มวลจิตประหลาดที่ถาโถม

มวลจิตประหลาดที่ถาโถม

497
0
แบ่งปัน

***** มวลจิตประหลาดที่ถาโถม *****

หวัดดี… ทำไรกัน อาทิตย์หน้า ขนเหล็ก อย่าลืม มาทำกุศลให้แก่ใจเรา ก่อนวันสิ้นปี ใจข้าอยากให้จบซัก 30 เสา ก่อนสิ้นปีนี้

สมัยพรรษาแรก ก่อนออกพรรษาซัก 7 วัน หลังจากที่นั่งสวดมนต์ทำกรรมฐานแล้ว ข้าก็ตะแคงตัวนอนพัก

การนอนตะแคง ก็นอนอย่างมีสติ ในขณะที่กำลังจะเข้าภวังค์ เสียงวี๊ดดด แห่งอากาศก็พุ่งเข้ามา มวลอากาศรวมตัวเป็นเกลียว และมันก็โอบรัดตัวข้า ที่กำลังนอนกำหนดสติอยู่

ข้านี่ ขยับตัวไม่ได้เลย มันหนัก และวูบวาบไปทั้งตัว มวลอากาศ ที่ม้วนตัวเป็นเกลียว มันรัดแน่นเข้าๆๆๆ ดูเหมือนมันกำลังห่อหุ้มตัวให้หนาขึ้น แล้วร่างข้าก็เริ่มลอย

มันค่อยๆ ลอยสูงขึ้นจากเสื่อที่นอน มวลอากาศ มันโอบรัดหนาแน่นขึ้น อากาศรอบๆ มีเสียงแตกเพี๊ยะๆๆๆ มันยกตัวให้ลอยจากพื้นได้ซักฟุต

แต่ข้านี่ กระดุกกระดิกตัวไม่ได้เลย ขนลุกวูบวาบไปทั้งตัว และไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ความอื้ออึง แห่งเสียง ที่มาพร้อมมวลอากาศ มันเหมือนกับกองทัพขนาดใหญ่ ที่มารวมตัวกัน

เมื่อร่างเริ่มลอยตัวลง จนร่างนอนแนบพื้น ในท่าตะแคงเหมือนเดิม

ข้ากำหนดจิตระลึกถึงคุณพระรัตนตรัยซักพัก และนึกถึงการสร้างมหาเจดีย์ ที่ข้าได้ลงมือสร้างและทำเองกับมือจนแล้วเสร็จ นำเอากุศลส่วนนี้ แผ่ซ่านออกไป

ปรากฏว่า..ตัวเริ่มกระดุกกระดิกได้ แต่ความขนลุกขนพอง ยังคงยะเยือกไม่รู้หาย พอขยับตัวได้ ข้าก็ลุกขึ้นนั่งกำหนดจิตทำกรรมฐานทันที

อากาศทั้งหลายคลายตัว ไปรวมกลุ่มเป็นละอองควันอยู่เบื้องหน้า แล้วมันก็พุ่งเข้าหา จนกายข้าสั่นสะท้าน มันมีความรู้สึกเหมือนเม็ดทรายเล็กๆ เป็นแสนเป็นล้าน มันสาดซัด พุ่งกระโจนเข้าหา

ความระยิบระยับ ดุจเม็ดทรายที่สาดเข้ามา มันเหมือนว่า จะจมมะลายหายไปในกายยังไงยังงั้น มันก่อตัวและสาดอยู่ชั่วครู่อย่างต่อเนื่อง

ข้าเองตั้งมั่น ทำความสงบให้เกิดขึ้นแก่ดวงจิต มันเกิดการสำรวจกายว่า เกิดสภาวะกลัวหรือไม่กลัว แต่ข้าก็เห็นชัดถึงความตั้งมั่นแห่งจิตว่า ไม่กลัว เหล่าฝุ่นทราย สาดมาครั้งแล้วครั้งเล่า

จนที่สุด จิตข้าก็รวมตัว เกิดความสว่างไสวโพลนขึ้นมา ดุจตัวข้านี้ ตกอยู่ในกระแสน้ำนมขาวสว่างจ้าไม่มีประมาณ

ทั้งความรู้สึกแห่งกายและตัวตน สลายมะลายหายไปสิ้น หารูปตัวตนไม่เจอ ไร้เสียง ไร้ความรู้สึก ไร้ผัสสะใดๆ

มีแต่สติที่เด่นชัด กับความสว่างภายใน ที่โพลนจ้าโดยไม่มีประมาณ

มันเกิดคำถามขึ้นมาว่า นี่เกิดอะไรหนอ..??

พลันความรู้สึกทั้งมวล ก็สร้างเป็นภาพ มันเป็นภาพของผู้คนที่ล้มตายมากมายมหาศาลอยู่ในสงคราม

ความเจ็บปวดที่แสนสาหัส การดิ้นรน เพื่อให้พ้นคมดาบ ความบ้าคลั่ง ที่คุมสติไม่ได้ ของเหล่าผู้คน ที่เผชิญอยู่ในสงคราม

ความอาฆาต ความพยาบาท ความเครียดแค้น มันรับรู้ถึงอารมณ์เหล่านี้ ว่ามันช่างทุกข์เหลือใจ

ความรู้สึก เบื่อหน่าย ในการเกิดมาต้องเข่นฆ่ากัน มันทวีขึ้นมาเต็มหัวใจ

ข้ามีความรู้สึกเหมือนกับจะโยนดาบ และเชื้อเชิญให้แก่เหล่าผู้ที่ต้องการ จะฆ่า เชิญฆ่าเชิญฟันให้หนำใจตามสบาย ข้าพอแล้ว

ใจมันเหมือนปล่อยดาบ ไม่คิดอาฆาต ไม่ต้องการทวงคืนการกระทำ และที่สำคัญ มันเกิดความมีเมตตาขึ้นมา ใจมันเกิดการฟอกเป็นอุเบกขาขึ้นมา

เมื่อเห็นอารมณ์ของผู้ที่ยังจมอยู่ในตัณหาแห่งความทะยานอยาก เหล่าพวกเขาถาโถมเข้ามาฟันครั้งแล้วครั้งเล่า ด้วยความบ้าคลั่ง

ข้านี่ ยอมปล่อยแขนยอมให้เขาฟัน มันมีความรู้สึกว่า เขาฟันกันเท่าไหร่ ก็เหมือนฟันอากาศที่ว่างเปล่า

มันเกิดความเมตตาสงสาร ที่พวกเขา ฟันอากาศ ด้วยความคลั่งแค้น กระเหี้ยนกระหือ

รอบกายซ้ายขวา มีแต่ผู้ล่า ที่ต่างทะยานอยากด้วยความคลั่งแค้น

แต่ยิ่งแค้น เขาก็ยิ่งฟาดฟันอากาศ ที่ยืนมองด้วยความสงสาร

นี่..มันเห็นความน่าสงสาร ในดวงจิตของเหล่าข้าศึก ที่หลงยึดติดกับความคลั่งแค้น

ความคลั่งแค้น ที่ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย เมื่อปล่อยดาบยืนดูให้พวกเขาฟาดฟัน

ที่สุด…จิตมันก็ถอนออกมา ทุกอย่างเงียบสงบ หู แขน ขา ความรู้สึก ก็กลับมาทำหน้าที่ของมัน

เมื่อแผ่เมตตาจิตเสร็จ ข้าก็พนมมือ สวดอนัตตลักขณสูตร สวดจบ ก็ได้ยินเสียงสาธุคุณ ก้องไปทั้งโลกธาตุ

นี่..เป็นเหตุการณ์คืนหนึ่ง ก่อนออกพรรษา เมื่อครั้งยังเริ่มบวชพรรษาแรก

โลกนี้นี่ มันยังมีอะไรแปลกๆ ที่เราคาดไม่ถึงอีกมาก และหัวใจดวงนี้ ก็ยืนยันได้เต็มหัวใจได้ว่า…

พลังงาน และกลไกต่างๆ แห่งเอกภพ มันมีของมันอีกมาก ที่เหล่าสาธุชน ยังไม่เคยได้เผชิญ

ฉะนั้น…อย่าพึงทำกรรมชั่ว เมื่อไหร่ที่ท่านกายแตก กรรมทั้งหลาย ที่ยังไม่มาส่งผล

ท่านทั้งหลาย ยังต้องไปเผชิญผล ในวิบากภูมิอีกมากมาย ไม่รู้จบ อย่าได้ใชีวิตที่เหลือ ให้ประมาทกันอีกเลย

บาปบุญมันมี และสิ่งนี้ จะเป็นวิบากให้เจ้าของ ต้องเผชิญ

คืนนี้ ดึกแล้ว ขอสวัสดี

วันที่ 13 ธันวาคม 2558 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง