ธรรมดาที่ความเป็นอัตตาเข้าไม่ถึง

ธรรมดาที่ความเป็นอัตตาเข้าไม่ถึง

388
0
แบ่งปัน

****** ” ธรรมดาที่ความเป็นอัตตาเข้าไม่ถึง “********

เรื่องตัณหาราคะที่ผุดออกมาจากใจนี่ คนเข้าไม่ถึงมันต้านยาก

ต่อให้วินิจฉัยวิปัสนาญาณแค่ไหน ในเรื่องของรูป มันก็เกิด

ข้านี่ ถอดออกมาเป็นชิ้นๆ เห็นชัดถึงความสกปรกและเป็นรังเป็นโลกของเหล่าสัตว์เล็กสัตว์น้อย

หยิบตรงไหนออกมาจากร่าง ที่แสนโสภา

อะไรที่หยิบออกมา แม่คุณเอ๋ย

มันเต็มไปด้วยตัวอะรูมิไร เต็มไปหมด มันน่าขยะแขยงสยองพองขน

ร่างที่ว่างาม ขาวผ่องเป็นยองใย แกเชื่อไหมว่ามันสกปรกโคตรจนไม่กล้าแตะ

ช่วงพิจารณาด้วยญานมันจะเห็นชัด

มันเหมือนเราเอากล้องเทเลฯ มาขยายเห็นสัตว์น่าสยองต่างๆ ที่ออกมาจากเรือนกาย

ความเห็นชัดแห่งรังเหล่าเชื้อที่มากหลาย มันทำให้ข้านี่ อ้วกแล้วอ้วกอีก

อ้วกจนออกลม เรียกว่าอ้วกลม มันอ้วกจนจุกไปหมด ด้วยความสะอิดสะเอียน

นึกถึงไอ้โต้งมัน โอ้โต้งมันยังชอบเขี่ยขี้ไก่ มันมองไม่เห็นว่าเป็นขี้ไก่

มันจึงชอบเอาตีนไปเขี่ยๆ เผื่อได้จิก โอ้โต้งมันยังชอบ เขี่ยขี้ไก่อยู่

นี่…ถึงแม้ว่าข้าจะขยายและวินิจฉัยเห็นชัดจนอ้วกแตก

ไม่อยากแตะต้องแม้แต่กายตนเอง

ไฉนเลยกายอื่น มันจะอยากเข้าไปแตะ

แต่มันจะมีอาการช่วงญานมันรุนแรงนั่นแหละ

แค่คนพูดออกมา ข้านี่ก็เหม็นซะแล้ว โน่น..ต้องเข้าป่าไปอยู่กะต้นไม้โน่น

พอวินิจฉัยต้นไม้ ต้นไม้ก็สกปรกอีก

อากาศก็สกปรก

ดิน น้ำ ลม มันก็สกปรก

มันเห็นชัดถึงเหล่าสัตว์ที่มันแฝงอยู่ในสิ่งเหล่านี้ เป็นเพียงแต่เรามันมองไม่เห็น

นี่..ตรงนี้ ทำให้ข้าได้เห็นใจตนเองว่า…

การรังเกียจสิ่งหนึ่ง เพราะรู้ว่ามันน่ารังเกียจนี่ มันเป็นหนทางโต่ง ที่เต็มไปด้วยอัตตา

มันไม่ใช่หนทางแห่งพุทธ ที่เป็นปัญญา

ตรงนี้นี่ ศาสนาอื่นๆ เขาก็เป็นกัน และมีอาการอย่างที่ข้าเป็นนี่แหละ หากปฏิบัติวินิจฉัยลงไป

มันก็จะเกิดอาการและเป็นกันทุกคน เพราะอาการที่เป็นนี่แหละ

คนมันจึงเอาไปยึดกันว่า รูปนี้ มันน่าขยะแขยงรังเกียจ

และมันก็จะรังเกียจ ด้วยการปฏิเสธรูปไปเลย

แล้วเอาการปฏิเสธรูปว่าเป็นของสกปรก เพราะประจักษ์ตาแจ้งด้วยตนเอง เอามาโชว์เป็นนิยามแห่งตน

ว่าตน เป็นผู้ที่ไม่มีกาม ไม่เอารูปที่น่าขยะแขยงนี้อีกต่อไป

นี่..ปุถุชนที่ยังเป็นอัตตาล้วนๆ เนื่องด้วยการฝึกปฏิบัติและวินิจฉัยธรรม

จนเข้าใจว่าตนรู้แจ้ง และไม่เอาไม่สนใจรูปทั้งหลายอีกต่อไป

นี่..พวกอัตตาธรรม เอาธรรมที่รู้เห็นมาเป็นตัวตน

มันเป็นแค่เพียง ขยับจากอีกฟากหนึ่งไปสู่อีกฟากหนึ่งเท่านั้น

ถ้าไม่รู้ไม่เห็น มันก็ชอบ ก็รัก ก็หวง พอปฏิบัติรู้จนแจ้งใจ มันไม่เอา มันแขยง มันทิ้งและหนีห่าง

มันถอยไปสู่อีกฟากหนึ่งที่ตรงกันข้ามกับเอา คือไม่เอา

มันไม่รู้ตัวว่า มันเป็นใจ เอา…ที่จะไม่เอา เพราะการเอาที่จะไม่เอานี่แหละ มันจึงเป็นอัตตาตัวตนที่โต่ง และโต่งจัดซะด้วย

นี่…ทั้งเอาและไม่เอา มันเป็นวิถีปุถุชนที่ยังเข้าไม่ถึงความเป็นพุทธ เสมอกันทั้งคู่

ความเป็นพุทธ ไม่ใช่การดำเนินมาทางเอาหรือไม่เอา

ความเป็นพุทธ ดำเนินมาทางปัญญาที่ทำความเข้าใจ ว่ามันเป็นของมันอย่างนี้

ไม่ใช่ว่า จะเอาหรือไม่เอา…

ฉะนั้น.. พวกเราจะเห็นชัดได้โดยปัญญาเราเลยว่า…

การชี้สอนและบอกกล่าวของเหล่าสงฆ์ไทย มักจะสอนให้ถอยไปอยู่อีกฟากหนึ่ง ที่ตรงกันข้ามกับตัณหา

นี่..ตรงนี้แหละ มันเป็นอัตตาธรรม ที่ยังเข้าถึงความเป็นพุทธะคือปัญญาไม่แจ่มใส

มันยังเป็นภัยต่อใจเจ้าของ ที่จะก้าวขึ้นไปสู่ความเป็นพุทธะ ด้วยความพ้นทุกข์

เราก้าวขึ้นสู่ความเป็นอริยะชนไม่ได้ ด้วยเหตุแห่งการยึดอัตตา

เราไม่เอาอีกด้านหนึ่ง เพราะว่ามันไม่ดี

เราเอาอีกด้านหนึ่งเพราะเห็นและรู้ว่ามันดีนี่เป็นอุปาทานธรรมที่เป็นอัตตาและโต่งล้วนๆ

ใครจะมาชี้ให้ชาวโลกออกจากวังวนนี้ ในเมื่อ ดีก็ไม่ใช่ ไม่ดีก็ไม่ใช่

เรา…มีปัญญาพอที่จะรับมือกับมันไหม

ความเป็นพุทธ ใช่ว่าจะเกิดกับใจใครได้ง่าย

พันปีหมื่นปี ถึงจะมีชาวพุทธ ที่เข้าใจความเป็นพุทธขึ้นมาซักคน

ขอให้พวกเรา เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น

ที่สำคัญที่พวกเอาธรรมที่แจ้งแห่งอัตตาตนมาเป็นตัวตนไม่รู้ก็คือ

แม้จะวินิจฉัยละเอียดละออ แจ้งโลกแค่ไหนในความสกปรกและน่าขยะแขยง

เมื่อกาลผ่านไป กำลังแห่งความเคยชินเข้ามาครอง ความเงี่ยนแห่งผัสสะ มันก็เกิดขึ้นได้อีก

และมันจำเป็นต้องเกิดเป็นธรรมดาซะด้วย หากกายและใจยังเป็นผู้ปกติ

นี่..ตรงนี้ ตรงจุดนี้ที่เหล่านักปฏิบัติผู้เคร่งครัดเอาเป็นเอาตาย เพื่อให้มันหายขาด และเป็นผู้ไร้กาม ก้าวไม่ผ่าน

ที่สุด มันก็จะมีอาการเหมือนแมลงวัน บินชนกระจกใส หาทางออกไม่เจอ

แม้ว่ารูออกมันจะอยู่ข้างๆก็ตามที

ตรงนี้…มันเป็นเรื่องของปัญญาอันแหลมคมล้วนๆ ที่จะทำศึกกับข้าศึกแห่งความเป็นอวิชา

หากใครปฏิบัติสอดส่องลงไปจนเห็นแจ้งแล้วแล้วว่า กายนี้ไม่โสภาไม่น่าอภิรมณ์

แต่กาลผ่านไปแล้วยังรู้สึกเงี่ยนกับรูปสวยงามที่มาผัสสะ ซึ่งเจ้าของย่อมรู้ใจตนเอง และเป็นกันทุกคน ไม่ว่าหัวหงอกหัวดำ ยาวนานพรรษา

มาหาข้า ข้าจะบอกให้ ว่าจะแก้และทำอย่างไร

แต่น่าเสียดาย เจ้าพวกนี้มันบ้าธรรม ทำตัวเป็นผู้ไร้กาม เป็นมานะที่หาทางออกไม่เจอ ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจ

และมันไม่มีทางเข้าใจความเป็นธรรมของธรรมชาติที่มันมีที่มันเป็นจองมันธรรมดา

แต่พวกขี้ข้าอัตตา มันจะพยายามทำให้ความเป็นธรรมดา ไม่ให้เกิดกับใจของตน

โดยฝืนความเป็นธรรมดา ด้วยความไม่เข้าใจในความเป็นธรรมดาที่มันมีและมันเป็นของมันเป็นธรรมดา

และมัน….จะโง่ด้วยอัตตาที่คิดว่าเป็นความดี ที่เข้าไปเป็นเจ้าของตัวตน จนตายห่าไป ด้วยความโง่ไม่เข้าใจความเป็นธรรมดาอีกชาติหนึ่ง..!!

วันที่ 26 เมษายน 2559 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง