จำเป็นไหมต้องเดินจงกรมและนั่งสมาธิ

จำเป็นไหมต้องเดินจงกรมและนั่งสมาธิ

1339
0
แบ่งปัน

***** จำเป็นไหมต้องเดินจงกรมและนั่งสมาธิ *****

ขอสาธุคุณยามเย็น มีน้องๆถามมาถึงการปฏิบัติ

<< น้องเขาถามว่า…ได้ไปพบคำชี้ที่บอกว่า ไม่ต้องนั่งสมาธิ ไม่ต้องเดินจงกรม
เพราะสิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่หนทางแห่งการบรรลุธรรม มันเป็นการเพิ่มอัตตา ให้หยุดคิด อยู่เฉยๆและว่าง

พระอาจารย์ช่วยอธิบายหน่อย

>> พระอาจารย์: ก็ไม่รู้ว่าใครไปชี้เขาเช่นนี้ และที่ชี้เช่นนั้น มุ่งหมายไปที่กาลและประเด็นใด

แต่หากแยกออกมาอย่างชัดๆ มันก็มีความหมายอย่างที่เขาว่านั่นแหละ

แต่มันต้องขยายด้วยว่า เขาชี้มาเช่นนี้ เขาชี้เล็งไปยังความหมายแห่งกาลใด

เพราะทั้งนั่งสมาธิ และเดินจงกรม มันไม่ใช่หนทางแห่งการบรรลุธรรมอะไรอยู่แล้ว
ลัทธิอื่นๆเขาก็ทำกัน และทำเข้มข้นกว่าที่เราๆทำกันซะอีก

พวกเขาก็ใช่ว่าจะบรรลุธรรมอะไร แต่ถ้าชี้ด้วยความไม่เข้าใจ มันก็เป็นการชี้ที่โต่งไปอีกข้างได้เช่นกัน

เราเคยซื้อมะพร้าวมาแกงกะทิไหม

เราเอาเนื้อมะพร้าวมาคั้นกะทิเพื่อเอาไปแกงใช่ไหม

เราเอาเปลือก เอากาบ เอากะลา เอาเนื้อ มาแกงกินได้ไหม

ทำไมต้องเอาแค่กะทิที่มันซ่อนตัวอยู่ในเนื้อ

เนื้อที่ซ่อนตัวอยู่ในกะลา

กะลาที่ซ่อนตัวอยู่ในกาบ

กาบที่ซ่อนตัวอยู่ในเปลือก

นี่..เราเอาแค่กะทิใช่ไหม

เมื่อเราเอาแต่กะทิ แล้วเราซื้อเปลือก กาบ กะลา เนื้อ ที่เราไม่ได้ต้องการนำมาแกงกันทำไม อย่างนี้โง่ไหม..!!!

ในเมื่อมันไม่มีประโยช์อะไรในการแกงกระทิ เพื่อบรรลุผลแห่งความอร่อยลิ้นของเราเลย

การเดินจงกรม การนั่งสมาธิ มันก็เป็นเปลือกอย่างหนึ่งเหมือนกันที่มันห่อหุ้มและรักษาผล

เปลือกเหล่านี้ เราไม่ได้เอามาเป็นประโยชน์อะไรหรอก ดูเหมือนไม่มีประโยชน์

แต่มันเป็นตัวรักษาผล ผลที่อาศัยเปลือกย่อมเติบใหญ่ ปลอดภัย และอยู่ได้นาน
มันเป็นเครื่องอยู่แห่งผล มันจำเป็นต้องมีเปลือกห่อหุ้มรักษาเนื้อเยื่อมัน

เราเอาผลข้างในที่สุกหอมหวานอยู่ในเปลือก

ไม่ใช่เอาเปลือกที่เป็นขยะไว้ห่อหุ้มผล มาเป็นประโยชน์ที่เราเล็งหมาย

การเดินจงกรมและนั่งสมาธิไม่ใช่เป็นตัวบรรลุมรรคผลนั่นน่ะถูก

แต่มันเป็นเปลือกห่อหุ้มรักษามรรคผลที่ซ่อนตัวอยู่ภายใน

เรา..แสวงหามรรคผล ไม่ได้แสวงหาเปลือก

แต่เรา..จำเป็นต้องอาศัยเปลือก เพื่อแกะมรรคผลออกมาให้เราได้ลิ้มชิมรสด้วยเช่นกัน

หลายท่านบรรลุมรรคผลโดยที่ไม่ต้องนั่งสมาธิ และเดินจงกรม

นี่..เพราะมีผู้แกะเปลือกให้หลายท่านเหล่านั้น ได้แดกมรรคผลเป็นที่เรียบร้อย

เมื่อเข้าถึงมรรคผล ท่านเหล่านั้นก็เอาเปลือกเหล่านี้แหละ มาห่อหุ้มรักษาผลอีก
จะน้อยจะมาก ท่านก็ต้องอาศัยเปลือก

ถ้าไม่มีเปลือก ตราบใดที่ยังมีอัตภาพ การผัสสะย่อมเกิดและปรุงแต่งเสมอ ผู้รู้จักโลก ย่อมต้องสร้างเปลือกมาไว้รักษาใจ

ใจที่ไร้เปลือก เนื้อเยื่อภายใน ย่อมเสื่อมสลายเร็วไว เพราะธรรมชาติของใจ มันย่อมไหลและปรุงแต่งไปตามผัสสะ

นี่..เป็นธรรมชาติแห่งสังขาร

บุรุษผู้เข้าใจธรรมชาติแห่งสังขารย่อมเป็นธรรมดาที่ต้องอาศัยเปลือกเหล่านี้ มาเป็นเครื่องห่อหุ้มและรักษา

ผลใดที่ไร้เปลือกห่อหุ้ม ผลนั้นย่อมไม่คงทนและตั้งอยู่ไม่นาน

การเดินจงกรม และนั่งสมาธิ เป็นเปลือกอย่างหนึ่งที่รักษาใจเจ้าของให้อยู่อย่างมีความสุขและเป็นปกติแห่งเครื่องอยู่วิหารธรรม..!!

การชี้ธรรมนั้นต้องชี้ให้เห็นทั้งสองฟาก

ผู้ฟังเป็นผู้เลือกและตัดสินใจด้วยตัวเขาเองในทางที่เขาจะเลือกเดินไปตามภูมิกำลังแห่งปัญญาของเขา

ผู้ชี้เขาอาจแค่เล็งไปความหมายว่า การนั่งสมาธิและการเดินจงกรม มันเป็นแค่เปลือกที่เราเอามาทำประโยชน์อะไรไม่ได้ก็ได้

เขาจึงชี้มาอย่างนั้น ซึ่งมันก็เป็นการชี้ที่ยังแคบตีบตันอยู่มาก หากไม่อธิบายให้เห็นผลที่ยังซ่อนตัวอยู่ในเปลือก..!!

วันที่ 24 ธันวาคม 2558 โดยพระอาจารย์ ธรรมกะ บุญญพลัง