รอยแผลที่มองไม่เห็น

รอยแผลที่มองไม่เห็น

687
0
แบ่งปัน

*****” รอยแผลที่มองไม่เห็น “*****

ข้านี่มีญานบางอย่าง ที่ไม่เหมือนคนอื่น น้องๆ เราหลายคนนี่ แหมม..มันน่าสงสาร อยากช่วยให้ได้สิ่งดีๆ กันทุกอย่าง

แต่บางคนนี่..มันมีวิบากมาคั่นน่ะ ทำให้คว้าไม่ถึง ข้านี่ ก็แค่ช่วยชี้ให้มีกำลังใจต้านมันให้ได้ ก็เท่านั้น

บางอย่างข้าก็เอากำลังเข้าช่วย บางอย่างมันก็เกินกำลังข้า มันเหมือนสีที่หกใส่ ข้าก็แค่พอจะเช็ดๆ ให้

แต่คราบสีนี่ มันก็ยังติด ยังเลอะพวกเราอยู่ แถมมันยังหกราดรดลงมาเรื่อยๆ เพราะเจ้าของอ่อนแอ ถ้าไม่ประคองใจให้ดี

น้องๆ เอ๋ย วัตถุหนึ่ง บุคคลหนึ่ง มันเป็นขยะน่ะ เดี๋ยวเราก็ต้องจากมัน เอาที่เราพออยู่ได้ก็พอ หากใจเราวางได้เช่นนี้ ข้านี่ก็พอช่วยได้อยู่

บารมีที่ข้าสร้างมานี่ มันเยอะ มันเหลือเฟือ เราขอแบ่งปันเอาออกไปใช้กันได้

ข้านี่ มาทางลาภสักการะ เกิดขึ้นไม่รู้จบ เราขอแบ่งไปได้ แม้คนละคนกัน ทำคนละเหตุกัน กรรมคนละส่วนกัน แต่มันแบ่งกำลัง กันไปได้

เหมือนแม่เหล็ก เหล็กธรรมดา เมื่ออยู่ใกล้แม่เหล็ก มันก็เป็นแม่เหล็กน้อยๆ ด้วย มันย่อมพิเศษกว่าเหล็กทั่วไป

ที่ข้ากล่าวเช่นนี้ มันมีตัวอย่าง เป็นเพราะ มีผีมาขอให้ข้าช่วย ทำไมข้าถึงช่วยเขาได้ ทำไมไม่ไปขอท่านอื่นๆ เล่า หรือผีช่วยตัวเองไม่ได้หรือ

คนทั่วไปที่ด้านหนาไม่เท่ากัน เขาย่อมคิดด้วยเหตุด้วยผลแห่งตนเองว่าเรื่องพวกนี้ไม่มี เป็นไปไม่ได้ แต่ข้าก็ยืนยันว่า ผีเขาก็มาขอ

เขาบอกว่า บารมีไม่เท่ากัน ต้องมาขอข้า แล้วถามว่า จะได้หรือ ข้านี่มันเลวนะ

เขาบอกว่าได้ ดีเลวนั่นเป็นเรื่องโลกเขาสมมุติ ได้ไม่ได้ไม่รู้ แต่เขาสงบสู่สุคติภูมิละ นี่เป็นเครื่องยืนยันว่า บารมีนี่ ขอกันได้

เหมือนที่ขุนน้ำนางนอน ที่อินเดีย ที่มหันต์ และที่ไหนๆ ที่ข้าไป ผีมักจะเข้ามาขอสาธุโมทนา

และอันเชิญให้ข้าไปโปรดในสถานที่ที่เขาสิงสถิตย์อยู่ วิญญานน่ะ ไปไหนไม่ได้หรอก เขาติดบ่วงกรรม เราต้องไปในที่เขาติดบ่วงอยู่

เขาไปได้แต่กระแส แต่ไม่อิสระเพราะมีบ่วงกรรมมันคล้องไม่ให้ไปไหนอย่างอิสระ

เรื่องพวกนี้ พูดมากไป ใครเขาก็จะปรามาสเอา เพราะเขา ไม่มีญานเหล่านี้ เขาจึงเพ่งโทษข้าได้ และข้าก็ช่างแม่งมันซะด้วย พวกโลกสวยจึงไม่ค่อยจะชอบใจกัน

ที่เล่าๆ ก็เป็นแค่พวกเรา เพราะพวกเรา มันมักอยู่ในเหตุการณ์ ผีเขามาหาข้าบ้าง ผีส่งสารมาบ้าง โดยผ่านๆพวกเรา

บางอย่างนี่ ขอให้เชื่อเถิด ข้าไม่นำใคร ไปลงนรกหรอก ทุกคนมีปัญญา แสดงออกมาอะไร มันก็รู้ทันกัน ไม่มีใครโง่ให้หลอกหรอก

และไม่รู้จะไปหลอกทำเหี้ยอะไร มันเป็นพี่น้องกันทั้งนั้น

โอเคนะ..!!

>> อยู่ไกลๆนี่ หนูขอได้ไหมคะอาจารย์

<< ขอได้เลย ผีมากวนก็ขอได้ บอกให้ไปนู่น..อาจารย์ข้า อยู่คนเดียวที่เกาะนู่น มันหยุดเลย แต่ถ้าเจอคู่อริกันนี่ ก็ช่วยไม่ได้เหมือนกัน

พระสิวลีนี่ พระพุทธองค์ ก็ทรงบอกว่า บารมีเยอะ เราขอบารมีพระสิวลีได้ เราจะได้ลาภ นี่มีมาในพระสูตร นี่เห็นไหม เราขอได้

แต่เราต้องมีวิบากสร้างมารองรับด้วยนะ ไม่ใช่ขอดะ แต่เกินปัญญาตน ที่สร้างมา ทำบุญ 20 ขอถูกรางวัลที่หนึ่ง เอาควยไปละกัน ไอ้เหี้ย..!!

บางคนนี่ ไม่รู้ว่า โซ่ตรวจที่คล้องคอตนเองอยู่น่ะ มันเป็นเครื่องพันธนาการ หรือเครื่องประดับ ใจแห่งตน

เพราะมันเป็นโซ่ตรวนทองคำ มันจึงยึดโซ่ตรวจไม่ยอมวาง มันคิดว่า เครื่องประดับชิ้นนี้ มีค่ากับใจมัน

แต่ใจมัน มองไม่เห็นพันธนาการแห่งความเป็นโซ่ตรวน ที่ยึดตรึงล่ามขามันไว้ ไม่ให้ไปไหนได้

และมันก็ไม่ยอมให้ใครมาสะกิดมารักษารอยแผลจากโซ่ตรวจด้วย

ที่ไม่เคยยอมให้ใครมารักษา เพราะมันมองเห็โซ่ตรวจเป็นเครื่องประดับชีวิตมัน

มันมองแผลที่มันเป็นอันเกิดจากโซ่ตรวนไม่เห็น ที่ไม่เห็น เพราะมันเองก็โอเคกับความกำเริบแห่งแผลที่เป็น ด้วยความเต็มใจโดยไม่รู้ว่ามันคือแผลใหญ่ ที่ไม่มีหนทางหาย

การปรงใจด้วยความไม่เห็นแผลที่ลุกลามนี่แหละ มันเลยไม่ยอมรักษา เพราะมันนึกว่า กูไม่ได้เป็น กูอยู่สบาย

ไอ้เหี้ยย..มึงอย่าเสือกกะกู โปรดไปไกลๆตีน..!!

นี่..พวกโดนตรึงด้วยโซ่ตรวนทองคำ มันโดนจองจำ ด้วยใจที่บอดและมืดมน

โอเคนะ..!!

>> ลูกศิษย์ : แล้วเราจะรู้ได้ยังไงค่ะว่า เราเป็นแผลไหม

<< พระอาจารย์ : ก็บอกแล้วไง ฝ้าย ว่าพวกแกมันมองไม่เห็นแผล มันไม่ยอมแก้โช่ตรวนออก

>> ลูกศิษย์ : ขอวิธีรักษาแผลค่ะ หลวงตา

<< พระอาจารย์ : แกหาแผลที่จะรักษาให้เจอก่อน ว่ามันอยู่ตรงไหน จะได้รู้ว่าแผลมันใหญ่แค่ไหน

ตาบอดไม่เห็นแผล มันจะรักษาแผลอะไร มันยังไม่รู้ตัวเลย เรามักจะอ่านกันแค่สลากยา

สลากยาย่อมรักษาแผลไม่ได้ดอก สำหรับนักอ่านสลากยาน่ะติ๊ก

>> ลูกศิษย์ : ค่ะ ต้องปฏิบัติ

<< พระอาจารย์ : โน่น ยานั้นอยู่ฟากตายโน่น แกกล้าเข้าไปค้นหารึ

แค่ไม่ได้ดั่งใจก็จะเป็นจะตายแล้ว มนุษย์เรา

>> ลูกศิษย์ : ถ้าไม่รู้ว่าแผลตรงไหน ราด บ่ โดน ก้อ บ่ แสบ

<< พระอาจารย์ : มันไม่แสบดอก เพราะมันไม่นึกว่า มันมีแผล

ที่แสบๆ กันน่ะ มันคิดว่า ยาแสบ ไม่ได้คิดว่าแผลมันแสบเพราะยา

>> โห..ลึกล้ำ

>> ที่แสบๆกันน่ะ มันคิดว่า ยาแสบ ไม่ได้คิดว่าแผลมันแสบ//ล้ำลึกค่ะ

<< พวกแกมันเตี้ยเอง มันก็เลยดูลึก

>> พวกแกมันเตี้ยเอง มันก็เลยดูลึก//โดนใจค่ะ

>> เราแสบแผลเพราะใจเราปรุงเหรอค่ะ

<< มันปรุงด้วยยามันแสบ ไม่ได้ปรุงเพราะแผลมันแสบนี่ … มันคนละเรื่องกัน

มันจึงไม่สังวรชีวิตว่า ตนน่ะมันเป็นแผล

คนที่รู้ว่าตนเองเป็นแผล มันก็ย่อมหายามารักษาแผล

ความแสบก็จะไปอยู่ที่แผล ความแสบไม่ได้อยู่ที่ยา

คนที่แสบแผล เพราะรู้ว่ามันมีแผล มันจึงต้องเอายาใส่แผล

ใจที่มันเป็นแผล มันย่อมระวังที่จะไม่ยอมให้เกิดแผลซ้ำซ้อนขึ้นมาอีก

นี่..ผู้มีดวงตาเห็นธรรม

มันเห็นแผลเน่าเรื้อรัง ที่จะเฝ้ารักษา มันแสบแผลที่มันเป็นแผล

มันจะไม่แสบแผลเพราะยาที่มันทำให้แผลมันแสบ

เพราะยามันไม่ได้แสบ ที่แสบ มันแสบที่เจ้าของเสือกเป็นแผลเอง

คนที่ไม่เห็นแผล ก็ย่อมแค่หาอ่านสลากยา มันมักจะเอาคำแห่งสลากยา

มัวไปรักษาแผลผู้อื่นที่มันมองเห็น มันไม่เคยเลยที่จะหวลกลับมามองเห็นแผลในใจมัน

เมื่อมันมองไม่เห็นแผลของมัน

ยาดีๆ ทั้งหลาย มันก็ไม่ยอมเอามารักษาแผลใน ที่มันมองไม่เคยเห็น ให้มันหายขึ้นมาได้หรอก

โอเคนะ..!!

วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2559 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง