที่สร้างมา ไม่ใช่เราทำให้ลูกเขาเป็น

แต่การที่ลูกเขาเป็น มันเกิดจากวิบากของลูกที่เขาทำของเขามาแต่ก่อนเก่า

เรา..เป็นผู้เสวยผลแห่งวิบากที่เราต้องรับ จากที่ลูกเขาเป็นเช่นนั้น

นี่..ผลแห่งการเสวยกรรม มันเป็นของใครของมันไม่เกี่ยวกันเพราะเกิดจากเราทำให้เขาเป็น..!!!

ส่วนลูกที่เขาเป็นเช่นนั้น และต้องมาให้ผลวิบากต่อใจเรา

นี่เป็นธรรมชาติแห่งกรรมนิยาม จิตนิยามและ ธรรมนิยาม ที่เป็นกรรมคือวิบาก

ที่มันมาให้ผลสืบเนื่องต่อกัน ด้วยกระแสแห่งบุญบาป มาให้ผลอาศัยซึ่งกันและกันเป็นกฏ อิธทัปปัจจยตา

อาศัยสิ่งหนึ่งมี เพื่อสิ่งหนึ่งจะได้มี

เรื่องกรรมนิยามหรือธรรมชาติแห่งมวลกรรมนี้ มันมีองค์ประกอบของปัจจัยมากมาย

ลูกเราอาจเป็นผู้สร้างกรรมมาดี ในด้านของทาน แต่เบียดเบียนสัตว์

เช่นนี้ ผลแห่งทาน ทำให้เขามีที่อยู่ ที่อาศัย อยู่ดีกินดี แต่ผลของการเบียดเบียน ทำให้เขาต้องมารับผลวิบาก ในรูปแห่งความพิการ

ลูกคนรวยหลายคนเป็น ออทิสติก เอ๋อ ปัญญาอ่อน หรือรูปลักษณ์ผิดแผกแหวกไปจากผู้คนทั้งหลาย

ทั้งๆที่พ่อแม่ก็เป็นผู้ทำบุญ และไม่เบียดเบียนใคร

แต่ลูกก็เกิดออกมาเป็นคนเช่นนี้

อย่างนี้เป็นผลวิบากที่มาให้ผลด้วยเหตุปัจจัยของแต่ระฝ่ายเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน

เป็นเศษกรรมที่แต่ละฝ่ายต้องเผชิญกันไปตามผลแห่งวิบากที่มาให้ผล

วิบากนี้ เกิดจากกรรมอันเป็นวาจา คือการแสดงออกมาที่เป็นกรรม

กรรมเช่นนี้ให้ผลต่อผู้รับผล ในการแสดงรูปลักษณ์ที่ไม่น่าโสภาและสมบรูณ์เป็นปกติออกมา

ผู้เป็นน่ะไม่ทุกข์ เพราะเหตุที่ตนเป็นและเสวยผล

แต่ผู้คนทั้งหลาย เขาเห็นรูปลักษณ์และท่าทางที่แสดงออกมา เป็นเรื่องน่าขำ

ผู้เป็นพ่อแม่ ทุกข์ เพราะความที่เขาเป็น

ความทุกข์ใจที่เขาเป็น เกิดจากวิบากกรรมของเราที่เราต้องเผชิญในความเป็นรูปลักษณ์ อันผิดปกติของเขา

นี่..กรรมทั้งหลาย มันเป็นกรรมใครกรรมมัน วิบากใครวิบากมัน

เมื่อเผชิญกับผลแห่งกรรม

เจ้าของผู้เผชิญ จะต้องใช้ปัญญาที่ตนเองมี ต่อสู้และยอมรับกับมันให้ได้

ว่าสรรพสิ่งใดๆทั้งหลาย มันก็เป็นธรรมดาของมันเช่นนั้นเอง

เราเลือกได้

ที่จะไปเสือกและไม่ไปเสือกกับผลแห่งวิบากกรรม

ถ้าเสือก..ก็เจ็บปวดกับผลของวิบาก และจะเป็นเหตุปัจจัยให้เป็นเสบียงกรรมสืบเนื่องกันอีกต่อไป

ถ้าไม่เสือก…ก็เจ็บปวดกับผลของวิบากเช่นกัน เพราะมันให้ผลแล้ว

แต่มีปัญญายอมรับมัน ว่าเราต้องรับผลเป็นธรรมดา

เราเลือกที่จะยอมรับด้วยความเจ็บปวด

แต่เต็มใจเจ็บปวดเพราะผลแห่งวิบากกรรม

เราก็อยู่กับผลแห่งวิบากได้ ด้วยความเข้าใจ ที่เราต้องเจ็บปวดจากผลแห่งกรรมเป็นธรรมดา

สิ้นอัตภาพซึ่งกันและกัน ผบแห่งวิบรกกรรม มันก็จบลงเพียงแค่ครั้งเดียว

เรา…เป็นผู้เลือก ที่จะดับหรือก่อ ด้วยตัวของเจ้าของเอง

หากก่อ ก็เป็นสมุทัย ผลคือทุกข์สืบๆต่อๆกันไป ไม่มีที่สิ้นสุด

หากดับ ก็เป็นมรรค ผลคือนิโรธะ สงบ เย็นและสิ้นสุดกับมันด้วยความเข้าใจมัน

เรา..เป็นผู้เลือก ไม่ใช่ กรรมมันเลือกหนทางที่เราจะเดินต่อไป หลังจากที่เราต้องเผชิญกับมัน

นี่…เราเลือกที่จะใหญ่เกินกรรมได้ ด้วยหัวใจของตัวเราเอง….!!

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 2 พฤษภาคม 2559 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง