คนใจดีที่ขี้ตระหนี่ ท่อน 2

คนใจดีที่ขี้ตระหนี่ ท่อน 2

665
0
แบ่งปัน

****” คนใจดีที่ขี้ตระหนี่ ท่อน 2 “*****

หวัดดีจ้าหวัดดี เรื่องตระหนี่นี่ ยังไม่จบ

คนเรานี่ ยังไม่ค่อยเข้าใจ คำว่า “ตระหนี่” ดีนัก

ไอ้เราก็เข้าใจกันกับความความ ตระหนี่นี่ คือคนขี้เหนียว หวงแหนไม่ยอมให้ใคร

จริงๆมันก็ไอ้ขี้เหนียวนั่นแหละ มันให้ใครคนอื่นไม่ได้ มันขี้งก

เพียงแต่ไม่ใช่แค่ขี้เหนียววัตถุ หรือสิ่งของเพียงแค่นั้น

แต่มันหมายถึงภาวะแห่งจิตแห่งใจด้วย นี่..ตรงนี้ที่เราเข้าไม่ถึง และไม่คาดคิดกัน ว่าตัวเราแม่งแสนจะตระหนี่

บางคนนี่มันใจดี ใครขออะไรก็ได้ ให้ได้ก็ให้ ไม่ขี้เหนียวของ ดูเป็นคนใจดี

นี่…ดูเหมือนเป็นคนใจบุญ ไม่หวงของ คนแบบมันก็น่าคบระดับหนึ่ง

แต่ถ้าไม่ถูกใจ กูไม่ให้แม่งหรอก อย่ามาแตะของกูชียว

เฮ่อ.. อย่างนี้นี่แหละ เขาเรียกว่าผู้ยังตระหนี่ เรียกว่าผู้ตระหนี่ใน

ถ้าถูกใจนี่ เท่าไหร่เท่ากัน

ถ้าไม่ถูกใจ กูไม่รับฟัง ไม่เห็นด้วย ไม่ยอม ไม่ได้ ไม่ยอมรับแม่งอะไร

ห่าเหวอะไร กูก็ไม่สนไม่ยอม เอาแต่ใจตน

ไม่ฟังผู้น้อย ผู้ด้อยกว่า กูว่าของกูถูกคนเดียว คนอื่นไม่ใช่ทั้งนั้น หากไม่ชอบใจซะแล้ว

เป็นพวกเก็บกด เคืองแค้น ไม่ยอมจบ ยืดยื้อ ยึดอดีต ยึดอนาคต

นี่…พวกตระหนี่ที่ตัวเองมองไม่เห็นความตระหนี่ภายในแห่งตน

การให้เป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องให้อย่างผู้มีปัญญา สมควรแก่เหตุและปัจจัย

ไม่ใช่ให้ดะ แบบโง่งมงาย

เพื่อนเอาเมียไปล่อ บอกว่าไม่เป็นไร นี่มันโง่งมงาย อย่าเอาคนแบบนี้มาเป็นผัวเชียว

การให้วัตถุนี่ มันเป็นทานชั้นต้น ยังพ้นภูมิอบายไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นคนใจบุญสุนทานแค่ไหน เป็นทานนอก

การให้อภัยนี่ซิ เป็นทานชั้นสูง มันเป็นทั้งทานในและทานนอกจากใจเจ้าของเลยทีเดียว

คนที่ให้อภัยผู้อื่นด้วยเหตุและปัจจัยสมควรแก่เหตุได้นี่ เป็นคนลดความตระหนี่ออกไปได้โข

บุญแห่งวัตถุนะ ยังมีคราบสกปรกแห่งความตระหนี่มากมาย

บุญแห่งอภัยนี่ มันได้ฟอกมันได้ล้างคราบสกปรก มันลดความตระหนี่ใจอย่างมากล้น

เราหัดยอมรับความผิดพลาดของผู้น้อย ให้เหมือนกับเรายอมรับความผิดพลาดของผู้ใหญ่ ที่เราคิดว่าไม่เป็นไร ให้มันเสมอกันเหอะ

หัดยอมรับความคิด ของผู้ที่น้อยกว่าเราบ้าง ฟังเขาบ้าง ให้ใจเราที่แสนรำคาญในความงี่เง่าเขา ที่เราไม่ถูกใจ ยอมรับเพื่อให้เขาบ้าง

นอมทนรำคาญเรื่องของเขาที่แสนไม่ถูกใจเราบ้าง มองและยอมรับให้เห็นความเป็นธรรมดาของผู้คน ที่เขาเป็นกันว่า มันย่อมไม่ได้ดั่งใจเราเป็นธรรมดา

ลูกพี่ที่รับฟังความเห็นของลูกน้อง ด้วยความเสมอกันดั่งเพื่อนฟังเพื่อน

ลูกพี่นั้น ย่อมเป็นที่รักของลูกน้องทุกคน จะทำจะคิดอะไร ใครๆก็อยากช่วย อยากมีส่วนร่วม

กลับกัน…กูไม่ฟังใคร มันเป็นเด็กน้อย เป็นคนกระจอก ยังอ่อนหัด เป็นแค่ลูกน้อง เป็นเด็กน้อยเพิ่งจบ ถุย..!!

ไอ้ห่าเอ้ย.. เจ้าของมันก็เคยเป็นเคยโดนมาเหมือนกันนั่นแหละวะ มันเสือกลืมกำพืดมัน

แต่พอโตขึ้นหน่อย ไอ้เหี้ยยยเอ้ย.. กลับลืมซะนี่

เราลองหันกลับมามองตัวเรา ที่เราแสดงออกต่อผู้อื่นเขาบ้าง

เราอาจจะไม่ชอบใจ ที่ตัวเรา ทำกับเขาอย่างนั้น พูดกับเขาอย่างงี้ ถ้าเราเอาใจเราเข้าไปเป็นเขา

เราจะพอใจไหม ที่เขาอันเป็นตัวเรา ทำและพูดกับเขาอย่างนี้

เราจะเห็นตัวเองชัดขึ้น และจะลดความเชี่ยวแห่งกระแสเห็นแก่ตนลงมาได้ตามภูมิกำลังแห่งปัญญา

แต่หากไม่มองย้อนกลับมาเช่นนี้บ้าง แม้จะให้ทานมากแค่ไหนก็ตาม มันก็ยังไม่พ้นภูมิอบาย

นี่…ตรงนี้นี่แหละ เขาเรียกว่า ยังเป็นพวกขี้ตระหนี่

มันขี้เหนียวกับการให้อภัยคน ที่มันไม่ถูกใจ

นี่ถ้าคนอื่น ไม่ถูกใจเราบ้าง เรามันจะชอบไหม

หากเราหันมามองกลับด้านระหว่างเขากับเราได้บ้าง

โลกนี้ก็จะน่าอยู่ขึ้น เพราะคนเรา มันให้อภัยซึ่งกันและกันได้

เราให้ใจของเราที่ยอมรับเขา ที่เขานั้นผิดพลาดและไม่ถูกใจเราบ้าง

หัดให้และยอมรับความไม่ถูกใจจากคนรอบกายซะบ้าง

เรา…จะได้เป็นผู้ที่อยู่บนโลกนี้ได้ อย่างไม่เป็นผู้ที่ตระหนี่

ผู้ที่รักษาใจมีสติสัมปชัญญะเรื่องเหล่านี้

คือ หมั่นระลึก นึกถึงใจเขาใจเราอยู่เนืองๆ

นี่…เขาเรียกว่าคนมีศีล

คนเช่นนี้เป็นชนแห่งชาวบ้านชั้นดี

เป็นอริยบุคคลที่เรียกกันว่า ” พระโสดาบัน ”

พระโสดาบัน เป็นคนที่ไม่ตระหนี่ในเรื่องแห่งการให้

และให้นี้ที่เป็นใจแห่งความเป็นอริยบุคค ก็คือ

” การให้อภัยเขา และความผิดพลาดของตัวเราเองอย่างมีสติและปัญญา ”

พระธรรมเทศนาจากบทธรรมเรื่อง ***ตระหนี่*** ณ วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2559 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง

ความตระหนี่นี่ มักเกิดจากกิเลสใจเรา

เรามักยอมไม่ได้กับสิ่งที่เราไม่ค่อยถูกใจ

ความถูกใจกับไม่ถูกใจนี่ เป็นกิเลสที่เกิดจากตัณหา

เรา…มักจะหลงกลและตกลงไปในกระแสของมันอยู่เสมอ

ตราบใดที่เราย้อมใจอยู่เช่นนี้

เราจะมีหนทางที่มืดมนไม่แจ่มใสสำหรับหัวใจเรา

การทำให้คนอื่นด้วยใจกุศลนี่…เป็นบุญหนัก

ทำโดยเต็มใจและไม่คาดหวังอะไรนี่…เทวดาถึงสาธุ

เรื่องเล็กน้อยนี่ ถ้าผ่านไม่ได้ เรื่องใหญ่ๆจะผ่านยากน่า

ผู้ให้นี่ อธิษฐานอะไรก็สมหวัง

ทำให้น้องๆนี่ ถือเป็นกุศล เรามักทำให้คนที่เขาโตกว่า

แต่ถ้าหากเราทำให้ผู้ที่เล็กกว่า เสมือนผู้ที่โตกว่า ผู้ที่เราถูกใจ

ใจเช่นนี้ ปราถนาอะไรก็สมหวัง

ไม่งั้นหากไม่อบรมใจ

เราก็จะย้อมใจเราให้เป็นคนตระหนี่

คนตระหนี่นี่ เป็นคนไม่ค่อยรับฟังและให้ใจใคร

ให้ก็เมื่อถูกใจ ไม่ถูกใจก็จะไม่ให้

เช่นนี้ ใจเราก็จะย้อมมาทางอัตตา

คนที่มีอัตตา หนทางนี่จะมืดมนเชียว

เชื่อข้าเหอะ ทำๆให้ผู้คนไปด้วยความเต็มใจที่ได้ทำ

เราจะเจริญ

เราจะเจริญทั้งใจนอกและใจใน

ให้ใจของเราโดยการฟังคนอื่นบ้าง

พยักหน้าและยิ้มแย้มกับความจุกจิกของคนอื่นบ้าง

อภัยให้คนอื่นที่เขาผิดพลาดบ้าง

ยอมเสียเปรียบที่เราคิดว่าเขากำลังเอาเปรียบเราซะบ้าง

เรายอมด้วยปัญญา ที่เราทำกำลังใจและสติเท่าที่เรามี

เราพึงแก้ไขให้มันดีที่สุด

แก้ไขแล้วก็ยังไม่ได้ดั่งใจเรา

เราเลือกได้ว่าที่จะดับหรือก่อความเร่าร้อนไปกับมัน

เรา…ทำให้ถึงที่สุดแห่งใจเรา

และเรา พึงยอมรับมันด้วยปัญญาที่อบรมใจเราว่า

โลกนี้ มันเป็นของมันเช่นนี้…เป็นธรรมดา..!!!

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2559 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง