แม้ฉลาดทางธรรม ความโง่ก็ยังมาเยือนหากหลงอยู่กับธรรม

แม้ฉลาดทางธรรม ความโง่ก็ยังมาเยือนหากหลงอยู่กับธรรม

865
0
แบ่งปัน

ขอสาธุคุณยามเช้าให้มีแต่ความสุขความเจริญ

ความสุขอันเกิดแต่ธรรมนั้น คือ ความเข้าใจในสรรพสิ่ง ว่ามันเป็นเช่นนั้นเองตามเหตุปัจจัย

ที่เราเข้าไม่ถึงธรรม แม้ฟังธรรม อ่านธรรมมามาก ก็คือ การเอาตัวตนเข้าไปเป็นเจ้าของในทุกเรื่องที่เราผัสสะ

การสอดส่องลงไปถึงเหตุที่ลึกลงไปๆๆๆๆตามกำลังแห่ง สมาธิจะช่วยให้เข้าใจ

แม้เข้าใจแล้วว่า ธรรมทั้งหลายมันเป็นของมันเช่นนั้นเอง ตามเหตุปัจจัย

ธรรมทั้งหลาย มันก็ยังคงปรากฏอยู่เช่นนั้นแหละ
และมีเราเข้าไปเป็นผู้ผัสสะธรรมเป็นธรรมดา อยู่เช่นนั้นแหละเหมือนเดิม

ใช่ว่า ธรรมทั้งหลายเมื่อเข้าถึงความเป็นธรรมแล้ว
สิ่งที่ไม่ชอบใจ สิ่งที่ทุกข์ทนทั้งหลายมันจะหายไป ไม่เกิด ไม่เป็นอีกต่อไป…ไม่ใช่เช่นนั้น ..!!!

ความทุกข์ ความไม่ชอบใจ ความอึดอัดขัดเคือง มันก็แสดงผลอยู่เช่นนั้นไม่ได้หายไปไหน ดั่งที่คนไม่เคยสอดส่องลงไปเข้าใจ

เป็นแต่เพียง ใจดวงนี้มันเข้าใจ ว่าสรรพสิ่งทั้งหลาย มันก็เป็นของมัน
เช่นนั้นเอง ตามเหตุปัจจัยของมันเช่นนั้น

สิ่งที่หายไป ไม่ใช่อาการ สิ่งที่หายไป คือ ความสงสัย ที่มันยึด และมันหลงมาตลอด วัฏฏะของมันโน่น

มันแก้ความหลงในอุปาทาน ที่จิตมันยึดมั่นถือมั่น ว่าผลทั้งหลายที่มันหลงยึดมั่นถือมั่นนั้น ว่าใช่ อย่างที่ผลมันแสดงอยู่จริงๆ

ฉะนั้น ผลทั้งหลาย ที่เขียนกันมาตามตำรา มันตันอยู่แค่ผลสมมุติที่แสดง มันไม่สามารถแทงลึกลงไปได้เลยว่า ผลทั้งหลายที่แสดง มันยังมีเหตุของมันอยู่

เมื่อเห็นชัดตรงนี้ก็จะรู้ชัดว่า ตำราทั้งหลายไม่ทำให้
เจ้าของบรรลุมรรคผลอะไรได้ ตำรามันขยายเหตุไม่ได้

ตำราเป็นแค่เพียงช่องทางการชี้ เป็นแผนที่ให้เจ้าของ เดินไปตามลายแทงแห่งตำรา

แต่เราทั้งหลาย มักเอาตำรามาเป็นตัวสัจธรรม ไม่เข้าใจว่าธรรมจากตำราเป็นแค่ตัวชี้สัจธรรม

พระพุทธองค์เป็นผู้ชี้สัจธรรมไม่ใช่พระพุทธองค์เป็น สัจธรรมอย่างที่หลงงมงาย

พระธรรมเป็นผู้ชี้สัจธรรมไม่ใช่พระธรรมเป็นตัวสัจธรรม อย่างที่หลงงมงาย

พระสงฆ์เป็นผู้ชี้สัจธรรมไม่ใช่พระสงฆ์เป็นตัวสัจธรรม อย่างที่หมู่ศิษย์เข้าใจ

พุทธเราหากมีผู้มีปัญญามองเห็นเหตุและผลที่ร้อยเรียง
กันมาไม่ตันคับแคบอยู่แค่ผล

ความสว่างไสวแห่งปัญญาญาน มันก็จะเรืองรองผ่องใส กันทุกคน..

ธรรมทั้งหลายเกิดแต่เหตุ.. นี่ก็หมายความว่า
ผลทั้งหลายที่เราประจักษ์ ย่อมมีเหตุของมันอยู่เสมอ

ไม่ได้เกิดขึ้นมาโดยไม่มีเหตุ และเหตุทั้งหลายที่เราสาว
ลึกลงไปหาต้นตอแห่งเหตุ ก็จะทราบชัดแจ้งลงไปอีกว่า

เหตุทั้งหลายที่สาวลึกลงไป มันก็คือ ผลของเหตุที่ยังมี
เหตุรองรับตัวมันอยู่

ผู้มีปัญญาย่อมสาวเหตุอันเป็นผลที่ลึกลงไปนั้น เพื่อหาเหตุที่ลึกลงไป ก็จะพบว่าเหตุที่ลึกลงไปทั้งหลายนั้น มันก็คือผลที่มีเหตุลึกลงไปอีกรองรับอยู่อีก

นี่..มันสาวผลลึกลงไปเช่นนี้

อาการแห่งการสาวลงไปเช่นนี้เป็น ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์
อันเป็นองค์ธรรมแห่งการตรัสรู้ที่เกิดจากการมี สมาธิ ปัญญาสาวลงไปวินิจฉัย

ร่องแห่งการวินิจฉัยธรรมเช่นนี้ เรียกว่า การสาวผลอันเป็น อิทัปปัจจยตา อาศัยสิ่งหนึ่งมี สิ่งหนึ่งก็มี คล้องจองเรื่อยลงไปตามหลักเหตุหลักผล

อริยสัจ ก็เป็นหลักเหตุหลักผลที่อาศัย กฎแห่งอิทัปปัจจยตาร้อยเรียงกันมา

การสาวลึกลงไปตามหลักนี้ จะสามารถสาวลึกลงไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ซึ่งสำหรับผู้ที่มีปัญญาสาวลึกลงไปเช่นนี้ หากยังโง่อยู่ ก็จะจมอยู่กับการวินิจฉัย อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

คือสาวลึกลงไปเรื่อย และสาวอย่างหาเหตุที่สุดแห่งเหตุ นี่..จากฉลาด ก็เริ่มเป็นโง่แล้ว

กฏแห่งอิทัปปัจจยตา คือ ไม่มีที่สิ้นสุด สาวลึกลงไปเท่าไหร่ ก็ไม่มีที่สิ้นสุด

ผู้ฉลาดที่สามารถสาวผลอยู่เช่นนี้ ก็จะสาวลงไปโดย
ไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้ มันเป็นวัฏฏะ

นี่..ฉลาดมากไป ก็โง่ ในสิ่งที่ตนฉลาดเช่นกัน..!!

ผู้ที่จะผ่านวัฏฏะที่สาวลึกลงมาไม่มีที่สิ้นสุดนี้ได้

หากเกิดปัญญาญานรู้แจ้งว่า การสาวผลลงไปหาเหตุ มันมีไม่ที่สิ้นสุด ความสิ้นสุดแห่งวังวนที่ลึกสุดหยั่งนี้ มันอยู่ตรงไหน ปัญญาก็จะเกิดการวินิจฉัยล่ะ

หากเกิดปัญญาน ด้วยเหตุปัจจัยอะไรก็แล้วแต่ จะทราบได้ว่า ในร่องธารแห่งกฏอิทัปปัจจยตา มันมีการครบรอบแห่งกาลในแต่ละวงกาล สำเร็จดัวยตัวมันเองอยู่

นั่นก็คือ…กาลแห่งวงล้อ ปฏิจจสมุปบาท

ปฏิจจสมุปบาท…เป็นวงล้อแห่งกาล ที่อาศัย
กฏอิทัปปัจจยาเกิด

เมื่ออิทัปปัจยตาเกิดไม่มีที่สิ้นสุด ปฏิจจสมุปบาท
ก็ลึกสุดหยั่งไม่มีที่สิ้นสุดเช่นกัน

ด้วยเหตุนี้ ใครมีวิสัยภูมิวาสนาแค่ไหน มันก็หยั่งธรรม
กันลงไปเท่าที่วาสนามี

ผู้รู้แจ้งย่อมเข้าใจว่า ปฏิจจสมุปบาท มันมีกาลให้แยกย่อยเป็นรอบๆ เป็นวงๆไป

เพียงแต่วงมันไหลคล้องจองกันไป ผู้ไม่ฉลาดจึงออกจากวงล้อแห่งวัฏฏะนี้ไม่ได้

เมื่อออกจากวงล้อนี้ไม่ได้ ความทุกข์ทั้งหลายที่ต้อง
เวียนวนอยู่ในวงล้อ ก็เกิดไม่มีที่สิ้นสุดตามกลไกแห่ง
วงล้อปฏิจจสมุปบาท ที่คล้องอาศัยกันไปตามหลักและ
กฏอิทัปปัจจยตา

ว่าจะขยายคลี่ออกมาอีก แต่ไม่ว่างซะแล้ว

ต้องขอตัวก่อน ไว้วันหน้าเราค่อยมาว่ากันในธรรมที่ผู้คน
ไม่ค่อยเอากันอีกที

วันนี้สวัสดี ให้มีดวงตาเห็นธรรมกันทุกคน..!!