ทุกข์ที่ขันธ์ห้าหรือทุกข์ที่ใจ

ทุกข์ที่ขันธ์ห้าหรือทุกข์ที่ใจ

1137
0
แบ่งปัน

****** ทุกข์ที่ขันธ์ห้าหรือทุกข์ที่ใจ ******

หวัดดียามเย็นๆ ที่นี่ฝนตกพรำๆลงมาน่ะ ยามฝนตก อากาศมันก็ดี

น้ำฝนที่โปรยปรายลงมานี่ มันบริสุทธิ์ ลองดูซิ ลองเอาแก้วไปรับน้ำฝนมา

แก้วน้ำรับน้ำฝนมาค่อนแก้ว มันเป็นน้ำฝนใสๆ ตอนแรกมันคือน้ำฝน ตอนนี้มันเป็นน้ำใส

น้ำฝนนี้ เปรียบเสมือน จิต ที่ยังไม่ได้แต่งแต้มอะไร มันใสสว่างตาอยู่ในแก้ว

นู่น…ผงโกโก้ ..

เราเอาผงโกโก้ใส่ลงไป ผงโกโก้ละลายในน้ำใส
บางส่วนก็ตกตะกอน

เราจึงเอาช้อนคนๆๆๆ จนผงโกโกมันละลาย กลายเป็น
น้ำโกโก้ สีโกโก้ แล้วน้ำฝน ที่เราเอามาเป็นน้ำใส มันหายไปไหน…???

น้ำฝนใสๆ เดิมๆน่ะ เปรียบดั่งความว่าง ที่เรียกว่า.. จิต

ผงโกโก้ที่ใส่ลงไปน่ะ น้ำมันได้รับการผัสสะจากอีกสิ่งหนึ่ง

การละลายผงโกโก้ ที่แผ่ไปทั่วน้ำน่ะ คือ..กระบวนการปรุง

การคนเร่งให้ละลาย จนกลายเป็นน้ำโกโก้จนได้ที่น่ะ เป็นวิญญาณ

รู้ชัดว่านี่เป็นน้ำโกโก้ เป็นสมมุติอัตตาที่เป็นเวทนารู้สึกได้ มันเป็นน้ำโกโก้ไปซะแล้วไม่ใช่น้ำฝนที่มันใสๆ

จากน้ำเปล่า ปรุงจนสำเร็จเป็นน้ำโกโก้ ที่เป็นอัตตาสมมุติ จนมาถึงเวทนานี้ เรียกว่า กระบวนการแห่งเจตสิก..

เจตสิก ก็คือ การปรุงแต่งทั้งกระบวนการของรูปที่ผัสสะทางอายตนะ ที่มีองค์ประกอบของเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ จนครบกระบวนการ

กระบวนการเช่นนี้ เรียกว่า…เจตสิก

เจตสิก เป็นอาการของใจ

ใจ เป็นอาการของจิต

จิต เป็นอาการของ อวิชชา

อวิชชา เป็นอาการของตัณหาที่ผุดขึ้นมาไม่รู้จบจากใจเจ้าของ

นี่..เรียกว่า อิทัปปัจจยตา ที่คล้องจองอาศัยกันมา จนครบรอบแห่งวงล้อ ปฏิจจสมุปบาทของกาลหนึ่ง ที่เรียกสมมุตินี้ว่า เป็นเรา..!!

และเรานี้ มันไปเป็นเจ้าของเวทนา อันเกิดจากผัสสะ นี่ถ้าจะขยายผัสสะมาถึงเวทนานี่ ขยายตีแผ่ออกมาได้เยอะ

เรียกว่า ขยายปฏิจจสมุปบาทจุลภาคที่มองไม่เห็น ขยายออกมาให้ทุกคนได้มองเห็นกันเลยทีเดียว

นี่..วันนี้ฝนมันตกพรำๆ จึงเปิดการชี้อภิธรรมจากขุนเขา

เคยรู้เคยฟังมานานแล้วว่า ขันธ์ห้าเป็นทุกข์

ขันธ์ห้าเป็นของหนัก จึงได้นำขันธ์ห้ามาพิจารณาซะ

ขันธ์ห้ามันทุกข์ตรงไหน..??

จึงได้ความว่า ขันธ์ห้าไม่ได้เป็นตัวทุกข์

มีแต่ใจที่ยึดขันธ์ห้านี่แหละ เป็นเจ้าของทุกข์

ทุกข์ที่ใจยึด ไม่ใช่ ทุกข์เพราะขันธ์ห้า

ที่ลึกไปกว่านั้น..ยังไม่เคยมีใครนำมาอธิบายขยายเลยก็คือ….

ขันธ์ห้า ที่เป็นตัวปรุงออกมาเป็นเวทนา ที่ให้ความหมาย
เมื่อกี้ว่า เป็นกระบวนการที่เรียกว่าเจตสิกนั้น

กระบวนการแห่งการปรุงเหล่านั้น มันยังไม่มีตัวกูเข้าไปเป็นเจ้าของอะไรเลย

เพราะยังอยู่ในกระบวนการปรุงแต่ง ยังไม่ได้ยืนยันมาเป็นสิ่งของ วัตถุ บุคคล ที่เป็นสมมุติอัตตาที่เรียก…เวทนา ที่ให้ความรู้สึกกับเจ้าของได้ซักกะหน่อย

มันเป็นการปรุงของนามขันธ์ที่เป็นโปรแกรมธรรมชาติ
ของมันตามความเป็นธรรมดาแห่งการมี…ผัสสะ

จึงอยากถามว่า ขันธ์ห้าในความหมายที่เราแปลๆกันมา
นั้น เราเอาสมองส่วนไหนแปลกันออกมาว่ามันเป็นทุกข์

ทุกข์มันเกิดมาจากไหน ในเมื่อขันธ์ห้ามันเป็น
ตัวปรุงแต่งเพื่อให้เกิด เวทนา

เวทนานี่..คือตัวทุกข์

เวทนานี่…คือตัวสุข

และความเป็นเจ้าของ สุขหรือทุกข์ได้นี่ มันต้องเกิดจากเวทนาเท่านั้น

ไม่ใช่กระบวนการปรุงแต่งของขันธ์ห้า ที่เรียกกันว่า เจตสิก..!!

ก๋วยเตี๋ยวหนึ่งชามโดนปรุงขึ้นมาเพื่อความอร่อย..
ขณะที่ปรุง มันอร่อยตรงไหนขอถาม

นามขันธ์ มันอาศัยผัสสะจากรูป แล้วจึงเกิดการปรุง

เวลาก๋วยเตี๋ยวอร่อย มันอร่อยในขั้นตอนการปรุง
หรือปรุงจนได้ที่ของมันแล้ว มันจึงบอกได้ว่า เออ..อร่อย

การได้ที่ของมันแล้วนี่ คือ การได้รับยืนยันว่าอร่อย เมื่อผัสสะลิ้นนี่ ไม่ใช่อร่อยในขั้นตอนที่กำลังปรุง

กระบวนการปรุง มันเป็นสุขเป็นทุกข์ ที่เรียกว่า เวทนากันตรงไหน

ขันธ์ห้าก็เหมือนกัน บอกว่าเป็นทุกข์

เอากระบวนการปรุงมาเป็นเวทนา

เอากระบวนการปรุงมาเป็นความอร่อย ไม่อร่อย

นี่..แปลไม่เข้าท่ากันมาแต่โบราณแล้ว แต่ไม่มีใคร
เจาะลึกลงไปวินิจฉัย

คงลืมไปหลายๆว่า ไอ้ที่แปลๆตามบาลีพจนานุกรมน่ะ เรามันลอกๆ เขามา

เมื่อลอกเขามา เราก็ควรหัดตั้งท่าวินิจฉัยด้วยหลัก ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์กันซะมั่ง

ความปิติใจแห่งสัมโพชฌงค์มันจะได้เกิด

จริงๆข้าก็ขยายความหนุกหนานยามฝนพรำไปงั้น สะกิดกันเล็กน้อยพอมองเห็น

เดี๋ยวพวกอักษรวิจิตรมันด่าข้าอีก ที่เพ้อเจ้อยามฝนพรำ แล้วขวางตำราที่แปลมา

พวกยึดมั่นกับการแปลและตีความมันยิ่งจ้องด่าข้าอยู่

ขอตัวไปเลี้ยงกระรอกดีกว่า มันน่ารักดี

มันเพิ่งมาใหม่ เรียกว่า ไอ้ไข่ทองแดง ..!!

ไอ้ทองแดงนี่ มันเป็นพญากระรอกทองน่า ไอ้น้องคนหนึ่งมันเอามาให้

เดี๋ยวก็ได้ปล่อยให้อยู่กับป่าที่นี่ ป่าที่นี่ เป็นบ้านของมันได้ มันปลอดภัยไม่มีใครมายิงมันไปผัดเผ็ด

นอกจากมันจะเสร็จเจ้าเหลาม ไอ้เรื่องนี่นี่..มันช่วยไม่ได้ มันเป็นวิบากของแต่ละฝ่ายที่ต้องเผชิญกัน

คุยกันฉันพี่น้องยามฝนพรำ ว่างๆก็มานั่งล้อมวงตรงลานหญ้าท่ามท้องฟ้าแผ่นน้ำและขุนเขาด้วยกัน

ที่นี่ เป็นบ้านของทุกคน มาแล้วก็ขอให้ได้ผลกำไรแห่งธรรมกันกลับออกไป