เพ่งสมาธิจนเห็นองค์พระ

เพ่งสมาธิจนเห็นองค์พระ

331
0
แบ่งปัน

********” เพ่งสมาธิจนเห็นองค์พระ “******

ข้าจะเล่าเรื่องการเกิดโอภาสให้ฟังเอาไหม…

>> ลูกศิษย์ : เอา เอา เอาค่ะ ปูเสื่อนั่งพับเพียบรอฟังเลยค่ะ ..
>> ลูกศิษย์ : ผมจะนั่งพับเพียบพร้อมนิทราค๊อกๆ อย่างตั้งใจฟังเลยครับพระเจ้าตา _/\_

<< พระอาจารย์ : ที่จริงไม่ต้องถามก็ได้ มันเอาอยู่แล้ว ขอให้ว่ามาเหอะ ใช่ใหม..

เมื่อซักสี่สิบปีเศษมาแล้ว ข้านี่ได้บวชเณร นี่แสดงว่าข้านี่แก่แล้ว

สมัยนั้น พระพี่เลี้ยงมาจากวัดปากน้ำ

เป็นพระที่ก๋งเจ้า ซึ่งเป็นญาติกันท่านเป็นเจ้าคณะจังหวัด ได้ส่งให้ไปเรียนมหาเปรียญ

ส่วนใหญ่ยังเป็นเณร แต่เป็นเณรระดับ 7-8-9 ประโยคทั้งสิ้น

เณรรุ่นพี่ที่กลับมาช่วงดูแลเณรอย่างเรา เพราะก๋งเจ้าท่านเรียกมา

เขาก็จะมาสอนการทำสมาธิจิตโดยการระลึกถึงลูกแก้ว

พวกเราก็นั่งนึกกันถึงลูกแก้ว นึกด้วย บริกรรมด้วยว่า สัมมาอรหังๆๆๆๆ

เวลานั่งกันอยู่เป็นกลุ่มใหญ่ๆ มันนึกไม่ออก มันระแวงกัน เพราะพวกแสบๆ มันจะคอยแกล้งกัน

เอาขี้มูกมาป้ายหน้ากัน เขียนหน้ากันด้วยปากกา หรือนั่งๆ อยู่ดี มันเอาผ้าพาดหัวแล้วกระชาก

แหมม..ผมกะลังตั้งขึ้นสั้นๆ มันยึดผ้าดี ผลก็คือหงายเงิบตีนชี้ฟ้า

นี่..มันระแวง เพราะข้าก็ชอบแกล้งคนอื่นเหมือนกัน…

ฝึกกันเป็นอาทิตย์มันไม่เข้าท่า กลัวว่า คนอื่นเขาเห็นลูกแก้วแล้ว แต่เรามันเสือกไม่เห็น มันจะอายเขา

เรื่องเสียเหลี่ยมนี่ไม่ได้ มันเรื่องใหญ่

ที่เห็นชัดๆแทนลูกแก้ว ก็คือมาม่า เพราะข้าล่อก่อนลงมาทำวัตรเย็นบ่อยๆ

แหมม..เป็นเณรมันก็หิวน่ะ หัวโจ๊กสี่ห้าตัว เลยซัดมาม่ากันท้องกางก่อนลงทำวัตรแทบทุกเย็น ยกเว้น 7 วันแรกที่บวช

เพราะกว่าจะสวดมนต์เสร็จ ฟังโอวาท นั่งสมาธิ แล้วนั่งฟังพวกหลวงพ่อ เวียนมาโม้อีก

โน่น เกือบสี่ทุ่มโน่น ถึงจะได้กินโอวัลตินกัน มันก็หิวซิ กะลังโตนี่

นั่งหลับตาเห็นแต่มาม่าเป็นเส้นๆ นั่งไปน้ำลายยืดไป เอาน้ำลายไปป้ายปากคนอื่นอีก

ใจมันก็เลยระแวง ว่าคนอื่นมันก็จ้องแกล้งคืนเหมือนกัน….

ก็เลยแอบไปนั่งฝึกอยู่คนเดียวในถ้ำหลังวัดโน่น วัดนี้ เป็นวัดติดภูเขา ชื่อว่าวัดควน อยู่ที่พังงานู้น

ข้าไปแอบนั่งหลับตา นึกถึงลูกแก้ว

ก่อนไปก็เอาลูกแก้วมะเฟืองที่เป็นสีๆ น่ะ มาเพ่ง

เพ่งไปเพ่งมา มันติดตา หลับตาเมื่อไหร่ ลูกแก้วก็โผล่

มันโผล่ม่แทนมาม่าที่เป็นเส้นๆ

ทีนี้พอลูกแก้วมันนิ่งดีแล้ว เขาบอกว่า ให้ดึงเข้ามาที่โพรงจมูก ลูกแก้วมันก็ลอยเข้ามา

บริกรรมด้วย สัมมาอรหังๆๆๆ แล้วค่อยๆ เคลื่อนไปที่หน้าผาก ลงมาที่คอ หน้าอก ท้อง และวางไว้เหนือสะดือ

บ่ะ..มันเข้าท่าๆๆ มันเห็นชัดนี่ ก็เลยดูเข้าท่า

คราวนี้ก็เพ่งละ เพ่งๆๆๆๆ เพื่อให้เห็นองค์พระในลูกแก้ว เขาว่างั้น

ความสว่างกำลังจะเกิดเพราะเริ่มเรืองรองขึ้นมา

ลูกแก้วใสสว่างโพลนขึ้น เริ่มเห็นจุดเล็กๆในลูกแก้ว

ค่อยๆขยายดูโตขึ้นใกล้ขึ้น นั่น..ในลูกแก้วมี….!!

พลัน…มันก็ดับวูบลง และข้าก็หงายหลังเงิบตีนชี้ฟ้า

พร้อมได้ยินเสียงหัวเราะคิกๆๆๆ จากเจ้าพวกแสบที่ข้าเคยแกล้งมัน

มันเอาผ้าเช็ดตัว มาพาดหัวข้าที่กำลังจะเห็นพระเรืองรอง

แล้วกระชากกลับ ผลก็คือคอแทบหัก หงายหลังกลิ้งลงมาจากแท่นนั่ง

ไอ้เย๊ดแม่งงง…!! ข้าด่าลั่น ลุกขึ้นกระโดดถีบ พวกมันวิ่งหนีหัวเราะสะใจ ที่ได้เอาคืนบ้าง..!!

เมื่อนั่งในวัดไม่ได้ เพราะข้าศึกที่เป็นโจทย์มันเยอะ

ข้าก็เลยแอบขึ้นเขาไปนั่งคนเดียวหลังเลิกประชุมกันทำวัตรเสร็จ

ที่ต้องนั่งน่ะไม่ใช่อะไร เพราะพระพี่เลี้ยงเขาจะสอบอารมณ์กัน

คนอื่นเขาไปถึงไหนต่อไหนแล้ว

ข้ายังเห็นแต่มาม่าเป็นเส้นๆ อยู่เลย กะลังจะเห็นพระซักหน่อย

แค่กะลังเรืองรองทำท่าว่าจะโผล่ขึ้นมาอมยิ้ม

ไอ้พวกบ้าก็กระชากด้วยผ้า จนหงายเงิบตกลงมาหัวทิ่มอีก

โน่นเลย ไปคนเดียว อีกสองวัน เขาจะสอบอารมณ์ ตอบไม่ได้ เดี๋ยวจะไม่ได้รับประกาศณียบัตร

มันจะเสียเหลี่ยมจอมมารบลู เรื่องเหลี่ยมนี่ ต้องมีคมไว้เชือดเฉือนเสมอ

เมื่อไปถึงหลังเขา มืดก็มืด ไปนั่งนึกถึงลูกแก้วในภูเขา

จิตมันก็รวมง่าย ข้านี่ มันเอาจริง ทำอะไรทำจริง ตั่งมั่นมากในการกระทำ

แต่พอได้ยินเสียงอะไรกรอบแกรบ มันก็จะหวลกลับมาหรี่ตาดู

ไอ้พวกบ้านั่น มันจะแอบตามมาแกล้งกูอีกป่าวว่ะ

นี่..มันระแวง..!! แกล้งเขาไว้เยอะ

พอนั่งนานๆ ความระแวงมันก็คลาย

นึกถึงลูกแก้วปั๊บ ดึงเอามาไว้เหนือสะดือเลย รู้สึกว่า..

หากจะค่อยๆ เป็นไปตามที่เขาสอน มันเสียเวลาทำนานไป เกิดเจ้าพวกบ้านั้นมา ก็ไม่ต้องได้ทำกันอีก

เพราะข้าหายมา ป่านนี้มันคงรู้กันหมดแล้ว ที่รู้เพราะเวลานี้ พวกเราเหล่าเณรนิสัยดี

เราจะย่องกันไปแอบดูพวกชีพราหมณ์มันอาบน้ำกัน

นี่เป็นภาระกิจอย่างหนึ่ง แทบทุกคืน ที่เป็นข้อวัตรของพวกเราอย่างเคร่งครัด เราเป็นเจ้าของช่องส่วนตัว ของใครของมัน มุมใครมุมมัน

เมื่อจิตมันรวม ลูกแก้วก็ลอยเด่นชัด มันชัดขึ้นๆๆๆๆ เหลือแต่ลูกแก้ว กลมๆ สว่างๆ

บ่ะ..เข้าท่าๆๆ สติระลึกได้ว่า ตรงกลางลูกแก้วมีพระองค์สวย

ใจมันก็เพ่งไปกลางลูกแก้ว ยิ่งเพ่งลูกแก้วก็ยิ่งลูกใหญ่

มันใหญ่ขึ้นๆๆๆๆ เหมือนเราซูมเข้าไป และเหมือนเราโดนดูดเข้าไปในโลกของลูกแก้วที่มีแต่แสงสว่าง

แขนขา เนื้อตัว ความรู้สึกมันจับไม่ได้ มันโดนดูดเข้าไปเรื่อย

ใจเริ่มเสีย นึกถึงเพื่อนๆ ” ไอ้โจ๊กว้อย… มึงมากระชากหัวกูที กูอยากหงายหลังออกจากไอ้ลูกแก้วนี้แล้ว ”

น่าน..มันชักกลัว สติมันเต็มเปี่ยมนี่ การระลึกมันจะระลึกยังไงก็ได้

ความสว่างจ้ามันก็จ้าจนขาวโพลนไปหมด เพียงแต่ไม่ได้จ้าแบบแสบตา

เพราะคงไม่มีลูกกะตาให้แสบมั้ง มันแค่จ้าเฉยๆ

พอรวบรวมสติเพ่งความจ้า และระลึกถึงลูกแก้วใหม่

มันก็เห็นจุดเล็กๆ สีดำๆ อยู่ไกลๆ ตรงความจ้าแห่งแสงสว่างนั้น

จุดนั้นขยายใหญ่ขึ้น จนมองเห็นชัดว่าเป็นพระพุทธรูป

ฮ่า…นั้นไง ข้าเห็นพระแล้ว พระนั่งสวยลอยเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงเบื้องหน้าข้านี่เอง

อยากกราบๆๆๆ แต่ไม่รู้แขนขามันอยู่ไหน

ใจก็วิตกว่า หากเพื่อนมันมาเอาผ้าพาดหัว กระชากผมตอนนี้

พระพุทธรูปนี้ก็คงหายไปอีก ยิ่งระแวง ภาพก็ยิ่งเลือน

ซักพัก ก็เริ่มกลับมารู้สึกตัว ความมืดมิดก็กลับมาอยู่กลับเราเหมือนที่เราเพิ่งเริ่มนั่ง

เมื่อรู้สึกตัว ลืมตาขึ้นมาใจมันก็รู้สึกอิ่มเอิบ คว้าไฟฉายเดินทางกลับ เพราะตอนนี้ พวกคงรอข้ากันแย่แล้ว

ดีไม่ดี พวกสาวชีพราหมณ์ มันอาบน้ำกันเสร็จหมดแล้ว

พรุ่งนี้ไม่มีเรื่องโม้ พวกมันจะข่มเอาได้

วันนี้ทำสมาธิเห็นองค์พระแล้ว

ต่อจากนี้ ไปแอบดูชีพราหมณ์มันอาบน้ำกันมั่งดีกว่า…!!

ตอนถึงคราวสอบอารมณ์ ข้าก็เล่าอาการที่เป็นให้พระพี่เลี้ยงเขาฟังกัน

พระพี่เลี้ยงหันไปมองหน้ากัน

เพราะมีชีพราหมณ์บางคนไปฟ้องพระพี่เลี้ยงว่า มีเณรมาแอบดูพวกเธอเวลาอาบน้ำ

และข้าก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกัน

อ้าว…ลูกผู้ชาย ถ้าไม่ไปร่วมดูด้วย มันก็จะล้อว่าเป็นคนไม่แน่ ไม่กล้า หงิ๋มๆ ไป่ ไปนุ่งผ้าถุงเลย

ข้าไม่ยอมเสียเหลี่ยมหรอก เรื่องพรรณอย่างนี้

พระพี่เลี้ยงถามว่า ในองค์พระที่เห็น มีพระอยู่ในนั้นอีกไม๊

ข้าบอกว่า ยังไม่รู้ เห็นนั่งลอยอยู่องค์เดียวนี่

เขาบอกว่า ให้เพ่งองค์พระ ก็จะเห็นพระอยู่ในนั้นอีก ให้ลองดูซิ ว่าจะเห็นจริงไม๊

ได้…ข้ารับคำท้า เดียวคืนนี้จะไปนั่งจ้อง

พวกเณรพี่เลี้ยงโลกสวยเลยฮือฮาใหญ่ ต่างมองหน้ากันคงคิดว่าข้าโม้

เพราะคนมีช่องส่วนตัวของใครของมัน เวลาแอบดูชีอาบน้ำอย่างพวกข้า

มันไม่น่าจะมีมโนไปมองเห็นองค์พระได้ นี่..เขาว่ากันอย่างนั้น

งั้นได้เสียเลยไอ้รุ่นพี่…!!

คืนนี้ข้าจะกู้หน้าให้เหล่าฝูงมารในสายตาของพวกโลกสวยว่า

การแอบดูชีอาบน้ำกับการเข้าสมาธิสว่างจนมองเห็นพระน่ะ มันไม่ได้เกี่ยวข้องกัน

สมาธิก็สมาธิ จริตอันเป็นสันดานก็เป็นเรื่องสันดาน

ไม่เป็นไร ข้าจะตอบโจทย์ของพวกโลกสวยให้

ว่าธรรมทั้งหลาย มันไม่จำเป็นต้องกระทำตัวหงิ๋มๆ แล้วจะเกิดสมาธิทางธรรมและปัญญาอะไร

สมาธินี่ มันเกิดที่ใจ ไม่ใช่การกระทำต่างๆ นาๆ ที่ไม่ถูกใจใครแล้วยัดเยียดว่าไอ้ห่านี่..มันเลว..!!

พอตกกลางคืน หลังทำวัตรเย็น เราก็นั่งสมาธิ นั่งกันเป็นร้อย

พอศาลาดับไฟ ข้าก็เลยระลึกถึงลูกแก้ว

ใช้เวลาไม่นาน ลูกแก้วก็ค่อยๆ ชัดขึ้นๆ จนรวมตัวเป็นแสงสว่าง

ไม่ต้องเคลื่อนไม่ต้องบริกรรม มันก็มาอยู่ในมโนเรียบร้อย

ไม่เกี่ยวว่าจะต้องเอามาตั้งไว้เหนือสะดืออะไรให้เสียเวลา

จะย่อก็ได้จะให้ใหญ่ก็ได้ เหมือนเราซูมเข้าซูมออกได้

โลกนี้มีแต่เรา แต่เราเสือกอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้ หาร่างตัวตนไม่เจอ

เมื่อเพ่งไปตรงกลางลูกแก้ว เราก็มองเห็นพระ พระองค์เดิมที่เห็นเมื่อวาน

เพ่งพระซักพัก พระก็ใสขึ้นๆๆๆ จนเห็นจุดเล็กๆ ในความใส

เพ่งจุดนั้น จุดนั้นก็ขยายใหญ่ขึ้นจนเห็นเป็นองค์พระอีก

นี่แหละมั้งที่เรียกกันว่า พระซ้อนพระตามที่พระพี่เลี้ยงเขาบอก

ก็เป็นองค์พระเหมือนเดิมนี่หว่า

จึงเพ่งพระอีก พระก็เริ่มใส และเห็นจุดเล็กๆ อีก

พอเพ่งจุดเล็กๆ ก็กลายเป็นพระขยายขึ้นมาอีก

ก็เพ่งในอาการเดียวกันอีก มันก็จะเห็นพระซ้ำๆ อยู่เช่นนี้ไม่รู้จบ

มันก็เลยเบื่อ ไม่น่าตื่นเต้นอะไร

แต่จะกลับยังไง ในเมื่อ แขนขาตัวตนก็ไม่รู้ว่าอยู่ไหน

จึงนั่งเพ่งพระไปเรื่อย พระก็ปรากฏเวียนมาเรื่อย

พอเบื่อมากเข้า จึงหันกลับมาเพ่งความรู้สึก

ไม่เอาพระละ จะเอาความรู้สึก

ที่สุดมันก็เริ่มรู้สึกตัว เริ่มมีแขนมีขามีตัวให้รู้สึก

ที่สุดแสงสว่างก็หายไป ได้ยินเสียงรอบๆ ตัว

ปรากฏว่า เมื่อลืมตาขึ้น ก๋งเจ้าและพวกพี่เลี้ยงพระนั่งล้อมตัวจ้องอยู่

พวกเณรทั้งหลายกลับขึ้นไปนอนกันหมดแล้ว

ที่ศาลาการเปรียญ จึงเหลือข้ากับก๋งเจ้าและกลุ่มพี่เลี้ยง

เขาถามว่าเป็นไงบ้าง

ข้าบอกว่าไม่เป็นไง

เขามองหน้ากันและพูดว่า สงสัยจะนั่งหลับ

ข้ายิ้มและชักไม่แน่ใจที่เขาต่างนั่งมองกันมา

รึว่า..ความแตก พวกเขารู้แล้วว่า เราออกไปแอบดูชีพราหมณ์อาบน้ำกัน

เรื่องขโมยชมพู่หลังกุฎก๋งเจ้าอีก เรื่องปีนขึ้นไปเอาลูกนกเอี้ยงอีก

เรื่องมาม่าและขนมปังที่แอบๆ เก็บมาตุนกินยามดึกกันอีก

แต่เขาก็ไม่พูดอะไร เมื่อเห็นข้าเงียบ เขาก็ให้ไปนอน

นี่ดีนะ.. มันเป็นเวลาเกือบเที่ยงคืน

ถ้าซักสามสี่ทุ่ม นั่งสมาธิเสร็จ นั่งจนเห็นพระก็เห็นพระเหอะ

พวกเราก็อาจมีนัดย่องไปดูชีพราหมณ์สาวๆ อาบน้ำกันอีก

หรือไม่ก็โน่นเลย ชมพู่ลูกดกแสนหวานต้นหลังกุฏก๋งเจ้านั่นแหละ

นี่..ช่วงเด็กตอนเป็นเณร ที่เกี่ยวกับการทำสมาธิ

เมื่อมาวินิจฉัยในตอนนี้ จึงขอยืนยันให้โลกได้รู้เลยว่า

การเพ่งจนเห็นพระ และเห็นพระซ้อนพระซ้อนไปเรื่อยๆ มันเป็นการวนเวียนอย่างไม่รู้จบ

ไม่ได้เกิดปัญญาญาณอะไร

การกล่าวถึงภาวะนิพพานโดยมโนจิตนี่ ยังห่างไกลจากความเป็นจริงอยู่มาก

เมื่อไม่มีปัญญา มันจะเอากำลังอะไรเข้าไปวินิจฉัย และทิ่มแทงอวิชชา ที่เป็นกิเลสตัณหาผุดขึ้นมาไม่รู้จบจากใจดวงนี้ได้เล่า

นี่..ตรงนี้ ผู้ที่เข้าไม่ถึงก็จะหลงเอาคำพูดและการบอกเล่า ที่เพ้อไปเรื่อยของนักแต่งเรื่อง

เอามาเป็นนิยามสร้างนิพพานขึ้นมาล่อ

และพวกโดนล่อ มันก็ชอบซะด้วย ว่าตนเองนี่เจ๋งนั่งแล้วมองเห็นความสว่าง อย่างที่เขาว่าไว้จริงๆ

ปัญญามีแค่เปลือกเช่นนี้ อีกหลายชาติไอ้น้อง ถึงจะเกิดเนื้อเยื่อแห่งปัญญา..!!

พระธรรมเทศนา วันที่ 25 เมษายน 2559 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง