ชาวพราหมณ์อินเดียมองพระไทย ในมุมที่พระไทยคาดไม่ถึง

ชาวพราหมณ์อินเดียมองพระไทย ในมุมที่พระไทยคาดไม่ถึง

1236
0
แบ่งปัน

ข้านี่ มีเพื่อนเป็นคนอินเดียอยู่หลายคน เป็นพราหมณ์ที่ศรัทธาในวิถีพุทธ แต่เขาเป็นฮินดู

เป็น ด๊อกเตอร์ก็มี ผู้นำทางศาสนาก็มี และความแตกต่างทางด้านวรรณหลายๆคนก็มี

ชาวอินเดียที่เป็นฮินดู เป็นพราหมณ์ เขามองว่าพุทธศาสนาเป็นส่วนหนึ่งที่แยกออกไปจาก ศาสนาของเขา

เป็นกิ่งหนึ่งของเหล่าพราหมณ์ที่ดำเนินมาทางปัญญา ไม่ขึ้นกับความเชื่อที่ไม่มีเหตุปัจจัย

เขาภูมิใจในบรรพบุรุษของเขา ที่เรานับถือเป็นพระพุทธเจ้าของเรา ความภูมิใจของเขา ไม่เกี่ยวกับ เหล่าสาวกทั้งหลาย ที่เป็นพระอย่างพวกเรา

ข้าไปสู่อินเดีย ด้วยความภาคภูมิใจ ในการที่ได้เดินทางไปในเพศบรรพชิต

ไตรจีวรชุดเดียว เดินอย่างสง่าผ่าเผย ท่ามกลางสายตาของคนฮินดู ดูเขาแปลกใจและชื่นชม

หลายท่านน้อมเข้ามานมัสเต เอามือซ้ายแตะหน้าอก เอามือขวาแตะที่เท้าข้า

ก้มลงและกล่าวนมัสเตด้วยความภูมิใจ ที่ได้เห็นสาวของบรรพบุรุษเขา ยังคงยืนอยู่บนผืนแผ่นดิน

ดร. อรชุน ได้กล่าวว่า นานแล้วแม้แต่บนผืนแผ่นดินของอินเดีย ที่ไม่ได้เห็น พระครองจีวรด้วยผ้าบังสกุล เป็นผ้าผืนเดียวเก่าคร่ำ เดินอย่างสง่างามประกาศตัวเช่นนี้

การเปลือยไหล่ ครองผ้าสังฆฏิ ย่ำไปบนพื้นด้วยเท้าเปลือยเปล่า ท่ามกลางอากาศแสนหนาว ที่ไม่มีอะไรมาห่อหุ้ม นอกจากไตรจีวร

ตรงนี้ สร้างความนับถือและเลื่อมใสต่อพุทธศาสนิกชน ที่หันมานับถือลัทธิต่าง ได้เหลียวกลับมองหันมาดู

เขาอยากเข้ามากอด มาจับหลังเท้า เพื่อขอเดินตามรอยเท้า อย่างที่บรรพบุรุษของเขาได้เคยประกาศไว้

แต่เดี๋ยวนี้ บนผืนแผ่นดินแทบไม่มี ที่มีก็เต็มไปด้วยความมักมาก ไม่ยังอัตภาพให้เกิดความพอดี ตามที่พระศาสดาบรรพบุรุษของเขา ได้ให้ทางเอาไว้

เขาบอกว่า พระจากเมืองไทยเสื่อมถอยมาก พระพุทธเจ้าของเขา ละจากความเป็นพระราชา มาสู่ความเป็นยาจก

แต่สาวกแห่งพุทธศาสนา ละจากความเป็นยาจก อยากมาเป็นพระราชา

พระต่างๆที่มา ไม่ว่าจะเป็นจาก จีน ฑิเบต ไทย ญี่ปุ่ญ พม่า ลาว เขมร ศรีลังกา เนปาล

บังคลาประเทศ แม้แต่ในอินเดียเอง ล้วนทำตัวสูงส่ง เป็นเทวดา

บ้าคลั่งการบูชา หากมาหน้าหนาว พระทั้งหลาย จะปกคลุมร่างกายด้วยเครื่องห่มหุ้มกายแบบมหาเศรษฐี เป็นพระพวกผู้ดี ไม่เหมือนนักบวชในประเทศเขา ที่ไม่ใช่พุทธ

ทั้งหมวกไหมพรม ถุงมือ ถุงเท้าซ่อนเสื้อกันหนาวภายในและห่มชั้นนอก ผ้าพันคอขนสัตว์ กินอยู่อย่างอลังการ อาหารเลิศหรู เอาแต่ใจยกตัวเองเป็นเทวดา และข่มขู่ผู้คน ยังกะไม่ใช่คน

นี่..พอบวชแล้ว เป็นเทพเจ้า เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ แตะไม่ได้ ว่าไม่ได้ เป็นของสูงที่ควรเทิดทูลบูชา ไม่ว่าจะเป็นไอ้เหี้ยไอ้ห่าที่ไหน ก็เป็นเหมือนกันหมด

นี่..เขามองอย่างนี้

ส่วนพวกเขานี่ อยู่อย่างพอมีพอกิน นักบวชที่นี่ เปลือยกายไม่เอาอะไร ท้าทายความหนาวก็มี อยู่อย่างละสิ่งสะสม พอยังอัตภาพ

มาบวชแล้วสละ อยู่แค่ยังอัตภาพเพื่อหาโมกธรรม แม้ดูสกปรกรุงรัง แต่นักบวชของเขา มันน่าเลื่อมใสต่อจิตใจผู้คน ที่แตกต่างจากพระอย่างเราๆ ที่มีความเป็นอยู่ อย่างมหาเศรษฐี

บรรพบุรุษของเขาบวชเพื่อละ แต่สาวกบวชเพื่อสะสมให้อิ่มหมีพีมัน แม้นักบวชของเขาเอง ที่เป็นพระ เป็นพุทธศาสนา

ต่างก็กอบโกยสะสม ด้วยความโลภโมโทสันด้วยกันแทบทุกคน พุทธศาสนาในดินแดนเขา จึงมีไม่ถึง 1% จากคนเป็นพันล้าน นี่พุทธมันเสื่อมถอยในประเทศเขา

เพราะเห็นชัดถึงความเป็นศาสนาแห่งการกอบโกย แย้งกับคำชี้สอนชาวบ้านว่าให้สละ อย่าไปยึดมั่นถือมั่น

นี่..นักบวชเราที่เป็นพุทธศาสนา ในสายตาของชาวอินเดีย ที่เป็นเจ้าของศาสนา

มันน่าอายจริงๆ ที่พระพุทธเจ้าครองผ้าชุดเดียว แต่ของเรามันพอกซะหลายชุด

มันน่าอายจริงๆ ที่พระพุทธเจ้าย่ำเท้าด้วยพระบาทเปล่า แต่เราย่ำเท้าแค่ตอนไปขอเขาแดก

พระมหากัสปะ ครองผ้าที่ปะแล้วปะอีก จนหนาเตอะเป็นจีวรคร่ำ แต่เราสาวกรุ่นหลัง ผ้าใหม่สีสด หลากหลายชุดใหม่ๆเตรียมไว้ใส่ ยังกะเสื้อชาวบ้าน

ชาวอินเดียเขาถือว่า นี่ไม่ใช่นักบวช เขาถือว่า นี่เป็นแค่เห็บที่มาเกาะหนังหมาแดกเพื่อเลี้ยงตัวตน

เป็นเห็บพุทธที่ประกาศตน ว่าตนเป็นเจ้าของแห่งผืนหนังหมา

เมื่อมาเจอพระอย่างข้า เขากลับบอกว่า นี่ไม่ใช่พระ พวกเขาไม่ได้ก้มกราบด้วยความเป็นพระ อย่างใครเขาเข้าใจ

พระที่เดินตามหลังมากมาย พวกเขาไม่กราบนมัสเต เขาถือว่านั่นเป็นพระทั่วไป ที่เป็นธรรมดาที่เขาเห็นและเข้าใจอยู่แล้ว

แต่ที่เขามากราบมัสเต เพราะเขาเห็นว่านี่เป็นนักบวช ที่บวชเข้ามาเพื่อยังศาสนาของบรรพบุรุษเขาให้เจริญรุ่งเรือง

เขากราบด้วยความเป็นผู้เดินตามรอยพระบาท ของพระผู้เป็นเจ้าที่เขาภาคภูมิใจด้วยความเคารพ

และเมื่อได้คุยธรรมกัน ความศรัทธาในธรรมที่ตรงและเห็นชัดตามรู้ได้ สร้างความปลื้มปิติใจ ในความเป็นพุทธศาสนา ที่เขาค้นหา ไม่ต้องลอกจากพระสูตรหรือหนังสือมา

นี่..ภาวะเช่นนี้ ที่เขามองมาทางเรา เขาย่อมตัดสินตามความเห็นและทิฏฐิเขา

แต่เรา ผู้เดินตามรอยเท้าพระพุทธองค์ เรา..แหกคอกด้วยตัณหาอัตตาด้วยความเป็นเรา หรือเรา เดินตามทางที่พระพุทธองค์ได้ทรงชี้ไว้จริงๆ

การยืนอย่างสง่าผ่าเผยในต่างแดน อย่างไม่หวั่นไหวในสายตาใคร แม้แต่เจ้าของต้นแบบแห่งศาสนาก็ยังหวั่นไหว

นี่..เพราะความมั่นใจในธรรม และความประพฤติ ตามครรลองธารแห่งการถือธุดงค์

ธุดงค์คือการชำระกิเลส ด้วยกาย วาจา ใจ นักบวชไทยก่อนไปอินเดีย ชำระใจให้ใจมันเกิดการธุดงค์หรือยัง

ถ้ายัง..อยู่เมืองไทยเฝ้ากองกิเลสไว้ อย่าเผยโฉมออกไป ให้ใครๆที่อินเดีย เขาสมเพชและเวทนาในเบื้องหลังอันแสนอดอยาก แล้วเอาตัวมาฝากพุทธศาสนา เพื่อขุนตัวเองให้อ้วนท้วนสบายอุรา

ไอ้ห่า..!! บวชมาเป็นขี้ข้ากิเลส บวชมาทำห่าอะไรให้ใครเขาดูถูกเอา…!!!