***** พระกรรมฐาน ย่อมรู้รหัสแห่งกายดุจหมอ *****
>> ลูกศิษย์ 1.. (บทความที่ส่งเข้าห้องไลน์)
พวกเราโดยปกติก็ใช้รูจมูก ทั้งสองข้างหายใจเข้า ออก โดยไม่รู้ความแตกต่างของ รูจมูกด้านซ้ายหรือขวาว่า แตกต่างกันตรงไหน ?
แต่องค์ความรู้แพทย์แผน อินเดียโบราณอธิบายเอาไว้ว่
1) เวลาปวดหัว ลองเอานิ้ว มืออุดรูจมูกด้านขวาแล้วใช้
2) เวลาอ่อนเพลียทำกลับด้านกัน
ให้ลองสังเกตตัวเองว่าเวลาร
ถ้าคำตอบคือรูจมูกด้านซ้าย คุณจะรู้สึกอ่อนเพลีย ให้รีบอุดรูด้านซ้ายและหายใ
หัดทำไปอยู่บ่อยๆ สักหนึ่งเดือนก็จะเริ่มสังเ
<< พระอาจารย์ : …..แต่ที่แพทย์แผนอินเดีย
เราเอาอาหาร ลม เข้าทางรูสะดือ เวลาจิตสงบ รวมตัวเป็นอุเบกขา เราหายใจทางผิวหนัง ไม่ได้หายใจทางรูจมูก ตรงนี้ เราคงไม่เชื่อกัน
เพราะทำกันไม่ได้ กายเรา ใช้ลมนิดเดียว ที่เป็นลมผ่านจมูกนี่ กายเอาไปใช้ ขับเคลื่อนดันอากาศพิษที่เก
ส่วนหนึ่งที่เป็นลมละเอียด ก็ใช้ในการยังธาตุไฟให้บริบ
นี่..เรื่องของลมที่ผ่านรูจ
>> ลูกศิษย์ 2 : แล้วเวลาเราเหนื่อยทำไมหอบห
<< พระอาจารย์ : ที่แกเหนื่อยและหอบ มันเป็นอาการแห่งจิต ที่มันทำงานไปตามหน้าที่ เพียงแต่แกเสือกไปเป็นเจ้าข
นี่..ตัวแกมันเป็นเจ้าของกา
และการที่หายใจแรงฟืดฟาด ก็เพื่อเอาลมไปผสมกับไฟให้เ
และขับเคลื่อนต่อเนื่องกันไ
เมื่อโดนขับออกมาตามผิวกาย พอโดนความเย็นภายนอก มันจึงเกิดเป็นเหงื่อ เหงื่อนี้เป็นน้ำจากภายนอกผ
>> ลูกศิษย์ 3 : พระอาจารย์คับ แล้วลมสัมพันธ์กับจิตวิญญาณ
<< พระอาจารย์ : จิตวิญญาณ อาศัยธาตุทั้ง 4 ในการก่อรูป ลมก็เป็นส่วนหนึ่ง ของธาตุทั้ง 4 ธาตุทุกตัว
มันก็ต้องอาศัยซึ่งกันและกั
หรือที่เรียกว่า จิตสังขาร จิตสังขารนี้เกิดจากความไม่
เดี๋ยวพวกเราจะงง เพราะเราไม่ได้อธิบายผลและเ
พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 26 มกราคม 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง
>> ลูกศิษย์ : หลวงตาาาาาาค้าไม่สบายหายยั
<< พระอาจารย์ : กายยังรุมๆ อยู่ ธาตุยังไม่สมบรูณ์ ที่เป็นหวัด มีน้ำมูกเขียวอ่อนๆ เป็นเพราะ โพรงจมูก เส้นเลือดฝอยมันแตก
เกิดจากอากาศที่หนาวเย็นและ
เมื่อละคายเคืองมากๆ เข้า ลำคอส่วนโพรงจมูกก็ระบม เมื่อระบมมากๆ เข้า บริเวณนั้นมันก็เกิดแรงต้าน
เมื่อเกิดแรงต้าน ก็เกิดความร้อน เมื่อเกิดความร้อน ก็เกิดเกิดการบวมเบ่งขึ้นมา
ความบวมเบ่งเมื่อโดนเสียดสี
เมื่อเส้นเลือดฝอยปริแตก เชื่อโรคต่างๆ ที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ ก็ซึมเข้าไปเกาะบริเวณนั้นไ
สมองก็จะหลั่งเสลดออกมาสกัด
ในเสลด ของสมองที่หลั่งออกมา หากเป็นนักกรรมฐาน หรือผู้ที่กำหนดจิต ทำสมาธิบ่อยๆ สมองจะหลั่งสารปฏิชีวนะ สำหรับการต่อต้านและทำลายเช
สารนั้น ชื่อว่าสารหลั่ง อะรูมิไร อ้อ..เอ็นโดฟินส์ (Endophins) อะไรนี่แหละ เรียกว่า สารสุขก็ได้ สารนี้ มันจะหลั่งออกมา ยามเรามีความสุข
ฉะนั้น คนที่เอากันบ่อยๆ เขาก็ไม่ค่อยจะเป็นหวัด ฮ่าๆ เพราะมักมีสารตัวนี้ หลั่งออกมาอยู่เสมอ เสียอย่างเดียว…..หมดแรง
ทีนี้ เสลดที่หลั่งออกมา ต่อต้านเชื้อที่ล่องลอยอยู่
เส้นเลือดที่ปริแตก จะยิ่งฉีกออกมากขึ้นและกว้า
ทีนี้…เมื่อเชื้อแบคทีเรี
การแบ่งตัวก็จะเกิดทวีคูณ สมองก็จะยิ่งเพิ่มเสลดออกมา
กายเราก็จะมีไข้รุนแรงขึ้น เพราะเชื้อเหล่านี้ จะเข้าไปเปลี่ยนแปลงการทำงา
ความผันผวนแห่งธาตุจะมีมากน
มันคือ เม็ดเลือดขาวและเชื้อโรค และสารที่เป็นปฏิชีวนะทำลาย
เชื้อที่มาใหม่ ก็เข้าไปติดอยู่ในเสลดที่หล
ก็จะโดนไฟธาตุ และน้ำย่อย เข้าไปสลายทำลาย และกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของก
แต่หากเชื้อมีจำนวนมากและแข
บางชนิดที่เรียกกันว่า อหิวา มันก็เอาเราตายไปเลยเช่นกัน
อาการต่างๆ ก็จะค่อยๆ ทุเลาลง เพราะสมองปกติของเรา มันมีรหัส ต้านทานเชื้อต่างๆ ของมันอยู่แล้ว มันจะหลั่งสาร ออกมาป้องกัน
และขณะเดียวกัน มันก็นำเอาเชื้อแบคทีเรียที
หากเราได้เป็นซักครั้งสองคร
โดยไม่เป็นอะไรเลย วันนี้ ข้าสั่งน้ำมูกออกมาเป็นเลือ
จึงมานั่งดูและพิจารณาการทำ
จึงได้ความตามที่โม้มานี่ อีก สองวันก็จะหาย ไม่มีไข้ และเชื้อโรคไหนมาทำลายได้ อีกแล้ว เพราะที่น้ำมูกกลับมาไหล เป็นเพราะ อากาศหนาว ที่กลับมาเผชิญอีก
แต่เชื้อโรคเหล่านี้ สมองมีรหัสป้องกัน มันต้านได้ พอดี เส้นเลือดมันแตกเพราะน้ำมูก
แต่ก็จะค่อยๆ ทุเลา เพราะเรากับเชื้อที่นี่ มันคนกันเอง คืนนี้ ก็เลยมาโม้เรื่องเสลดแห่งสม
วันที่ 26 มกราคม 2557