******* ” พ่ายแพ้ พึงมีชัยชนะที่จะแก้ตัว ” ******
ขอสาธุคุณให้มีแต่ความสุขความเจริญ…
พระทางญีปุ่น เขามีเมียได้
ทางจีนบางนิกายก็มีเมียได้
อย่างพวกวัชรญานนี่ เสพกามสมสู่ได้ เพราะถือเป็นเรื่องธรรมชาติ
นี่..พุทธทั้งนั้น..!!
พระพุทธเจ้าองค์เดียวกัน
แต่สาวกเสือกดันไปแตกย่อยและแยกแยะกันเอาเอง ด้วยความคิดแห่งการตีความ
เหตุหลัก ก็คือ ลอกเขามา แปลเขามา แล้วเสือกตีความไม่เป็น
เอาเหตุเอาผลแห่งตน ยัดเยียดใส่ลงไปในความเป็นพุทธะ
ที่สำคัญ..ยึดตำราจนขาดการวิเคราะห์..!!
พุทธะคือปัญญา และเป็นปัญญาของมวลมนุษย์ชาติ
เมืองไทยเรา เป็นเมืองพุทธ
แต่ความเป็นพุทธ มันเป็นพุทธแค่โดนยัดเยียดลงไปในใบทะเบียนบ้าน
เอาพุทธมาเป็นลัทธิ ที่ต้องอย่างนั้นอย่างนี้
ไอ้เหี้ยย..!! คนมันมาบวชน่ะ มันมาตายกันอยู่แล้ว มันแสวงหาความดับ
บวชเพื่อค้นหาความจริงบนหัวใจดวงนี้
นี่ส่วนใหญ่ บวชกันเพื่อมาเกิด บวชมาแสวงหาการก่อ
มันก็อ้างการบวช ถากหัวห่มฝาด มาขู่ผู้คนเพื่อให้ยอมสยบต่อชุดนักรบธรรมกัน มันก็แค่นั้น
คนที่มันแจ้งในธรรม มันก็อาจหาญ ไม่จำเป็นต้องมีความเป็นอยู่อย่างเด็กน้อยเรียนอนุบาลหรอก
บวชให้จริง คนมันก็นอบน้อมยอมรับและนับถือ
โน่น..มันนับถือกันไปยันผีทะลุไปถึงเทวดาโน่น
เอาให้มันจริง ตายเป็นตาย อย่างจริงแค่เพียงลมปาก
คนจริง หากเจอคนจริง มันก็คารวะต่อกันด้วยความจริงใจจากใจด้วยกันนั่นแหละ
ส่วนพวกเหยาะแหยะ มันก็แค่เอาชุดฝาดไว้ขู่ชาวบ้าน ด้วยเอานรกมาขู่ เอาสวรรค์มาล่อ
นี่..ไอ้พวกบวชเข้ามาเพื่อแสวงหา
เราก็ถอยออกมาคิดและพิจารณากันบ้าง ก่อนที่จะไปนอบน้อมและเชื่อฟังใครผู้ใดที่มันต่างถากหัว
พวกที่บวชเข้ามานี่ มันก็มีหลายประเภท
บวชเพื่ออยู่ด้วยสัจธรรมที่ตนเล็งเห็นก็มี
บวชเพื่อแสวงหาสัจธรรม นี่ก็มี
บวชเพื่อเผยแพร่สัจธรรม นี่ก็มี
บวชเพื่อประทุษร้ายต่อสัจธรรม นี่ก็มี
พวกบวชเข้ามาแล้ว ไม่เหี้ย และรู้ตนเองว่าไม่เหี้ย นี่…ดีเลิศ
พวกบวชเข้ามาแล้วไม่เหี้ย แต่ไม่รู้ตัวว่าตนเองไม่เหี้ย นี่..เหี้ย
พวกบวชเข้ามาแล้วเหี้ย และรู้ตนเองว่าเหี้ย นี่…ยังพอพ้นจากความเป็นเหี้ยได้
พวกบวชเข้ามาแล้วเหี้ย และไม่รู้ว่าตนเองนั้นเหี้ย นี่…ไอ้เหี้ยหนัก อย่าเข้าใกล้มัน
มนุษย์เรามันมีสัญชาติญาน ตัวหนักสุดก็คืออารมณ์ เราคุมมันไม่ได้เลย
บวชมาแล้วคุมอารมณ์ไม่ได้ ปล่อยให้มันแตกกระจายไปตามความโง่ในสิ่งที่ตนหลงและยึด นี่…บวชมาโมฆะ
นักบวชร้อยละ 99 % ชักว่าวหมด ไม่เว้นแม้เหล่าพวกชี ที่หาทางออกด้วยการช่วยตัวเอง
เรื่องพวกนี้ ไม่ค่อยมีใครชี้ให้เหล่าชีฟัง เหล่าชีจึงเล็งความเห็นว่า การช่วยตัวเอง ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน
มันดีกว่าการไปหลับไปนอนสมสู่กัน
และเพราะความคิดที่ว่า ตนเป็นแม่ขาว ไม่ใช่พวกเหล่าขมิ้น คงไม่เป็นไร
นี่…เมื่อไม่มีคนชี้แก้หนทางให้ เหล่าชีและชายขมิ้น ที่บวชเข้ามา เมื่อถึงอารมณ์หนึ่ง ต่างพ่ายแพ้ต่อใจที่ทะลักทิ่มแทงด้วยอารมณ์เปลี่ยวทั้งสิ้น
ไม่เลือกว่า แก่ สาวหรือหนุ่ม นี่…บวชแล้วพ่ายแพ้
พวกพ่ายแพ้นี่ อยู่ที่ใดก็ไม่ได้รับการสาธุคุณ มีแต่พวกตาบอดนั่นแหละ หลงสาธุคุณ
เหล่าพรหมเทวา เทวดาทั้งหลายท่านไม่ยุ่งกับพวกมักมากเหล่านี้ เพราะพวกนี้คือพวกพ่าย
พวกพ่ายคือพวกที่ไร้เรี่ยวแรงจะสู้ พวกมันหดหู่อยู่แต่ในกระดอง ที่เป็นชุดนักรบ
มันแค่เอาชุดนักรบที่อาจหาญในมหาสงครามใหญ่ มาสวมใส่เพื่อข่มขู่ อวดโชว์ต่อชนทั้งหลาย
มาซิ..มาประกาศต่อหน้าข้า ว่าต่อไปตราบเท่าที่มีลมหายใจ
เจ้าของจะตั้งสติไม่ใหลลงไปในกระแสแห่งความแพ้พ่ายใจที่มีตัณหาผุดขึ้นมา ในด้านแห่งกาม
เอาข้าเป็นที่ตั้งได้ ประกาศออกไป เพราะผีมันเคยมาชี้หน้าข้าไว้ว่า
ไม่ว่าจะพูด จะคิด จะทำอะไร เหล่าผีมันรู้กันไปทั่วทั้งสามโลก
นี…มันมายืนยันอย่างนี้ เพราะเหตุที่มันประจักษ์ใจเช่นนี้ พรหมจรรย์แห่งความเป็นเพศบรรพชิตมันจึงครองตัวมาไว้ได้
ไม่งั้นก็คงกระจายเป็นพรหมจัญไรไปหมดแล้ว ของมันชอบอยู่ เรื่องเหี้ยๆเหล่านี้
เมื่อมาปราวณาตัวใหม่กับผู้มีพรหมจรรย์ ว่าเราจะรักษาพรหมจรรย์
ความเป็นพรหมจรรย์ต่อใจเราก็จะปรากฏขึ้นในใจ และเหล่าพรหมเหล่าเทวาเหล่าผี เขาจะเป็นพยานใจให้
ว่าไอ้ใจจัญไรดวงนี้เนี้ย…มันอยากตะกายไปให้พ้นห้วงแห่งบ่ออาจม
เรา…จะสมภูมิและแข็งแกร่งขึ้น ในสมรภูมิแห่งมหาสงครามที่เรา กำลังรบกับมัน ในชุดนักรบที่เราแสนภาคภูมิใจ
เรา…จะได้หลุดจากไอ้จัญไร ที่อ่อนแอ ง่อยเพลี้ย อมโรคแฝงซ่อนหลบตัวอยู่ในชุดนักรบไปซะที…!!!
วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2559 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง