ทำบุญมาก ก็เป็น อสูรกายได้

ทำบุญมาก ก็เป็น อสูรกายได้

1257
0
แบ่งปัน

ข้าเองนี่ มีชื่อเสียงมาก ในเหล่าหมู่ผี หมู่พรหมเทวา พวกเรารู้ไหม ถ้าถามชื่อข้าแล้วเป็นรู้จัก นี่..ผีมันบอก

ข้ามีชื่อเสียงในความดื้อด้าน ไม่ฟังใคร ลบหลู่สิ่งที่เขางมงาย เหล่าผี เหล่าเทวาบางที่นี่ ไม่ค่อยชอบ

ลูกศิษย์ : พระอาจารย์เคยเล่าให้ฟัง แต่อยากฟังอีก

พระอาจารย์ : แต่เหล่าผู้ตามๆ กันมา เหล่าพรหมท่านว่า มันไม่ค่อยจะเข้าร่องเข้ารอยกัน ทิฏฐิมันต่างคนต่างสูง นิสัยมันก็เลวพอกันนั้นแหละ มันจึงตามๆกันมา

ถ้าพวกเราหันหน้ามาเข้าใจกัน ด้วยหัวใจแห่งความเป็นบุญญพลัง อย่างที่มาร่วมๆ กันในขณะที่ข้าเป็นผู้นำทางอยู่

แม้ข้าตายวันนี้ องค์พระ และหัวใจแห่งบุญญพลัง ก็ยังสามารถ ดำเนินการต่อไปได้ ข้าเคยคุยกับเหล่าพรหม ถึงข้อความแห่งทิฏฐิคน

ท่านเล่าว่า มันก็เป็นของมันเช่นนี้กันมา นับเป็นแสนๆ ชาติ มันแก้ไม่ได้ ถ้าใจเจ้าของ ไม่พยายามแก้ใจตนเอง

ถ้าพวกเราแก้ใจตนเองได้ มองโลกและรอบข้างได้ อย่างตรงตามความเป็นจริง อย่าเอาทิฏฐิมานะแห่งตน เข้าไปตัดสิน

เหล่าพรหมเทวา ท่านก็บอกว่า ท่านขอสาธุการในกุลบุตรลูกหลานแห่งพรหม

ถ้าทุกคน ระงับเครื่องเศร้าหมองแห่งทิฏฐิตนลงได้ ชาตินี่ เป็นอันว่า เป็นบุคคลเดินตามข้าเข้าไปสู่นิพพานได้

อย่างน้อยก็ไม่กลับมาเกิด นี่….. พรหมท่านยืนยันมาอย่างนี้

นี่… เรามันชอบเผลอสติ เอาความรู้สึกแห่งใจตน ไปตัดสินคน ความแตกแยกร้าวฉาน มันก็จะเพิ่มเป็นรอยปริ แยกและแตกกันไป ในที่สุดได้

นี่..เป็นธรรมดาของใจที่พวกเราเคยเป็นกัน และเรากำลัง เดินตามรอยเดิม ที่พวกเราเคยผิดหวัง

และจมหายลงไปแห่งธารแห่งทิฏฐิตน ในรอยแยกปริอันมีขนาดแค่รอยขีดข่วนนั้น

และความโง่เช่นนี้ เรามักจะฉลาดกันทุกชาติไป

ยังไง ชาตินี้ เราก็คงเจอกันเป็นครั้งสุดท้าย เรารักษาใจเรา อย่าให้รอยปริเกิดเป็นแผลในใจ หมั่นทายาและรักษามันไว้

ยังไงเราก็จะได้ร่วมเดินทางไปสู่จุดหมายเดียวกัน ชาตินี้ ไม่มีแก้ตัวแล้ว จากแล้วจากเลย อย่าได้แตกแยกกันเชียว เพลาๆ อารมณ์แห่งทิฏฐิตนกันลงบ้าง

ข้านี้มีคบเพลิงอันเป็นแสงสว่าง ให้แก่ทุกคนได้เดินทางในท่ามกลางความมืดมิด ในตอนนี้อยู่แล้ว อย่าหลับตาเดินกันอีกเลย

ในความมืดนั้น มันยังมีแสงไฟ เป็นแสงแห่งธงชัย ที่จะชี้นำ ให้พวกเราก้าวออกไปจากความมืดแห่งทิฏฐิใจตน

แสงไฟอยู่ตรงหน้า ลืมตาขึ้นมาซิ มองเห็นไหม

แสงไฟแม้สว่างไสว หากแต่ใจยังมืดมัว มันก็ไม่ต่างอะไรกับทางเดินที่มีคบไฟ แต่ใจมันยังหลับตาอย่างไม่ยอมลืม

ความมืดมิด ไม่ได้เกิดกับหนทาง

ความมืดมิด มันเกิดจากใจที่มันไม่แหกตามองในหนทางที่สว่างไสวด้วยแสงแห่งไฟ

หลายคนในกลุ่มเรา ตายตอนนี้ โอกาสเป็นสัตว์มีสูง เรื่องจิตนี่สำคัญ เอาแต่ใจตนต้องได้ดั่งใจนี่ เป็นอสรูกายได้

ข้าเคยเจออสูรกาย เป็นชายร่างงาม นอบน้อมต่อพระในวัดร้างแห่งหนึ่งทางอยุธยา

ขณะเดินจงกลม ข้าเห็นยืนอย่างสง่าที่ใต้ต้นลูกจัน

คราวแรกนึกว่าเป็นเทวดา เพราะรูปหน้าตาร่างงามจัด แต่ไร้แสงประกาย

เมื่อมาหยุดที่เสาหลักแรกแห่งทางจงกลม จึงกำหนดจิตถามไป

ได้ความว่า เป็นโยมศรัทธาข้ามาก่อนในสมัยอดีตชาติ สมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม

มหาเจดีย์สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมที่อยู่ข้างวิหารนี่ เขาเป็นผู้สร้าง แต่ยังไม่เสร็จดี เพราะตายซะก่อน

เป็นคนใจบุญ ทำกุศลอยู่เนือง ชอบทำบุญทำทาน แต่ใจมักมีสันดานเพ่งโทษคน

เพ่งโทษข้าในสมัยนั้น เพราะความที่ไม่ถูกใจตน เพราะคิดว่าตนนี้ เป็นคนทำบุญ เป็นคนทำเพื่อศาสนา ตนเป็นคนถูกทุกอย่าง

ใครพูดก็ไม่ฟัง พระพูดก็ไม่ฟัง เถียงเพื่อให้ทุกคนเห็นว่าตนนั้นเป็นคนถูก

เมื่อกายแตก ใจก็ลงร่องต่ำ เมื่อเจอเพื่อนร่วมบุญมาเยี่ยมเยือน ยามป่วยไข้

ใจที่เป็นสันดานแก้ไม่หาย มันก็คิดแต่ว่า พวกมาเยี่ยมนี่ คงมาสมน้ำหน้าเขาแน่ที่ป่วยเช่นนี้

เจดีย์ก็ยังไม่เสร็จ ป่วยก็ป่วย คนก็คงมาเย้ยหยันที่ทำอะไรไม่ได้ ที่สุดก็ตรอมใจตาย

ตายแล้วมาเป็นอสรูกายรูปงาม นี่..รูปงามเพราะสร้างวัด สร้างเจดีย์ สร้างพระองค์โต

แต่ใจที่อบรมน้อย ต้านกระแสได้น้อย มันต่ำลงสู่ภูมิ อสูรกาย

เขาเข้ามาขอขมากรรมที่ทางจงกลม เมื่อแผ่เมตตาจิต อโหสิกรรมซึ่งกันและกัน ผลบุญที่เขาได้กระทำ ก็เปิดทางให้เขาได้เสวยบุญ

เรื่องคุยกับผีนี่ วันหลังค่อยเล่า นี่โม้มายาวแล้ว เดี๋ยวพวกก็ด่าว่าโม้ยาวไปอีก

วันนี้ขอสวัสดี

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 2 มีนาคม 2558 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง