เรื่องนี้คุยกันเฉพาะคณะศิษ
“เวลาคุยกัน ทำไมพวกเราไม่ตั้งสาระกระทู
ที่เรามีภูมิกันบ้างละไอ้น้
ใครอยู่ที่นี่ เขาก็มักจะปรารภธรรมกัน
ข้าเองก็ปรารภธรรม หรือเราคุยธรรมมะกันไม่เป็น
คุยหนุกหนานมันก็ดี แต่คุยเรื่องธรรมดีกว่า
บางคนในห้องนี้ เขาก็ใช่ว่าจะชอบใจ
เพราะเขาไม่รู้ว่าพวกเรามัน
พวกเขาเลยออก เพราะไม่ได้เป็นอย่างที่เขา
ที่จริงมันไม่ผิดหรอก เราถือว่าเป็นการมาประชุมกั
แต่บางท่านเขารับกันไม่ได้ เราก็เลยต้องเคารพการตัดสิน
ก็ค่อยๆจูนกันไป ท่านทั้งหลายก็ขอให้เข้าใจพ
น้องๆก็ขอให้เข้าใจท่านทั้ง
การเล่นไลน์นี้มันมีสองด้าน
มันไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรกับ
พิษภัยมันเกิดที่ใจเรานี่ ไลน์ไม่เกี่ยว
ข้าเองเกือบหยุดขยายความทาง
แต่เมื่อมาพิจารณาดู ไลน์ไม่เกี่ยว มันเกี่ยวที่คน
ถ้าคนว่าเลว มันก็เลว ถ้าคนว่าดี มันก็ดี
มันอยู่ที่ใจคน ว่าใจเราจะฟิตมาทางไหน ฟิตมาทางเลว
ย่อมได้เลว ฟิตมาทางดีย่อมได้ดี
เรารู้กันอยู่อย่างนี้ เรายังไล่ตามมันยังไม่ทัน เรายังปล่อยใจให้ไหลไปตามกร
คนเรามันมักจิกอยู่แค่ฟากเด
ชอบก็ถูกใจ ไม่ชอบก็ไม่ถูกใจ มันไม่ยอมรับรู้เลยว่า
ในไม่ชอบ มันมีชอบอยู่ และในที่ชอบ มันมีที่ไม่ชอบซ่อนอยู่เช่น
มันอาศัยเหตุและปัจจัยเกื้อ
ความสุขก็มีทุกข์อยู่ในนั้น
มันอยู่ที่ว่าเราจะฟิตไปทาง
เพียงแต่เราดับความเร่าร้อน
การเข้าถึงธรรม มันเข้าถึงยาก ตรงที่ติดตัวตนนี้แหละ
ธรรมสามารถเข้าใจได้ทุกคน แต่ทุกคน
ไม่สามารถเข้าใจได้เหมือนๆก
“ขอโทษธรรมมันไหลไม่ออก พวกเราบางคน เล่นเฟสส่งข้อความกันอยู่ ข้าเองต้องหยุดก่อนทุกที ธรรมมันสดุดเสร็จรึยังจ๊ะหน
“ถึงไหนแล้วแล้ววะ..!!”
การที่เราจะเข้าถึงธรรม เราจำเป็นต้องมีครูบาอาจารย
ขาดครูบาอาจารย์ได้แค่ไหน มันมักจะหยุดอยู่แค่นั้น
จะเพียรยังไง ปัญญาเราแก้ไม่ไหว
การฝึกทางธรรมจะมีปัญหาทางจ
ผู้ปฏิบัติจะเจอปัญหาแบบนั้
มันเป็นการปฏิบัติ แบบเข้าข้างกิเลส
มันสร้างความดีและยึดความดี
ที่คิดว่าทำดีนักหนา แท้จริง ทำไปเพราะโลกเขาว่า
และตัวเองว่า ไม่ได้ว่าตามธรรม
สมัยหนึ่งข้านี้ฝึกอยู่ในป่
เดี๋ยวนี้ท่านสึกออกไปแล้ว
ข้าเองได้เข้าไปอยู่ป่าทางแ
ติดค่อนมาทางบ้านภูเตย
เป็นป่าโปร่ง แต่อากาศเย็น
สมัยก่อนนี้ ข้าเป็นผู้ที่ฝึกอย่างเอาจร
ข้าแขวนกลด กับกิ่งไม้ไกล้ๆลำธาร น้ำที่นั่นเย็นมากๆ
อากาศก็หนาวมากๆ ทั้งๆที่ไม่ใช่หน้าหนาว
อ๋อ..เขาเรียกแถวๆนั้นว่าบ้
ข้าเองอยู่โคนไม้ อาหารนี้ไม่ตกถึงท้องเลย
เป็นเวลาหลายวัน เพราะพวกเขาไม่ใส่บาตรกัน
เรื่องไม่ใส่บาตรนี่ค่อยว่า
ยามเช้า ข้าบิณฑบาตรแล้วไม่ได้ข้าว
ก็กลับมาเดินจงกลมต่อในระหว
เดินอยู่จนสาย ก็เห็นพระชาวกะเหรี่ยงรูปห
ก้มๆเงยๆอยู่ในห้วย
ทีแรกก็ไม่ได้สนใจอะไรนัก เราก็ทำหน้าที่ของเราต่อไป
แต่ในใจก็ครุ่นคิด ตามประสาผล เมื่อเจอเหตุ
ก็ในหมู่บ้านไม่มีวัด เขานับถือคริสกัน
แล้วอีตาลุงกะเหรี่ยงนี้ มาจากไหน..?
เดินไปคิดไป เหลียวไปมองหน้าท่านโต เห็นท่านโตยิ้มๆ ก็เลยไม่สนใจ ธรรมดาข้าเองนี้ ก็เจอพระชาวกะเหรี่ยงมาหลา
ส่วนใหญ่ แม้จะทำตัวเคร่งแค่ไหน ก็ไม่ค่อยรู้ธรรม
เขาอ่านหนังสือธรรมไม่ค่อยอ
แต่บางรูปอ่านภาษาธรรมจากพม
แต่การปฏิบัติ ยังเข้าไม่ถึงผล นี่ที่ข้าเจอมา
จึงไม่ค่อยให้ความสำคัญกับ พระชาวกะเหรี่ยง เท่าที่ควร
เพราะไม่สามารถ แสดงธรรมอะไรที่เราต้องการ ยิ่งๆขึ้นไปได้
เขามักจะไปติดอยู่กับเรื่อง
พวกนี้บางคนบวชมาแล้ว เขาคุยกับเทวดาได้ จิตเขาถึง
และหลงในจิตประเภทนี้ ไม่ยอมถอน
จึงยากที่จะไปชี้ว่า ธรรมเหล่านี้ ไม่ไช่เรื่องหลุดพ้น
การบวชเข้ามา ไม่ใช่เพื่อการนี้
แต่พวกเขาที่อยู่ถ้ำ อยู่ป่าไม่ฟัง ดูเหมือนจะฟัง แต่ไม่ฟัง
เพราะที่สุด แม้เขาจะจนแต้มต่อธรรมข้า เขาก็ยังกลับไปหลงในจิต ที่คิดว่าวิเศษนี้เหมือนเดิ
ใจเขาติดในลาภสักการะ ที่เกิดจากคนศรัทธา
จึงถอนตัวยาก และใครๆต่างก็เป็นเช่นนั้น
พระรูปนั้น เดินเข้ามาใกล้ จึงมองเห็นว่า
ในมือท่านนั้น ถือหลาวเหล็ก
มันเป็นแบบก้านร่มปลายแหลมไ
ในมือท่าน ถือพวงกบ จะเรียกว่ากบก็ไม่ถูก
เขาเรียกกันว่าเขียดเหลว มันเป็นเขียด เหมือนอึ่งอ่างตัวเล็กๆ ชาวกะเหรี่ยง เขามักเอามาย่างแห้งทั้งตัว
พระกะเหรี่ยงผอมๆ ก้มๆเงยๆเดินเข้ามาใกล้
ท่านแทงโช๊ะๆๆไปตามร่องหิน แล้วจับกบตัวเล็ก ที่เรียกว่าเขียดเหลวนั้น แทงร้อยเข้าไปในเชือก
ข้าเห็นแล้วอดที่จะเสือกไม่
คือธรรมดาชาวกะเหรี่ยง เวลาบวช ส่วนใหญ่ไม่ได้บวชจากใจ
บางทีแก่แล้วไม่รู้จะทำอะไร
บวชแล้วก็ไม่รู้จักข้อธรรมว
บางทีบวชแล้วยังเมาแหลก
อยู่ถ้ำก็ยังเมา อ้างว่าแก้หนาวไม่เป็นไร ใครๆก็กินกัน
บวชแล้ว นั่งสูบยาเส้นทั้งวันก็มี ทำอะไรไม่เป็น
บางท่านบวชมาตั้งยี่สิบสามส
แต่รูปลักษณ์ มักเป็นพิมพ์นิยมของชาวเมือ
ข้าจึงไม่ค่อยให้ความสนใจ กับพระประเภทนี้นัก
แม้เราจะเจอกันในป่าก็เหอะ
ท่านเดินแทงเข้ามาเรื่อยๆ จนถึงที่ข้าเดินจงกลมอยู่
ด้วยความเสือกจึงร้องถามออก
ทำอะไรน่ะ นั่น..??
พระกะเหรี่ยงหยุดกึก… มองหน้า แล้วก็ก้มแทงต่อ ไม่สนใจอะไร
ข้าก็ไม่ใส่ใจอะไรอีก เรื่องของแกละวะ
เดินไปเดินมาสักสองสามรอบ เสือกอดไม่ได้อีก จึงร้องถามอีก นั่นทำอะไรลุง..??
พระกะเหรี่ยง ตัวเหลืองฟันดำ หยุด ..และหันมองหน้า
ข้าจึงร้องบอกไปว่า เราเป็นพระเป็นเจ้าแล้ว ทำอย่างนี้น่ะ…มันไม่ดี มันเป็นบาป..!!
พระกะเหรี่ยงพูดสวนออกมาเล
ข้าก็ตอบว่า เอ๊ะ…มันก็ต้องลงนรกนะซิ เรามันเป็นพระนะ..
แล้วกูลงรึมึงลง..!!! พระกะเหรี่ยงสวนออกมา
แค่นั้นแหละ… ใจข้างี้สั่น เดินออกจากทางจงกลม ก้มงุดๆเข้าไปหา แล้วก้มลงประนมมือ ท่านโตก็แทบคลานเข้ามาเหมือ
เพราะมันแทงใจอย่างแรง มันสะท้านไปทั้งร่าง
เพราะเราเจริญสติอยู่หลายวั
พระกะเหรี่ยงล่อเลย…!
ขอโทษนะจะเล่าให้ฟัง นี่เล่านะ.!!! ต้องถ่ายทอดภาษาเท่าที่จำได
ไอ้เย็ดแม่..!!! กูจะลงนรกหรือขึ้นสวรรค์มัน
พวกมึงจะไปเย็ดหี หรือจะไปนิพพานที่ไหน มึงก็ไปกันเซ่…
มายุ่งเกี่ยวอะไรกับกูด้วยล
เป็นไงหา..!!! กูจะลงนรก มึงจะมาลงนรก กะกูด้วยเหรอหา..!!! ไอ้เหี้ยยย.. ทำไมมึงถึงมาเสือกกะกูด้วย.
พวกมึงจะทำควยอะไรก็ทำไปเล้
ข้ากับท่านโต นั่งก้มหน้านิ่ง หูอื้อตาลายไปซะหมด
นี่ถ้าเป็นสมัยยังไม่บวช มีหวังข้าตบสลบ
แล้วตามนวดด้วยไม้หน้าสามต่
ชะตาอีตาแก่นี้ ขาดตั้งแต่แกเอ่ยคำชม แรกๆนู่นแล้ว
เรานั่งมองหน้ากัน ปล่อยให้พระกะเหรี่ยงด่า
โห…แต่ละคำ แม่ค้าปากคลองเด็กๆ
ท่านด่าอยู่สักพัก ก็เอาจีวรถกขึ้นมาพาดๆ
เดินแบบวางกล้าม โวยวายลั่นไปทั้งป่า
ไอ้เหี้ยยยย…กูอยู่ไม่ได้
ข้ากับท่านโต มองหน้ากัน แล้วข้าก็ถามว่า
เป็นไง สะใจดีไหม..!! อาหารชุดใหญ่ ไม่ได้กินมาหลายวัน
เจอของจริงเข้าไป ใจเป็นยังไง
ท่านโตอมยิ้ม ส่ายหน้ายักไหล่ ตอบว่า
คิดว่า เราน่าจะโดนนะท่าน… ข้าเองก็เห็นด้วย
พอพระกะเหรี่ยงหายไป เรายืนขึ้น สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็ปรากฏ
หลาวเหล็กที่พระกะเหรี่ยงท
ข้าไม่แปลกใจเรื่องพระกะเหรี่ยง แต่แปลกใจว่าทำไม เราฝึกมาถึงขนาดนี้ ยังไปพลาดได้ นี่ครูบาอาจารย์มาทดสอบจิตแ
ข้าเคยชินกับเรื่องพวกนี้ จึงไม่ค่อยจะตื่นเต้น อะไรเท่าใดนัก
แต่ธรรมที่ท่านได้แสดงไว้ใน
ความจริงก็คือ เรายังชอบที่จะไปเสือก เรื่องของชาวบ้าน เราเอาความดีของเราที่คิดว่
าดีสุดยอด
ไปทำร้ายผู้อื่นด้วยความหวังดี นี่…ครูบาอาจารย์ท่านได้ม าสั่งสอน
ครูบาอาจารย์ท่านสอนชี้กันอ
และเข้าใจในสิ่งที่คิดว่ามั
และข้าก็กราบ ครูบาอาจารย์ท่านนั้นตลอด
และข้าก็รู้แล้วว่า ท่านคือใคร..!!!
