เกิดมาเพื่อตายหรือ

เกิดมาเพื่อตายหรือ

1261
0
แบ่งปัน

ยามเช้า เราลองสงบสติอารมณ์เราซักพักซิ

ลองนั่งทบทวนชีวิตของเราดู ว่าไอ้ที่เราได้เกิดมานี่ เราเกิดมาเพื่ออะไร

หรือเราเกิดมาแค่ได้ นอน กิน สืบพันธุ์ และระหวาดระแวงภัยที่จะมาถึงตัว

แล้วก็ตายห่าไป โดยไม่มีเหี้ยอะไรในความหมายที่ได้เกิดมาเป็นตัวเป็นตน

ลองนั่งนิ่งๆ แล้วนึกดู ลองทบทวนแนวทางแห่งชีวิตที่ได้เกิดมาบ้าง

ยังไงเราก็ต้องตาย ยังไงเราก็ต้องจาก จากสิ่งที่เรารักและหวงแหน

ลองเหลียวมองสิ่งรอบๆ ด้วยปัญญาดู อย่าเอาแค่ตากูดู ให้เอาปัญญาดู

ว่าไอ้ที่เหนื่อยแสนเหนื่อย ในความเป็น พ่อ แม่ งานการทั้งหลายนี่ เราทำไปเพื่ออะไร

เราแสวงหาทั้งชีวิตนี่ เราทำไปเพื่ออะไร

เพราะที่สุด เราก็ต้อง แก่ ต้องเจ็บ ต้องตายลาจาก จากทุกๆสิ่ง

ถามใจตนเองดู ว่าเราโง่ไหม ที่เกิดมาเหนื่อยยากด้วยการแสวงหาดิ้นรนต่อสู้แทบตาย

สุดท้ายก็ต้องจากมัน จากทุกสิ่ง จากอย่างสูญสิ้น

หากกลับมาเกิดอีก ก็ต้องเผชิญกับสิ่งเหล่านี้อีก

ผู้คนเดิมๆ ภูเขา ต้นไม้ สัตว์ บุคคล สิ่งของ พระอาทิตย์ พระจันทร์ ทำงาน ดิ้นรน แสวงหา สะสม และจากทิ้งมันไปเป็นขยะเหมือนเดิม

ลองมองเหลียวดูมันบ้างซิ ชีวิตเกิดมามันเป็นเช่นนี้

หรือชีวิตนี้ เราจะอยู่อย่างนี้ เพราะไม่จะทำอย่างไรดี ทนๆ มันไป

ให้เวรกรรมมันหวดกระหน่ำกันไป ก็เกิดมาแล้ว ไม่รู้จะทำยังไงนี่หว่า

คิดได้แค่นี้ น่าจะไปเกิดเป็นตัวตุ่นว่ะ เพราะตุ่นมันก็คิดได้แค่นี้เหมือนกัน

เราเป็นมนุษย์ เรามีปัญญา ถอยออกมามองเห็นความจริงแห่งธรรมชาติได้

เห็นความจริงไหม ว่าสรรพสิ่งทั้งหลาย ไม่จีรังยั่งยืน ไม่แน่นอน มันเป็นธรรมดาของมันเช่นนี้ ยอมรับมันได้ไหม

หากมีดวงตามองเห็นธรรมชาติแห่งความจริงเช่นนี้ได้

ฝึกใจยอมรับมันได้ นี่เป็นมนุษย์ผู้ที่เกิดมา มีดวงตาเห็นธรรม

เรา..เป็นผู้เลือกที่จะลืมตาขึ้นมอง หรือหลับตาให้มันมืดบอดมิดสนิท อยู่ที่เรากำลังใจของเรา

ปัญาคือ การคิดเช่นนี้ มันเป็นการคิดแบบตัวกูคิด ไม่ใช่จิตมันเป็นอย่างตัวกูคิด

ตัวกูน่ะคิดได้ แต่ต้องทำใจในตัวกู เพื่อย้อมความคิดเหล่านี้แก่จิตอยู่เนืองๆ

ย้อมให้มันชำนาญ และใช้สติปัญญาตรองตาม เมื่อยามผัสสะ

จิตมันจะได้เกิดแรงต้านกระแสอารมณ์ ย้อมทุกวัน ย้อมบ่อยๆ ย้อมเนืองๆ

เมื่อถึงเวลาสุกงอมของมัน เราจะมีดวงตาเข้าใจว่า ไอ้ตัวกูนี่ มันเกิดมาไม่รู้จะเกิดมาเอาอะไร ทำอะไร เพื่ออะไร

ทั้งๆที่อะไรต่ออะไรมันเป็นแค่สมมุติ ม้ตัวกูผู้เป็นเจ้าของ มันก็สมมุติ

รู้เช่นนี้ มีดวงตาเห็นเช่นนี้ ด้วยตัวของมันเอง

จะมีตัวกูหรือไม่มีตัวกู การกลับมาก่อรูปด้วยตัณหาอุปาทาน มันก็จะไม่มี

พระธรรมเทศนาจากบทธรรม เรื่อง ******* ธรรมแท้ธรรมเทียม ***** ณ วันที่ 10 มิถุนายน 2558 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง