****** เมื่อรู้สึกตัวความมีเรามันเกิดขึ้นอยู่เสมอ *****
<< ลูกศิษย์: ท่านอาจารย์ครับ จิตมันคิดเร็วมาก มันคิดชั่ว แก้อย่างไรดีครับ…
ความเป็นเราอยู่ไหน ในใจที่ไหลออกไป
การไหลออกไปของใจนี้อาศัยเหตุปัจจัยอะไรเกิด
เราต้องได้รับผลแห่งกรรมที่ใจไหลลงต่ำไปเอง
แต่ไม่มีเจตนาจะให้ไหลไปเช่นนั้น
เราจะมีวิบากแห่งกรรมจากจิตคิดชั่วไหมครับ ในเมื่อไม่มีความเป็นเราในจิต สาธุครับท่านอาจารย์
>> พระอาจารย์: ความเป็นเรามันอยู่ตรงไหน ในใจที่มันไหลออกไป..!!
การไหลออกไปของใจนี้ อาศัยเหตุปัจจัยอะไรเกิด..!!
นี่..ท่านมหาเหรียญได้ถามมา..
>> ความเป็นเรานี่ อยู่ตรงสำคัญผิดในการเป็นเจ้าของ
ในการที่ใจมันไหลออกไปน่ะ ท่านมหา..
เมื่อไหลออกมาแล้ว มันมีความเป็นเราออกมาพร้อมกันด้วยเสมอ จะเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม
ตราบใดที่เกิดรู้ คำว่าไม่มีความเป็นเราในจิตนี่ ไม่มี
มันจะมีความเป็นเราเสมอ จะเป็นหรือไม่เป็น ความเป็นเรามันก็มีอยู่ในนั้น
การไหลออกไป นี่..มันอาศัยธรรมชาติแห่งการปรุงแต่งอัน
เป็นธรรมดา ของการมีผัสสะ
จะมีเราหรือไม่มีเรา ในการไหลลงต่ำอย่างที่ให้ความหมายนั้น
มันก็ไหลออกไป ตามธรรมดาของมันเช่นนั้น ที่เป็นโปรแกรม
สะสมมา เป็นธรรมดาของชนทั้งหลายที่เขาเป็นกัน
อริยชนท่านเลือกที่จะยืนอยู่ตรงช่องว่าง ที่อยู่กับมันได้
โดยที่ใจมันไม่เดือดร้อน
ใจที่มันไม่เดือดร้อน เพราะเข้าใจโดยวินิจฉัยตามความเป็นจริง
ที่ประจักษ์ใจว่า..มันเป็นธรรมดาของมันที่เป็นของมันเช่นนี้
มันเกิดไปตามเหตุปัจจัย
ความเป็นเรา มันรู้ได้ เพราะมันเกิดขึ้นมาแล้ว
ไม่ใช่ยังไม่เกิดแล้วเรามันรู้นี่
เราห้ามไม่ให้มันเกิด เราก็ทุกข์ใจตาย
เพราะความเป็นเรา มันเกิดขึ้นหลังจากที่มันเกิดขึ้น
ปรุงขึ้น สำเร็จขึ้นมาเป็นเวทนาและอัตตาแล้วเสมอ
ปราชญ์ผู้มีสติมีปัญญา ท่านรู้เท่าทันอาการปรุง คำว่ารู้เท่าทันอาการปรุงนี่ก็หมายความว่า
มันปรุงของมันเสร็จแล้ว ไม่ใช่กำลังปรุง แต่ปรุงแล้ว ท่านใช้กำลังสติ ลด ละ เลิก ในธรรมชาติแห่งการปรุง ไม่ให้ใจตนต้องเดือดร้อน
ท่านเลือกที่จะดับหรือก่ออาการที่มันปรุงแต่งสำเร็จออกมา ให้เจ้าของมันได้รู้เท่าทัน
ตรงนี่สำคัญ…
อริยชนท่าน มีสติตรึกตรองวินิจฉัยเหตุที่เกิด ท่านดำเนินมาทางดับ เรียกว่า มรรค
เหล่าปุถุชน ไร้สติตรึกตรองวินิจฉัยเหตุไม่เป็น ต่างไหลไปตามกระแสที่มันผุดขึ้นมาจากใจไม่รู้จบเป็นเหตุ จึงเป็นผู้ไหลไปตามกระแส เรียกว่า สมุทัย
กระแสที่มันไหล ย่อมลงสู่ต่ำเสมอ ความทุกข์ทั้งหลายที่ไหลไปตามกระแส ย่อมมาเยี่ยมเยือนใจเจ้าของ
นี่…เป็นหลักแห่งอริยสัจ
ธรรมทั้งหลาย ย่อมดำเนินไปตามสัจธรรมที่เป็นไปตามครรลองจิต เช่นนี้เสมอ
สติและปัญญา ที่ได้รับการลับคมอยู่เนืองๆ ย่อมยังความเชี่ยวกราดแห่งกระแสให้เจ้าของได้พอมีเรี่ยวแรงต้านความเชี่ยวกราดแห่งกระแส ที่ผุดขึ้นมาไม่รู้จบนี้ได้
เป็นเพียงแต่เรา มีกำลังใจพอที่จะหันกลับมาว่ายต้านกระแส
ที่เชี่ยวกราดของมันได้หรือไม่ ก็เท่านั้น
กำลังน้อย แม้จะว่ายทวนขึ้นมา มันก็เป็นการว่ายที่ไหลไปตามกระแส
ไม่มีสิ่งใดๆในโลก ที่จะพึงได้มา โดยไม่มีการแลกเปลี่ยน
อยากรวยอยากมีเงิน แต่ไม่ยอมทำงาน ย่อมเป็นไปไม่ได้ในการที่จะรวย
อยากมีความรู้ แต่ไม่พยายามอ่านหนังสือ ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะฉลาดรู้
อ้วนอยากผอม แต่ไม่อยากงดอาหารและออกกำลังกาย คงเป็นไปไม่ได้ที่จะเพียวผอม
โลกย่อมเป็นเช่นนี้
โลกนี้ ย่อมมีการแลกเปลี่ยนด้วยสิ่งหนึ่งเพื่อสิ่งหนึ่ง นี่..เป็นธรรมดา..!!
วันที่ 8 ธันวาคม 2558 โดยพระอาจารย์ ธรรมกะ บุญญพลัง