ท่านเองไม่ใด้สอนว่า อย่าไปเสือกเรื่องของคนอื่น
ท่านแค่ชี้ให้เห็น จริตจิตในส่วนที่คนเรายังพร
สิ่งที่เราคิดว่าดี มันอาจเลวในสายตา และมุมมองของคนอื่นๆ
เราจงอย่าไปหวังดี ด้วยอำนาจความคิดของตัวเรา
ถูกเรา ผิดคนอื่นมันยังมี
ผิดเราถูกคนอื่ก ก็ยังมีอีกเหมือนกัน
ครูบาอาจารย์ ท่านมาชี้ให้เห็นความจริง ทั้งสองฟาก
ข้าพิจารณาจนตกร่องไปนานแล้
มันจึงเข้ามาทำร้ายใจดวงนี้
มันเคยเจอยาแรงๆมามากต่อมาก
นี่คือความทนทาน หน้าด้านที่แตกต่างกัน ระหว่างข้ากับพวกเรา
ใจมันโดนฟอกไปแล้ว มันไม่หวนกลับมาเปื้อนได้อี
นี่แหละที่ท่านเรียกว่า ใจมันเข้าใจ ใจมันไม่สงสัยใจ และใจนี้ไม่มีใจ จะไปกล่าวโทษใจใคร เพราะมันเป็นใจที่ไรัตัวตน.
คืนนี้โอเคนะ..
พระกะเหรี่ยงท่านด่า ไม่เกี่ยวกับข้านะว้อยยย
นี่คือเรื่องราวตอนหนึ่งในพ
ครูบาอาจารย์ท่านนั้นคือ พระมหากัสสปะ นี่แอบบอก..จุ๊ๆๆๆๆ
อย่าไปบอกไอ้ปอ แหม..ข้านี้มัน..อดไม่ได้ ชอบเสือกจริงๆ
สิ่งเหลือเชื่อในโลกเรา ยังมีเยอะแยะ
แต่เราไม่มีวิบากเจอเอง
จึงคิดว่าไม่มี
เรามักรู้ธรรมสวยหรูจากหนัง
แต่ธรรมอันสวยหรูวิจิตรเหล่
ธรรมดิบๆที่ข้าเผชิญนี่ซิ พวกมีวาทะอันวิจิตรรับไม่ได
พวกแกโชคดี ที่ข้าไม่เคยเรียนนักธรรมอะ
ไม่งั้น เราคงคุยกัน ด้วยภาษาที่ไม่รู้เรื่อง
แต่ข้าไม่ได้มั่วๆนะว้อยยยย
แม้บางทีจะมีมั่วๆบ้าง เพราะพวกแก มั่วมาก่อน
ถามไรยุ้ย..ข้ารอตั้งนานแล้
วันนี้ยุงกัดข้าเต็มไปหมด
วิบากที่ข้าเจอเรื่องพวกนี้
จิตที่สะสมอะไร มันก็ย่อมแสดงวิบากทดสอบสิ่
มันเป็นโปรแกรมปกป้อง
พวกแกคงเข้าใจยาก
หากแกมาทางด้านผี และแกฝึกจริงเอาจริง
ไม่ใช่เอาแค่ปาก แกก็ได้เกี่ยวเนื่องกับผี
หากมาด้านเทพ ก็ได้เจอเทพ
หากมาด้านกิเลส แกก็เจอกิเลส
หากแกมาด้านโง่ แกก็เจอโง่
หากแกมาด้านดับ แกก็คงได้เจออย่างข้า เพราะวิบากมันส่งผลอยู่
การดำเนินมันเป็นเรื่องของจ
เราเจอนั่น เราเจอนี่ จะมีเราหรือไม่มีเรา
มันก็เจออยู่อย่างนั้นนั้นแ
ไอ้ตัวเสือกนี่แหละ ทำให้จิตวางอะไรไม่ได้จริง
เพราะมันเสือกไปทุกเรื่อง
แกชอบเสือกไม๊ยุ้ย..?!
ยุ๊ย: ค้าาา.. ของชอบค่ะ พระอาจารย์..