ธรรมทั้งหลายสิ้นสงสัยได้ด้วยเหตุปัจจัย

ธรรมทั้งหลายสิ้นสงสัยได้ด้วยเหตุปัจจัย

321
0
แบ่งปัน

****** “ธรรมทั้งหลายสิ้นสงสัยได้ด้วยเหตุปัจจัย “******

หวัดดี…

ตอนนี้ขาดคนผูกเหล็กว่ะ เหลือสองเสาสุดท้าย

>> ลูกศิษย์ : ผูกวันเสาร์ เดวไปช่วย ให้กำลังใจ…

<< พระอาจารย์ : ตลก ผูกวันเสาร์

มันต้องประกอบแบบอีก

ค้ำยันอีก

ขนทราย

ขนปูน

ขนหิน

เท..

เลิก..!!

สรุปไม่ทันว่ะ

นับจากเมื่อปี 52 เราได้ตั้งเสาเอก ตอนนั้น ตั้งขึ้นมามั่วๆ แบบประมาณว่า เราจะวางเสาคู่นี้เป็นปฐมฤกษ์ ตั้งคู่เอาไว้

แต่ละทิศก็กะๆ เอาไว้ว่า หันไปทางทิศนี้ ซ้ายขวา น่าจะประมาณนี่ อะไรอย่างงี้

เสาเอกเราอยู่ยงคงกระพันมา 7 ปี ที่สุด เราก็มาตั้งกิตไลย์เสาใหม่ และออกมาเป็นรูปร่างที่เป็นทุกวันนี้

แต่เสาเอกจริงๆ น่ะ ร่นลงไปอีก สามเมตรกว่า เสาแรกที่ว่าเป็นเสาเอกนี้ ก็เลยเป็นเสาประกอบไป

คือตอนแรก ตั้งไว้เป็นเสาเอก เพราะยังไม่คิดออกแบบ เสาเอก ที่เป็นอยู่ตอนนี้

คือไม่ได้ออกแบบเสาเพื่อป้องกันแผ่นดินไหว เราใช้เสาเป็นคู่ๆ ไป

จึงเอาเสาแรกที่เราสร้างขึ้นมา เป็นเสาเอก ที่จริงตอนเทเสาแรก ข้าก็ออกแบบไว้เสร็จแล้วนะ ตำแหน่งเสา มันจึงมีขึ้นมาได้

ทีนี้ มาถึงตอนนี้ เสาเอกที่เราเคยเทไว้เมื่อปี 52 กำลังเป็นเสาสุดท้าย ที่เรากำลังจะทำและเทกัน

นี่..มันเป็นอะไรที่เริ่มต้นและหวลคืนไปสู่จุดแรก

ที่สำคัญ.. มันเป็นการจบการเทและการตั้งเสาชั้นแรกแล้วเสร็จ

ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น…

มันกำลังแล้วเสร็จแบบไม่น่าเสร็จ ในวันที่ครบรอบแห่งการสิ้นสงสัยในธรรมทั้งปวง ที่เกิดขึ้นกับใจข้า

นี่..เราเห็นอะไรไหม..??

มันเหมือนหนึ่งซีรี่ย์ ที่บางอย่าง มันออกแบบโปรแกรมมา มันช่างเหมาะเจาะ และลงตัวอะไรเช่นนี้

นี่..เป็นเหตุบังเอิญหรือมีหนทางที่เป็นรูปแบบที่มีล่วงหน้า

เรา..ลองหาคำตอบดูซิ

หวัดดี..!!

นี่มันเป็นเรื่องของบันทึกโลกเลยเชียวสำหรับพวกเรา

เราร้อยเรียงการทำงาน พบเจออุปสรรคใดๆ มากมาย

มันเหมือนการดำเนินชีวิต ที่ดำเนินไปตามวิบากกรรม

ที่สุด เราก็ถึงวันสิ้นความสงสัย ในความสงสัยทั้งหลาย

และเราก็มาสร้างมาทำพระกัน

ที่สุด มันก็กำลังเสร็จสิ้นเช่นกัน เมื่อครบรอบวัน แห่งความสิ้นสงสัย

ที่สำคัญคือ มันไม่น่าเชื่อว่า เราจะจบฐานชั้นแรกได้ ในวัน ที่เราเคยจบภพจบชาติ แห่งความสงสัยในสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งมวล

โลกนี้…มีอะไรที่เหนือคาดเดาอยู่เสมอ..!!

ที่จริงแค่เทเสร็จเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่ ถือว่ามหัศจรรย์มากแล้ว สำหรับข้า

เพราะไม่ได้คาดหมายว่า เราจะเดินทางคลานมาไกลถึงเพียงนี้

เพราะก่อนหน้านี้ เราไม่มีทีท่าว่าจะเทได้ แม้แต่จะตั้งเสาให้ครบ ก็คงเป็นไปไม่ได้

แต่ มันเกิดขึ้นไปแล้ว..!!

นี่..มาอาทิตย์นี้ ฐานชั้นหนึ่งกำลังจบ

และจบลงในวันครบรอบสิ้นสงสัย ที่เราได้แกะสลักประทับเรื่องราวไว้ที่ต้นเสาเอก

ข้าเข้าใจเลยว่า นี่เป็นการช่วยสาธุโมทนา ร่วมกันทั้งสามโลก ฟังดูมันตลกและงมงายอย่างโลกเขาว่า

เทพเทวาที่ไหนเขาจะมาร่วมโมทนา เอาเป็นว่า ข้าเห็นโง่ๆออกไปแบบนั้น

และพวกเรา มีสองมือน้อยๆ เป็นหนึ่งอยู่ในสามโลกธาตุนั้น

ข้าคิดว่า เหล่าเทพพยาดา คงอยากให้ทุกอย่างจบลงในวันที่ข้าสิ้นสงสัยน่ะ

กว่าข้าจะสิ้นสงสัย มันต้องเผชิญอะไรมากมาย

แต่เมื่อสิ้นสงสัย ทุกอย่างก็ละเอียดขึ้นมาทุกอย่าง

ทั้งทางธรรม ที่ข้าไม่เคยยืนยันได้มาก่อน ทั้งๆ ที่มันก็รู้มาก่อน ว่ามันมีร่องเช่นไร

แต่มันยืนยันไม่ได้ เพราะเหตุและผล มันยังตีกันเอง เมื่อถึงจุดหนึ่ง

อย่างเช่น..

ข้ารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับร่างกาย ว่ามันไม่ใช่เรา และสกปรกเน่าเหม็นเพียงไร

ไม่ว่าจะเป็นรูปงามปานเทพธิดาไหนๆ

ข้าถอดออกสอดส่องชำแหละ เข้าถึงความเป็นจริงทุกชิ้นแห่งเรือนกาย

จนมันอ้วกออกมา และแสนรังเกียจกาย มันเข้าใจแล้วว่า ทำไมพระสมัยโบราณถึงจ้างคนมาฆ่าตัวแห่งตน เพราะความรังเกียจเรือนกายที่พิจารณา

นั้นเพราะใจมันเกิดภาวะที่สะอิดสะเอียนในเรือนร่างแห่งกายตน

แบบคนสะอาดแต่งตัวดี แต่ดันมีซากหมาเน่าแขวนไว้บนคอ

นี่..มันจะต้องเอาหมาเน่าออกจากคอสถานเดียว

มันทนกับความสะอิดสะเอียนหมาเน่าที่แปะและแขวนอยู่กับคอตนเองที่แสนสะอาดไม่ไหว

ภาวะนี้.. มันก็เหมือนกัน มันสะอิดสะเอียนกาย เพราะพิจารณาลงอย่างเด็ดขาดและเห็นแจ้ง

มันสอดส่องมองเห็นความจริงทุกจุด

มันเต็มไปด้วยเหล่าหนอนและตัวเชื้อโรค แฝงอาศัยอยู่ทุกตะรางนิ้ว ในเรือนกายนี้

เดินพิจารณาไปก็อ๊วกไป มันอ๊วกลม มันอ๊วกซะจนจุกไปทั้งร่าง มันอยากหนีเรือนร่างนี้ไป

ดูมือดูเท้าดูท้อง มันมีแต่ความสกปรกเป็นที่อยู่ของเหล่าสัตว์และความเน่าเหม็น

มันทรงตัวอยู่ได้ด้วยอำนาจแห่งธาตุไฟ ไฟที่มันเผาผลาญ ไม่ให้ก้อนเนื้อมันเหม็นเน่ามากไปกว่านี้

นี่..กายเราเป็นเช่นไร กายอื่นก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน

ราคะตัณหาเกี่ยวกับอิสตรี มันหดหายไปหมด

ข้าออกจากกรรมฐาน และพิจารณาจิตที่มันสะอิดสะเอียนต่อ

พิจารณาว่า ใครเป็นผู้สะอิดสะเอียน มันก็สาวลึกลงไปอีกลึกๆ หลายวนรอบ

เมื่อถึงซึ่งธรรมแห่งอุเบกขา มันก็เข้าใจและเกิดปัญญา

พอมีเรี่ยวแรงพอที่จะจมอยู่ไปกับมันได้ ข้าอยู่ได้กับความแหยบคาย ที่สติปัญญามันหล่อเลี้ยงไว้

ที่สุดเมื่อกาลผ่านไป แม้ข้ามั่นใจ ว่าข้าแก้ผ้าอยู่กับสาวงามได้โดยที่ไม่มีอะไรมาทำให้ราคะเกิด

ข้ามั่นใจเช่นนั้น เพราะมันแจ้งและเห็นความเป็นจริงแห่งเรือนร่างแล้ว

แต่ความจริงที่มันปกปิดซ่อนเร้นอยู่ก็คือ…

เมื่อคลายจากสมาธิ เมื่อกาลเวลาผันผ่านไป สัญญาภายใน ที่ดูเหมือนไม่มี มันก็ยังมี

ข้ามองเห็นใจที่มันยังยินดีในเรือนร่าง นี่..ตรงนี้ ทำให้ข้าไม่เข้าใจ

ว่าทำไม ยังมีใจยินดีในเรือนร่างอยู่อีก มันต้องไม่มีซิ

ที่สุด.. วันหนึ่ง กระดอข้าก็แข็งตัว เมื่อหวลนึกถึงคนที่ข้าเคยลุ่มหลงและถูกใจ

มันเป็นขณะเคลิ้มๆ และเผลอใจไป นี่..ทำให้ข้าต้องเข้าถ้ำและงดอาหาร เพื่อดูใจหลายวัน

มันเข้าไปวิปัสสนา ในอาการที่เป็นที่มี มันเข้าไปทำการชำระกายใหม่ทุกชิ้น

ทั้งกายเขากายเรา ว่าส่วนไหน มันทำให้ใจดวงนี้ยังมีราคะได้อีก
.
นี่..พิจารณาจนละเอียดถี่ถ้วน มันก็เข้าใจ ว่าสิ่งที่พิจารณาทั้งหลาย มันเห็นตรงตามความเป็นจริง

ว่ามันไม่มีอะไรที่จะทำให้เกิดราคะได้เลย แต่ทำไม ใจมันยังมีความยินดี ในเรือนกายอยู่เล่า

ข้าพิจารณาซ้ำไปซ้ำมาเป็นพันๆ หมื่นๆ รอบ จนแน่ใจว่า ใจดวงนี้ไม่มีราคะแล้ว

แต่เมื่อกลับมาอยู่แพคนเดียว พอเคลิ้มๆ สติไม่ตั้งมั่นในสมาธิ มันก็เกิดเป็นอีก

นี่..ตรงนี้ มันสงสัยไม่หาย และไม่มีใครตอบได้ และทำให้จิตเราตก

เพราะพิจารณาลงขนาดนี้ เรายังมีราคะเกิด แม้ไม่รุนแรง

แต่ใจที่มันทรงสมาธิและเฝ้าระวังสติ มันเห็นเวทนาที่ผุดขึ้นมาเด่นชัด

ทื่สุด ข้าก็ต้องอยู่กับมัน ด้วยความสงสัยต่อไป มันหาทางออกไม่เจอ

นี่..เป็นเรื่องที่หาคนมาให้ความกระจ่างได้ยากมาก ธรรมทั้งหลายมันรู้รอบ มันรู้ดี

แต่มันยืนยันว่าธรรมที่รู้ มันหมดจรดไม่ได้ มันยังเป็นยุงรำคาญรบกวนใจเรา

เมื่อถึงที่สุดแห่งวัน ที่สิ้นสงสัย นี่แหละๆๆ ธรรมทั้งหลาย มันจึงคลายสลายลงสิ้น

ข้าจึงประกาศได้…

ว่าที่สุด ใจดวงนี้ มันถึงที่สุดแห่งความสิ้นสงสัย ด้วยใจมันเอง

นี่..ธรรมทั้งหลาย มันอาศัยเหตุปัจจัย ที่พวกเรานั้น จะตรึกตรอง แล้วคิดว่า กูถูกต้องน่ะ ไม่ได้

ธรรมทั้งหลาย มีเหตุปัจจัย ที่เราคาดไม่ถึงอีกเยอะแยะ

ข้านี้ ฝ่าฟันด้วยชีวิต.. พวกเรา มันเอาความคิด มาฝ่าฟันเอา

นี่..ตรงนี้ เรามันจึงแตกต่างกันไกลโข

และที่สำคัญ เราแทบจะอยู่คนละขั้วกัน ทั้งๆ ที่มันก็เป็นกล้วยเคลือเดียวกัน

เพียงแต่มันคนละหวีเท่านั้น

โอเคนะ..!!

วันที่ 24 มีนาคม 2559 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง