การนิ่งเฉย ใช่จะเรียกได้ว่า อุเบกขา

การนิ่งเฉย ใช่จะเรียกได้ว่า อุเบกขา

903
0
แบ่งปัน

>> คำถาม : พระอาจารย์ กระผมมีเรื่องจะเรียนถาม คืออย่างนี้ครับ วันนี้ผม ไปขี่จักรยาน กับญาติคนหนึ่ง ไปแถวพุทธมณฑล ชายคลอง ขี่ไปเลื่อยๆ เพื่อถ่ายรูปกัน บังเอิญไปเจอ ปลาซ๊อกเกอร์ อยู่บนบกอาการเหมือนใกล้ตาย

ผมยืนมอง และเฉยเสีย เพราะรู้ว่าปลาชนิดนี้ เขาต้องการกำจัด เพราะมันเป็นปลาที่มันกินใข่ปลาทุกชนิด ในแม่น้ำลำคลอง

อาจทำให้พันธุ์ปลาท้องถิ่นสูญพันธุ์ เพราะปลาชนิดนี้ มันเป็นปลาแถบลุ่มน้ำอเมซอล

พอมาสักพักก็เจอป้ายห้ามจับปลาหน้าปลาวางใข่ ผมก็ชี้ให้เขาอ่าน เขาบอกว่าพวกคนก็เห็นแก่ตัว ผมก็อธิบายว่า ไม่ใช่เห็นแก่ตัว

เป็นการอนุรักษ์พันธุ์ปลาพื้นเมืองต่างหาก การช่วยด้วยเมตตาของคุณอาจทำให้ปลา พื้นเมืองสูญพันธุ์ได้

เขาว่าให้ กระผมถามพระอาจารย์ดูก็ได้ เขามั่นใจว่าเขาเป็นฝ่ายถูกเพราะมีเมตตา ส่วนผมบอกว่าต้องอุเบกขา

เพราะว่าเมตตาผิดที่ ผมว่าต้องถามกรมประมง จึงจะถูกเขาบอก ให้ถามเลย

ผมอยากให้พระอาจารย์ชี้แนะก่อนครับ ระหว่าง เมตตา ของเขา กับ อุเบกขาของผม

ของใครเหมาะสมกว่ากันครับ กราบนมัสการ รบกวนเพียงเท่านี้ครับ กราบๆๆ


<< พระอาจารย์ : หนึ่งชีวิตนี่… ไม่ควรจะตัดสินด้วยความคิดของเรา ว่าสิ่งนี้ มันเป็นสิ่งทำลายอีกสิ่งหนึ่ง ที่เราคิดว่า สำคัญกว่า

หนึ่งชีวิตของปลาแม้ไม่มีค่าสำหรับเรา มันก็คือ…หนึ่งชีวิต

การเฉยเพราะเห็นว่า สิ่งนี้ มันเป็นภัย ต่อชีวิตอื่น นี่ไม่ใช่อุเบกขา

เป็นแค่เพียง ทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ กับสิ่งที่เรายัดเยียดลงไป ว่ามันไปทำลายไข่ปลาหรือชีวิตผู้อื่น

มันเป็นภวตัณหาและวิภวตัณหาอย่างหนึ่งที่เกิดจากอัตตาความคิดเรา เพราะความถูกใจและไม่ถูกใจในอัตตาตนเป็นเหตุ

ปลาซ๊อกเกอร์นี่ เป็นปลากำจัดซากพืชซากสัตว์ในน้ำ ธรรมชาติ สร้างมาเพื่อปรับถ่วงความสมดุลย์

มันออกลูกมากมายแพร่หลาย เป็นไปตามวิถีชีวิตมัน มันไม่รู้หรอกว่านี่ไข่ปลา นี่ซากปลา มันรู้แต่ว่า สิ่งเหล่านี้คืออาหาร และมันก็เกิดมามีสิทธิที่จะกินเพื่อหล่อเลี้ยงชีวิต

มีแต่ความคิดคนนี่แหละ ที่ไปยัดเยียดวิถีชีวิต และแนวทางการดำเนินของมันตามวิถีที่มันเป็น

หนึ่งชีวิต ที่ใกล้จะตาย หากช่วยได้ ก็ถือว่าเป็นใจกุศล ที่ประกอบด้วยเมตตา

และเมตตานี่ เป็นหนึ่งในองค์แห่งพรหมวิหารสี่ คือ เมตตา มุทิตา กรุณา อุเบกขา

การที่เราบอกว่า เราอุเบกขา ปล่อยให้มันตายไป เพราะเหตุ แห่งเหตุผลความคิดเรา ว่ามันทำลายปลาท้องถิ่น นี่มันไม่ได้เรียกว่า อุเบกขา

นี่มันอุเบกขาเข้าข้างกิเลส คือวางเฉยเสีย เพราะเหตุแห่งความคิดเรา ที่ดูว่ามันเป็นตัวทำลาย

อุเบกขาที่ขาด เมตตา กรุณา มุทิตา ไม่เรียกว่า เป็นผู้มีอุเบกขา การวางเฉยที่ขาดการสอดส่งด้วยสติปัญญาอันเป็นธรรม ไม่ได้เรียกว่าเป็นอุเบกขา

การวางเฉยเช่นนี้ เป็นอาการแห่งตัณหาที่ประกอบด้วยกำลังมานะและทิฎฐิ ในความเห็นที่ว่า มันเป็นตัวทำลายสิ่งอื่นๆ

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม นี่เป็นธรรมดา

น้ำเน่าน้ำเสียสารเคมีที่มนุษย์ผู้ใจบุญหนักหนา ทำลายธรรมชาติ มันอันตรายทำลายยิ่งกว่าพวกปลาซ๊อกเกอร์

ปลาซ๊อกเกอร์เดิมอยู่ในลุ่มน้ำอเมซอล มันคงอยู่กันมาเป็นพันๆปีแล้ว หรือสืบทอดเชื้อสายมาเป็นล้านๆปีแล้ว

หากมันเป็นสัตว์เลวร้ายตามความคิดเรา ว่ามันเป็นตัวทำลายสัตว์น้ำอื่นๆ เหล่าปลาในแม่น้ำอเมซอล คงสูญสิ้นไม่เหลือซากไปนานแล้ว

และเจ้ามนุษย์เองอีกนั้นแหละ ที่ดันไปโยกย้ายถิ่นฐานพวกมันกันมา เพื่อมาเสพความบัญเทิงใจ ในความเป็นปลารูปร่างหน้าตาแปลกๆของมัน

ดุจได้สาวงามมา พอสิ้นค่าก็ขายทอดเธอไปเป็นกระหรี่ซะงั้น และรุมประนามหยามเหยียด ว่าอีนี่ เป็นพวกกระหรี่ที่สิ้นค่า ทำให้หมู่เหล่าประชา มันเสื่อมเสียเกียรติ ต้องกำจัดมันออกไป

ที่นี่ มีงูมากินมาทำลายสัตว์เลี้ยงที่เรารัก สัตว์เลี้ยงที่เรารักมากมายหายไป เพราะโดนงูกิน

เจ้างูมันติดตาข่ายที่เราป้องกัน เราก็น่าจะปล่อยให้มันอดตายเพราะมันมาทำลาย สิ่งที่เรารัก

แต่งูมันไม่ได้รู้นี่หว่า ว่ามันเป็นตัวทำลายสิ่งที่เรารัก มันแค่มาหากินตามประสาสัญชาตญาณของมัน

เราเข้าใจ เราจึงต้องช่วยมัน ให้มันพ้นออกไปจากข่ายแห่งความตาย ที่เราได้กั้นไว้เพื่อป้องกันงู

เรานำตาข่ายด้วยหมายแค่ป้องกัน สัตว์เลี้ยงที่เรารักได้มานอนพัก ในยามค่ำคืนให้มันปลอดภัย

เราไม่ได้กั้นตาข่ายเพื่อทำร้ายและทำลายงู ที่มันมาหากินและรุกรานสัตว์เลี้ยงที่เราแสนรัก เพราะความเกลียดชังงู นี่..มันคนละเรื่องกันเลย

เมื่อมันมาติดตาข่าย ดิ้นรนเพื่อให้พ้นจากตาข่าย เราก็ต้องมาช่วยมันอีก ให้พ้นจากความทุรนทุราย ที่เกิดจากเครื่องมือที่ป้องกันมัน

แล้วเอาไปปล่อยไกลๆ แม้ว่า วันหนึ่งมันจะหวลกลับมาทำลาย สิ่งที่เรารักอีกก็ตาม นี่มันเรื่องธรรมชาติ ที่เราต้องเผชิญตามธรรมชาติเป็นธรรมดา

ความจริงที่เราคาดไม่ถึงก็คือ แม้ไม่มีงูตัวนั้น ที่แอบเข้ามากินสัตว์เลี้ยงที่เรารัก

มันก็ยังมีงูตัวอื่น เป็นร้อยเป็นพันที่คงยัง หาอาหารเช่นงูตัวนั้น ที่เราไม่ชอบขี้หน้า

นี่..เรายอมรับความจริงเช่นนี้ จึงจะเรียกได้ว่า เป็นผู้มี อุเบกขา

เพราะอาศัย ความเมตตา กรุณา มุทิตา ด้วยความเข้าใจ ว่าธรรมชาติมันเป็นของมันเช่นนี้

ที่มันไม่เป็นของมันเช่นนี้ มันเกิดจาก เราชอบเสือกและยัดเยียดความคิดเรา ให้แก่ธรรมชาติ ที่มันเป็นธรรมดาของมันเช่นนั้นเอง

ยังมีเหตุปัจจัยอื่นอีกมากมายหลายมุม ที่จะอธิบาย

แต่วันนี้ ว่ากันพอเป็นแนวทางแค่นี้ เวลาไม่ค่อยมี คนมันเยอะ..!!