ตำรวจให้ความเป็นธรรม ยังไม่รับแจ้งดำเนินคดี ข้อหาบุกรุกที่อุทยานกล่าวหา

ตำรวจให้ความเป็นธรรม ยังไม่รับแจ้งดำเนินคดี ข้อหาบุกรุกที่อุทยานกล่าวหา

3099
0
แบ่งปัน

การยกกำลังพลเข้ามาแจ้งจับ กล่าวหาว่าบุกรุกอุทยาน นับจากวันที่ 24 มีนาคม 2561

มาจนถึงบัดนี้วันที่ 29 มีนาคม 2561 แล้ว วัดป่าบุญญพลัง ยังไม่ได้เป็นผู้ต้องหาอะไรเลย

เพราะทางตำรวจยังไม่รับแจ้งความดำเนินคดี

ยังไม่มีการเรียกพระนธี ตามที่นาย ฐิติ โสมภีร์ หัวหน้าพื้นที่ผู้นำเข้าจับกุม แจ้งความดำเนินคดีในข้อหาบุกรุก

ผู้กำกับด่านแม่แฉลบ พ.ต.อ. สราวุธ ศรีชัย ท่านบอกว่า ต้องให้ความเป็นธรรม ตามความเป็นจริง

วัดเขาผิดอะไร ทำไมไม่ให้ความเป็นธรรม

นี่..ตำรวจที่มีความยุติธรรม ให้ความเป็นธรรมในเมืองไทยยังมีอยู่ที่นี่

ทางตำรวจยังไม่รับแจ้งความ ยังต้องตรวจสอบความจริงของการกล่าวหากันเสียก่อน

ไม่ใช่เอะอะรับแจ้งความกันแต่เพียงฝ่ายเดียวให้เป็นคดี

แต่นาย ฐิติ โสมภีร์ หัวหน้าอุทยานที่นี่ กลับให้ข่าว

ด้วยการนำนักข่าวหิวโหย เพื่อให้ไปทำข่าวให้แก่ผลงานตน

นำข่าวอันเป็นเท็จ และอ้างคำสั่งจากกรมเข้าบุกยึดจับกุม ด้วยข้อหาบุกรุก

 

แผนที่ดั้งเดิม แน่ชัดว่า วัดป่าบุญญพลัง ไม่ได้อยู่ในแนวเขตของอุทยาน พื้นที่สีแดงเป็นพื้นที่อุทยาน

นักข่าวก็แสนเฮงซวย ไม่ไต่ถามข้อเท็จจริงและให้ความเป็นธรรมก่อนออกข่าว

ทั้งๆที่ตนเองก็เข้ามาถึงพื้นที่ อยู่ในพื้นที่ นั่งอยู่ในเหตุการณ์นั่นแหละ

แต่ทำงานเป็นหมารับใช้ เป็นเครืองมือให้แก่ หน่วยงาน

และเป็นตัวกระจายข่าวออกไป ทั้งช่อง 3 ช่อง 7 มติชน ออนไลน์ต่างๆ

ออกข่าวกันไปโดยไม่มีข้อเท็จจริงที่มีเหตุผลทั้งสองฝ่าย

พากันไปเต้าข่าว เขียนข่าวยำคลุกเคล้ากันไป ด้วยภาพเก่าๆ ที่คดีถึงที่สุดว่าไม่มีความผิด

ตำรวจยกฟ้อง อัยการยกฟ้อง กองบัญชาการภาค 7 ก็เซ็นเห็นชอบในการยกฟ้อง

ด้วยคดีกล่าวหาและจับกุม ไม่มีมูลความผิดตามหลักฐานที่ได้มีการตรวจสอบ

ครั้งนี้ เจ้าหน้าที่บางคนสร้างคดีใหม่ให้แก่เราอีก ด้วยข้อหาบุกรุก

ออกข่าวทำลายและโจมตีด้วยสื่อ ทำตัวเป็นหางเสือเลียตูดรับใช้เจ้าหน้าที่ ว่าวัดป่าบุญญพลังผิด

ผิดด้วยข้อกล่าวหาว่า บุกรุกพื้นที่ป่าอนุรักษ์

เอาคำอ้างป่าอนุรักษ์ โดยไม่ดูตาม้าตาเรือ ทั้งๆที่เป็นหัวหน้าอุทยานเอง

ไม่ศึกษาพื้นที่ ไม่ศึกษาความเป็นมาในพื้นที่ รังแกแต่ชาวบ้านที่ไร้ทางสู้ ด้วยการลุแก่อำนาจ

อ้างหน้าที่ อ้างนายสั่ง ไม่มีวิจารณญานในการปกครอง ไม่รอมชอมกับราษฎร

การเป็นพุทธอุทยานนั้น จะมีการติดตามอย่างต่อเนื่อง

เพราะเป็นโครงการรัฐ ให้ที่พักสงฆ์ช่วยงานและรักษาป่าไม้

เอาแค่เรื่องโครงการ ไม่ต้องขุดไปถึงที่ตั้งแห่งพื้นที่ดั้งเดิมที่ไม่ใช่พื้นที่อุทยาน

MAP01_Merge_1280

เปรียบเทียบให้เห็นการเปลี่ยนแนวหมุดองศาของแผนที่ ทำให้แผนที่เดิมแตะเข้ามาถึงพื้นที่วัดป่าบุญญพลังส่วนหนึ่ง ทั้งไที่เป็นเขตป่าเสื่อมโทรม

เมื่อมีโครงการพุทธอุทยาน เจ้าหน้าที่ก็ต้องมีการเบิกงบประมาณแผ่นดินออกมาทำโครงการกันล่ะ

เมื่อออกมาทำโครงการ เจ้าหน้าที่จะไม่รู้อะไรเชียวหรือ

ว่าที่วัดป่านี้ เขามีการสร้างพระกันมาและลงนามเรียบร้อยว่าถูกต้อง

อยู่กันมานาน อยู่ก่อนเป็นพุทธอุทยาน ไม่ใช่ผู้บุกรุก

สัตว์ที่เลี้ยงก็เป็นสัตว์ฟาร์มไม่ใช่สัตว์ป่า

แผ่นไม้ที่หาเรื่องจับคราวก่อน ที่ใช้รองนอนของเหล่าพระที่ชาวบ้านนำมาถวายนั้น มันก็ตั้งอยู่อย่างนั้น

ไม่ได้ปกปิด ทุกอย่างเปิดเผยชัดเจน เจ้าหน้าที่ไม่แหกตาดูกันบ้างหรือ

หรือรับเงินโครงการแล้ว ไม่เคยเข้ามาดูแลเลย จึงไม่รู้เรื่องห่าเหวอะไร

นี่เป็นการแสดงว่า เจ้าหน้าที่บางคนมีการอมเงินโครงการพุทธอุทยาน

ทำเรื่องเบิกตังค์ แต่ไม่ยอมทำงานหรือเปล่า (กูแค่สงสัย?!?!?!?!)

ตลอดสองปีตั้งแต่ปี 2558 – 2560 มีเจ้าหน้าที่ระดับล่าง เอาต้นไม้เข้ามาปลูกเพื่อถ่ายรูป 3 ต้น

เราเป็นคนขุด เขาเป็นคนถ่าย บอกว่าเอารูปไปยืนยันนาย ว่าทำงานแล้ว

ครั้งเดียวเท่านั้น เดือนเมษาร้อนและแห้งแล้งตายชักซะด้วย

ผลงานอันยิ่งใหญ่ของการเบิกงบโครงการของหน่วยงานอุทยาน

คือปลูกต้นไม้เพื่อถ่ายรูปส่งนาย 3 ต้น และต้นไม้ตายห่าไปนานแล้ว ไม่เคยมาดู

แต่ไม่เป็นไร ทางวัดป่าบุญญพลัง เอาต้นใหม่มาเปลี่ยนให้แล้ว

เพราะเราปลูกเองกันทุกปี ปลูกกันมาเป็นหมื่นๆต้นแล้ว

ต้นกล้าก็ต้องไปหามาเอง ขอตามหน่วยงาน ระดมเด็กๆในหมู่บ้านพุน้ำเปรี้ยวมาช่วยกันปลูก

แต่สิ่งเหล่านี้ เจ้าหน้าที่บางคนไม่สนใจ แต่เบิกงบโครงการมาปลูก 3 ต้นนั่นแสนยิ่งใหญ่

ช่วยกันปลูกเพื่อให้เป็นป่ากลับคืนมา

05

ช่วยกันปลูกเพื่อให้เป็นป่ากลับคืนมา

เหล่าพระก็พากันช่วยกันดูแลและปลูกป่ากันทุกปี

กล้าไม้นำมาจากหน่วยงานต่างๆแบบไปขอกันเอง ไม่เกี่ยวกับหน่วยงานอุทยานในพื้นที่

#ไอ้ห่า..หน่วยงานราชการไทยจงเจริญ

ที่ตรงนี้เป็นป่าเสื่อมโทรมไม่ใช่ผืนป่าอนุรักษ์

เราตรวจสอบแน่ชัด ถึงได้เข้ามาเป็นที่อยู่ปฏิบัติธรรม

การเบียงแบนแผนที่จากเจ้าหน้าที่บางคนที่นี่ เขาบอกว่า ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน

แต่วัดป่าเดือดร้อนเพราะพวกงี่เง่ามาขับไล่ ด้วยความไร้เหตุผลนี่แหละ

ที่อื่นเขาอมเงินโครงการคนจน ฟินเวอร์ไปทั่วประเทศ

แต่ที่นี่ อาจจะมีการอมเงินโครงการพุทธอุทยาน เบิกเงินทุกปีแต่ไม่ทำงานหรือเปล่า

ถ้าทำงาน การหาเรื่องใส่ความวัดป่าบุญญพลังก็จะไม่มี

ที่สำคัญ ในใบให้การ การตรวจสอบของเจ้าหน้าที่เขตสามบ้านโป่ง

นาย ฐิติ โสมภร์ ให้การกับเจ้าหน้าที่เองว่า

ตลอดสองปี ตนไม่เคยเข้ามา เพราะถือว่าเป็นสถานที่ไม่สุ่มเสี่ยงต่อการกระทำความผิด

ไม่สุ่มเสี่ยง ไม่เข้ามา แต่มีการเบิกงบโครงการออกมา

เงินโครงการที่เบิกออกมา เมื่อไม่เข้ามา แล้วเบิกเอาออกมาใช้ทำอะไร

ถ้าเอามาใช้กับโครงการจริง เราก็จะไม่โดนการกล่าวหาว่าบุกรุก

เมื่อไม่สุ่มเสี่ยง ไม่บุกรุกแล้วมาขับไล่ทำไมกันว่ะ..!!