แม้สิ้นชีพไปแล้ว ต่างก็ต้องมีวิบากกรรมที่ต้องเผชิญ

แม้สิ้นชีพไปแล้ว ต่างก็ต้องมีวิบากกรรมที่ต้องเผชิญ

1997
0
แบ่งปัน

คนเรา เมื่อมีชีวิตอยู่ ควรจะหมั่นทำบุญทำทานเอาไว้สม่ำเสมอ

เบื้องหลังความตายนั้นยังมีอะไรที่ยังคาดไม่ถึงอยู่

พวกมากรู้และรู้มาก มักจะเห็นว่าเรื่องเหล่านี้ เป็นเรื่องของความวิปลาส

งมงาย และวิเคราะห์กันไปนั่นนี่โน่น ด้วยความไม่รู้ด้วยความคาดเดาเป็นเหตุ

เบื้องหลังความตายนี่ มันมีผลแห่งวิบากที่ซ่อนตัวอยู่

ผู้ที่โดนผีเข้าในครั้งนี้ ต่างก็ไม่เคยเป็นอาการเช่นนี้กันมาก่อน

ทุกคนมีการศึกษา แต่เมื่อมีอาการทางจิตแห่งพลังงานมาผัสสะ

การแสดงออกทางพฤติกรรมต่างก็แยกย่อยกันออกไป ตามกระแสสัญญาวิบาก

ตรงนี้ ด้วยความไม่รู้ จึงเกิดลัทธิถือผีขึ้นมา นี่ไม่ใช่ไปว่าเขาโง่ อย่างบางพวกให้นิยามพวกเขา

แต่ล้ทธิถือผีนี่ มันไม่มีใครมาอธิบาย เรื่องพวกนี้ออกมาได้ ด้วยเหตุด้วยผล

มันเป็นอาการกริยา ที่เกินใจของคนทั้งหลายจะต้านทาน

เมื่อต้านไม่ได้ ก็ย่อมมีความกลัว และสยบต่อพลังงานกระแสเหล่านี้
เป็นธรรมดา

การเซ่นไหว้บวงสรวงเพื่อสักการะสิ่งเหล่านี้ ที่เกินอำนาจควบคุม

มนุษย์ก็จะปรุงแต่งกันไปต่างๆ นาๆ

บ้างก็คิดว่า สิ่งเหล่านี้สามารถ ทำลาย และบันดาลให้มนุษย์ มีความเจริญ อยู่ดีกินดีได้

ลัทธิการขอจากสิ่งที่มองไม่เห็น และเกินจะต้านทานได้ มันก็เลยเกิด

และเกิดเป็นความเชื่อที่เรียกว่า ศาสนา

ศาสนาไหนที่เชื่อว่าขอได้ ศาสนานั้น ล้วนเป็นศาสนาแห่งความงมงาย ที่มีรากฐานมาจาก ความเชื่อที่บังเกิดขึ้นจากพลังงานที่มองไม่เห็นทั้งสิ้น

นี่..เป็นความเชื่อและปรุงแต่งของมนุษย์

เหล่าวิญญานที่นี่ เป็นพลังงานที่ยังไม่หมดอายุขัย

จึงต้องชดใช้วิบากอยู่ในสภาพ อากาศวิญญาน

ซึ่งวิบากของแต่ละคนมันก็ไม่เท่ากัน มากน้อยไปตามผลแห่งกรรมที่ได้กระทำมา

พระอริยะเจ้าผู้เห็นสิ่งเหล่านี้ แต่บางท่านก็มืดบอดไม่เห็นสิ่งเหล่านี้ก็มีเยอะเหมือนกัน

ผู้ที่เห็นชัด ท่านก็จะสาวผลเหล่านี้ลงไปหาเหตุ

ท่านจะหาเหตุว่า เพราะเหตุใดหนอ สิ่งเหล่านี้ มันจึงมี และมีอย่างไม่เป็นสาธารณะต่อคนทั้งหลาย

เมื่อสาวลงไปด้วยอำนาจแห่งเจโตปริญาณ ก็จะทราบชัดถึงเหตุแห่งกรรม ที่ยังผลเป็นวิบาก ให้ปรากฏผลขึ้นมาดั่งที่เป็นผลอยู่เช่นนี้

เหตุทั้งหลาย ที่ทำให้อายุขัยวิญญานไม่สามารถครองรูปให้ต่อเนื่อง จนหมดอายุขัยแห่งรูป นั่นก็คือ ปาณาติบาต

กรรมแห่งปาณาติบาต หรือการเบียดเบียนรูป ที่มีเจ้าของ จะส่งผลให้วิบากแห่งอกุศลมาทำลายรูป ก่อนที่จะหมดอายุขัยแห่งวิญญาน

รูปก็อย่างหนึ่ง วิญญานครองรูปก็อย่างหนึ่ง วิบากแห่งปาณาติบาต หรือการเบียดเบียนรูปที่มีวิญญานครอง

จะทำให้เจ้าของแห่งเหตุที่สร้างกรรม จะต้องชดใช้

การฆ่า ที่เกิดจากเจตนาร้าย ทั้งชอบใจและไม่ชอบใจ หรือเฉยๆ

และเป็นการฆ่า ผู้มีรูปอันเป็นกุศลต่อเรา ต่อสาธารณะ ต่อแผ่นดิน

การฆ่าหรือเบียดเบียนรูปที่มีกุศลเช่นนี้ จะเป็นวิบากกรรมหนัก

เช่นฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าผู้ทรงศีล ฆ่าคนมีบุญมีใจอันเป็นกุศล ฆ่าพระเจ้าแผ่นดินผู้ทรงคุณ

นี่..หากเบียดเบียนสิ่งที่ครองรูปที่มีคุณเช่นนี้ รูปที่มีวิญญานครอง รูปจะโดนทำลายและสลายไป ก่อนอายุขัยของวิญญานจะหมดเสมอ

และจะเป็นแทบทุกชาติ ที่ได้เกิดกำเนิดมามีรูป

พระโมคลานี่ เบียดเบียนพ่อแม่ ท่านยังต้องชดใช้จนถึงนิพพานในชาติสุดท้ายกันเลยที่เดียว

หากเบียดเบียนด้วย กาย วาจา ใจ ที่ไม่ได้ทำลายรูป ผลแห่งอกุศลวิบากกรรม ก็เผชิญเบาบางลงมา

อาจเป็นแค่พิการ โรคภัยไข้เจ็บ เจ็บป่วยเมื่อยล้า ก็ว่ากันไปตามผลกำลังแห่งวิบาก

นี่..เรื่องกรรมนี่ มันลึกซึ้งซับซ้อน ยากแก่การตามรู้

ไม่ใช่มาวิเคราะห์กันด้วยเหตุด้วยผลของเหล่า กู กู

ที่รู้มากและมากรู้ ว่าอย่างนั้นว่าอย่างนี้

คนที่กรรมยังไม่สุกงอมมาให้ผล มันก็คิดว่า ผลแห่งความชั่วที่ตนทำนั้น มันไม่มี

ความอหังการ์ในมานะทิฏฐิ มันจึงเอารู้ที่มันภูมิใจว่ามี ฟาดฟันผู้อื่นฟาดฟันแม้แต่ใจตน ด้วยความหลงไหลเมามัว

เรื่องทั้งหลายนี่ เราถ่ายทอดกันออกมาให้เห็นว่ามันมี

เหล่าผู้ที่เป็นวิญญานนี่ เขาจะเน้นมาก เรื่องการทำบุญ

เขาจะบอกข้าเสมอ ให้บอกเพื่อนเขา ญาติเขา ขอให้ทำบุญ

การทำบุญ เหล่าผีจะมองเห็นชัด และผลแห่งกุศลวิบากแห่งบุญ เป็นตัวยืนยันให้แก่เขา

เขาพลาดไปแล้ว ที่สมัยตอนมีรูป เขาทำมาน้อย ทำให้ผลที่เขาพึงมีเป็นเสบียง มันน้อยไปตามกำลังที่เขามี

แต่เรื่องเช่นนี้ ถ้าข้าบอกต่อไป เขาก็จะไม่เชื่อกัน

แม้การทำบุญทำกุศลจะเป็นแค่สมมุติอย่างหนึ่ง

แต่เพราะจิตเรามันอาศัยสมมุติเกาะ มันจึงต้องว่ายไปตามครรลองธารแห่งกระแส

ส่วนข้านี้ ทำโดยไม่เอาบุญ อยู่ก็แค่ทำๆ กันไป

การแสวงหาตุ๊กตาให้เด็กน้อย แม้ไม่ใช่หน้าที่ แต่มันก็มีความสุขในความเป็นอยู่ ที่ได้ทำได้แสวงหาตุ๊กตาให้เด็กน้อย

ตุ๊กตาหามีค่าไม่สำหรับคนที่ไม่ต้องการ แต่อิ่มใจที่ได้ทำสิ่งที่ไร้ค่าแก่ตน ที่มันมีค่าอย่างยิ่งใหญ่ ให้แก่ผู้อื่น

ด้วยจริตวาสนาเช่นนี้ ข้าจึงเป็นพี่เป็นพ่อหลวงของเหล่าผี ที่เขาต่างเรียกหา

พวกทำลายพระพุทธรูป ด้วยข้ออ้างไม่มีในตำรา เอาตำรามาเป็นสรณะ มาเป็นที่พึ่ง

แต่ไปทำลายความเชื่อความศรัทธาของคน โดยไม่มีเหตุมีผลที่ดีรองรับ

เจ้าพวกนี้ ข้าเคยถามผี ผีบอกว่า กรรมใครกรรมมัน

แต่เป็นอกุศลกรรมที่หนักหน่วงรุนแรง กายตกเมื่อไหร่ย่อมไหลไปทางมืด

พระพุทธรูป ไม่ใช่พระพุทธเจ้า

แต่พระพุทธรูป เป็นสมมุติตัวแทนของพระพุทธเจ้า ที่พวกเราใช้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวใจ

ไม่สร้างก็อย่าไปทำลาย ส่วนพวกที่บ้ากันสร้างเพื่อหากินหาตังค์หาเงิน

ผีบอกว่า เจ้าพวกนี้ แม้บวชอยู่ในพระพุทธศาสนา กายแตกเมื่อไหร่ ต่างไหลไปสู่ความมืดมิดหมด

สร้างได้ เพื่อเป็นไปต่อสาธารณะ ต่อแผ่นดิน

แต่หากสร้างเพื่อเป็นหนทางเส้นทำมาหากิน

กายแตกปุ๊บ ดิ่งดีดผึงไปสู่มหานรกปั๊บ

และนรกสำหรับพวกยึดสมมุติ มันก็มีของมันตามโปรแกรมสมมุติของมันซะด้วย

ชีวิตที่เหลือจากนี้ ขอกลับใจเถิด จงระวังด้วยสติ ว่าอย่าไปอยากเกิด หลอกลวงใคร

พรุ่งนี้ จะเอาเรื่องที่เขาอัดเทปการพูดคุย ที่ข้าเทศน์ให้เหล่าผีฟัง มาลงให้อ่าน

พระธรรมเทศนา จากบทธรรม เรื่อง *** โปรดผีเจ้านาง ที่ถ้ำขุนน้ำนางนอน ท่อนสอง *** ณ วันที่ 3 กรกฎาคม 2558 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง