อย่ารอเลยชาติหน้า เอาชาตินี้เลยเพื่อนเอ๋ย

อย่ารอเลยชาติหน้า เอาชาตินี้เลยเพื่อนเอ๋ย

750
0
แบ่งปัน

****** อย่ารอเลยชาติหน้า เอาชาตินี้เลยเพื่อนเอ๋ย *****

ขอสาธุคุณให้มีแต่ความสุขความเจริญ

ในยุค 100,000 ปีของอายุขัยแห่งมวลมนุษยชาติ

ไล่ต่ำลงมาจนถึง 100 ปี แห่งอายุขัยแห่งมวลมนุษยชาติ

หากช่วงดังกล่าว ไร้ผู้มีบุญมีปัญญาลงมาเกิดกำเนิด

ตรงนี้เรียกว่าสูญกัปป์

คำว่าผู้มีบุญมีปัญญานี่ หมายถึงพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นมนุษย์ที่สร้างสมปัญญามาสูงสุด ของในแต่ละยุค

ที่จะสามารถมีปัญญาพบทางออกจากวัฏฏะที่เวียนวน อย่างไม่รู้จบนี้ ออกไปได้

และพาเหล่าหมู่มวลมนุษย์ให้เห็นช่องทาง ในการเดินออกจากวัฏฏะนี้ได้

ใน 1 อัตตรกัปป์นี่ เราเรียกว่า รอบอสงไขยปี

รอบอสงไขยปี ก็หมายความว่า

ช่วงเวลาแห่งกาลที่เทียบเอาอายุขัยของมวลมนุษย์ นับจากความเจริญสูงสุดที่มีอายุยืนยาวอันเนิ่นนาน ถอยต่ำลงมา จนเหลือแค่ 8-10 ปี

เมื่อเกิดมิคสัญญีมหาสงครามแห่งมวลมนุษยชาติเกิดขึ้น ตามธรรมชาติที่สูงสุดย่อม ย่อมโน้มลงต่ำสุดนี่เป็นธรรมดา

พวกส่วนที่เหลือ ก็เกิดการพัฒนาปรับปรุงภาวะจิตใหม่เพื่อความอยู่รอด

จนอายุขัยเพิ่มขึ้น เพิ่มไปจนมีอายุขัยราวๆ เอาเลขหนึ่งตั้ง ตามด้วย เลขศูนย์ 140 ลูก

นี่…วัฏฏะที่จากสูงสุดลงมาต่ำสุด และกลับขึ้นไปสูงสุด

เช่นนี้ เรียกว่า 1 รอบอสงไขยปี หรือ อีกนัยหนึ่งก็คือ 1 อัตตรกัปป์

และระยะ 1 อัตตรกัปป์นี่ เมื่อรวมกันได้ 64 อัตตรกัปป์ เช่นนี้ เราเรียกว่า 1 อสงไขยกัปป์

นี่..อสงไขกัปป์ เป็นชื่อเรียกของ 64 อัตตรกัปป์มารวมกัน

ความยาวนานแห่งอสงไขยกัปป์ก็คือ หากเอาเลขหนึ่งตั้ง เราก็ใส่ศูนย์ลงไป 8,960 ลูก

นี่..เป็นจำนวนปีแห่งกาลเวลาของ 1 อสงไขยกัปป์

และเมื่อรวมอสงไขยกัปป์ เวียนวนเข้ามา 4 ครั้งเช่นนี้ เรียกว่า 1 มหากัปป์

นี่..คำว่ามหากัปป์ มันเกิดจากกาลเวลา 4 อสงไขยกัปป์

1 อสงไขยกัปป์ มันเกิดจากกาลเวลา 64 อัตตรกัปป์

1 อัตตกัปป์ มันเกิดจากกาลเวลา 1 รอบอสงไขยปี

1 รอบอสงไขยปี มันเกิดจากการเวียนวนรอบแห่งกาลสูงสุด
ต่ำสุดแห่งอายุขัยแห่งมวลมนุษยชาติ

โดยเอาเลข 1 ตั้งตามด้วยเลข 0 เป็นจำนวน 140 ลูก

และจากจำนวนนี้ อายุแห่งมวลมนุษยชาติไหลลงต่ำเรื่อยมา
จนเหลือแค่ 8-10 ปี เป็นจุดต่ำสุดแห่งมวลอายุขัย

จากนั้นก็มีการพัฒนาขึ้นไป จนมีอายุขัยอันยาวนานเป็นจำนวน

1,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000 ปี

นี่..เป็นจำนวนปีแห่งอายุขัย และเป็นรอบที่เรียกว่า อสงไขยปี หรือ 1 อัตตรกัปป์ คุคุคุ..!!

ไปกินข้าวก่อน..!!

คราวนี้ ก็มาถึงความหมายแห่งคำว่า มหากัปป์

1 มหากัปป์ก็หมายความว่า กาลแห่งการหมุนเวียนของการเกิด
ดับที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ ที่สร้างความชิบหายให้แก่โลก

ในยุคต่ำสุดและสูงสุดที่ไหลวนเวียนอยู่ในอสงไขยกัปป์ หรือราว 64 อัตตกัปป์สุดท้าย

เช่นนี้ จำเป็นต้องเป็น 64 อัตตรกัปป์สุดท้ายด้วยหรือ และ 64 อัตตรกัปป์มันมาจากไหน

นี่..ตรงนี้ ใครทำให้มันเกิดกำเนิดขึ้นมา และจำเป็นด้วยหรือ ที่จะต้องเป็นเช่นนี้เสมอไป…

ตรงนี้มันไม่จำเป็นต้องเป็นเช่นนี้เสมอไป เพราะมันมีเหตุแห่ง
ปัจจัยวิบาก เป็นเครื่องมือดำเนินแนวทางแห่งกาล คือ

โดยธรรมชาติแล้ว สรรพสิ่งย่อมดำเนินไปสู่ความสูงสุดและ
ต่ำสุดตามเหตุปัจจัย

รอบอสงไขยปีที่เวียนวนถึง 64 รอบนี่ เกิดจากมหากัปป์ที่มี
ผู้มีปัญญาลงมาเกิดกำเนิด เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึง 5 พระองค์

ความที่มหากัปป์นี้ มีพระพุทธเจ้าถึง 5 พระองค์

ท่านเรียกมหากัปป์นี้ว่า ภ้ทรกัปป์ จึงทำให้ อัตตรกัปป์แห่งภัทรกัปป์นี่มันมีเวลายาวนานกว่า มหากัปป์อื่นๆ

ก็หมายความว่า เป็นมหากัปป์ที่มีความเจริญสูงสุดที่มีมนุษย์
ผู้มีปัญญาลงมาเกิดหล่อเลี้ยงวัฏฏะ

ให้เหล่าสัตว์ทั้งหลายได้ข้ามซึ่งความหลุดพ้นแห่งวัฏฏะที่
ไหลเวียนวนกันมา โดยไม่รู้จบ

ถ้ามหากัปป์ใดไม่มีมนุษย์ผู้มีภูมิปัญญามาชี้ทางออกจากวัฏฏะ ท่านเรียกว่า สูญกัปป์

เป็นมหากัปป์แห่งโมฆะวัฏฏะที่ดำเนินไปอย่างไร้ผู้ชี้
อายุของมหากัปป์ก็จะสั้นและแคบเข้ามา

ทีนี่ มหากัปป์ใดที่ไม่มีพระพุทธเจ้า ท่านเรียกว่า สูญกัปป์

หากมีพระพุทธเจ้า 1 พระองค์ ก็เรียกว่า มัณฑกัปป์

ถ้า 2 พระองค์ ก็เรียกว่า วรกัปป์ สารกัปป์ สารมัณฑกัปป์ ภัทรกัปป์ นี่..ไล่เรื่อยไปอย่างนี้ จนครบ 5 พระองค์

นี่..อ้างอิงจากหลักคำภีร์ฮินดูประกอบด้วย เพราะเรื่องอายุขัย
เหล่านี้ มันเป็นของฮินดู

พวกฮินดูมาบวชในพระพุทธศาสนา เขาก็เลยพอกพูนกาล
และเงื่อนไขเวลากันเข้ามาในคำภีร์พุทธด้วย

อย่างมหากัปป์นี้ เรามีพระพุทธเจ้ามาแล้ว 4 พระองค์

นี่..ยังไม่รู้อีกกี่อัตตรกัปป์ ที่จริงต้องอ่านว่า อัตตะระกัปป์น่ะ แต่จิ้มเป็นอันว่าเข้าใจพอ

จึงจะถึงกาลแห่งพระพุทธองค์เจ้าที่ทรงพระนามว่า… พระศรีอริยเมตไตรย

หูยยย..!!! ยาวนานๆๆ และไม่รู้ว่าต้องเกิดดับรอไปอีกเมื่อไหร่
และกี่ชาติ เกิดพลัดหลงหล่นไปในนรกละก็ ซวยอีก

เอาปัจจุบันเหอะพี่น้องชาติต่อไปไม่รู้ไปเกิดเป็นหมารึเปล่ามันยืนยันกันไม่ได้

เอาชาติปัจจุบันที่เป็นเรานี่แหละ เอาให้ดีที่สุด ได้แค่ไหนพอใจแค่นั้น

อย่าโง่เอาชาติหน้าที่ไม่รู้ว่าเป็นใคร มาเป็นเรื่องยึดมั่นถือมั่นเลย มันเป็นอากาศสำหรับเรา

ที่สำคัญ…มันไม่ใช่เราแน่

เมื่อไม่ใช่เรา แล้วเราจะไปแสวงหาเพื่ออะไรเหนื่อยเปล่าใช่ไหม

ทำไม ไม่เร่งและอบรมทำใจในชาตินี้ ในชีวิตที่มีที่เหลือ ให้มันดีที่สุดเล่า…

วันที่ 17 ธันวาคม 2558 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง